Porsche World Roadshow 2021 จ่าย 15,000 บาท เพื่อขับ 911 GT3 คุ้มไหม? – ผู้จัดการออนไลน์



“Porsche World Roadshow” หนึ่งในกิจกรรมระดับโลกที่จัดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ผู้ที่สนใจหรือเจ้าของรถยนต์ปอร์เช่ได้มีโอกาสสัมผัสกับรถรุ่นต่าง ๆ แบบเต็มสมรรถนะ โดยในปีนี้ เมื่อภาครัฐเริ่มผ่อนปรนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทางปอร์เช่ ประเทศไทยจึงได้จัดงานนี้ขึ้น

Porsche Taycan Turbo S

สำหรับ Porsche World Roadshow 2021เป็นความร่วมมือระหว่าง ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ร่วมกับ ปอร์เช่ ประเทศเยอรมนี นำรถยนต์ปอร์เช่ครบทุกรุ่นพร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญการขับขี่รถยนต์ปอร์เช่ (Porsche Instructor) จากประเทศเยอรมนี มาร่วมให้คำแนะนำพร้อมสาธิตการขับขี่อย่างใกล้ชิด

The new Macan เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงานนี้

โปรแกรมขับขี่ในสถานีต่าง ๆ ถูกออกแบบขึ้นเพื่อเสริมสร้างทักษะในการควบคุมรถยนต์ ให้การขับขี่เป็นไปอย่างปลอดภัยภายใต้สถานการณ์หลากหลายแบบโดยเป็นการแสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนามากจากรถแข่งในกีฬามอเตอร์สปอร์ต ซึ่งถูกถ่ายทอดมาไว้ในรถปอร์เช่ทุกคัน ตามนโยบายของ “AAS Looking after YOU and your CAR เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ”

กองทัพ ปอร์เช่ ครบทุกรุ่นหลัก

ผู้เข้าร่วมงานจะได้สัมผัสปอร์เช่ทุกรุ่น โดยเฉพาะสายพันธุ์เทอร์โบและจีที ที่ถูกส่งตรงจากโรงงานปอร์เช่ เยอรมนี กว่า 15 รุ่น เช่น ปอร์เช่ 911 จีที 3 ใหม่, ปอร์เช่ 911 ทาร์กา 4, ปอร์เช่ 911 เทอร์โบ เอส, ปอร์เช่ 718 บ็อกซเตอร์ เอส, ปอร์เช่ พานาเมร่า จีทีเอส และ ปอร์เช่ คาเยนน์ เทอร์โบ เป็นต้น

บั้นท้ายสวยๆ ของเหล่าสายพันธ์สปอร์ต

รวมทั้งรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าอย่าง ปอร์เช่ไทคานน์ เทอร์โบ เอส และไทคานน์ 4 เอส ครอส ทัวริสโม ใหม่ โดยมี การเปิดตัวและลองขับครั้งแรกของ มาคันน์ โฉมไมเนอร์เชนจ์ ในกิจกรรมนี้ด้วย

สำหรับโปรแกรมการขับขี่ที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้สัมผัสตลอดระยะเวลา 1 วันเต็ม ประกอบไปด้วยสถานีการขับขี่ต่างๆ จำนวน 5 รูปแบบ ดังต่อไปนี้

รวมแล้วมากกว่า 15 รุ่นที่จัดให้ลองขับ

Porsche 911 Carrera

สถานี “Braking & Moose Test”

เริ่มต้นด้วยการทดสอบระบบเบรกที่มีความปลอดภัยสูงสุดของรถยนต์ปอร์เช่ทั้งระบบรักษาเสถียรภาพและระบบป้องกันการลื่นไถลบนท้องถนน พร้อมกับการทดสอบประสิทธิภาพของระบบ Porsche Stability Management (PSM) ซึ่งผู้ขับขี่จะสัมผัสได้ถึงความแตกต่างของเสถียรภาพการทรงตัวของรถเมื่อเปิดและปิดระบบ PSM

Porsche 911 Turbo S

จุดนี้การทดสอบเริ่มต้นด้วยคิวของการทดลองเบรกโดยใช้ 911 Turbo S รอบแรกเหยียบออกตัวแบบปกติ แล้วเบรกกะทันหันที่จุดเบรก พบว่าสามารถเบรกหยุดก่อนถึงสิ่งกีดขวางได้อย่างสบาย ๆ รอบสองลองออกตัวด้วยระบบ Launch Control รถพุ่งเร็วมาก และเบรกเต็มแรงที่จุดเดิม ระยะเบรกเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยแต่มั่นใจว่าเบรกอยู่

รอบต่อมาสลับรถมาให้งานรุ่น 911 4s รอบแรกเปิดระบบ PSM วิ่งออกตัวด้วยความเร็ว เมื่อถึงสิ่งกีดขวาง ให้หักพวงมาลัยหลบอุปสรรค รับรู้ได้ว่าเรายังควบคุมรถให้พ้นได้อย่างง่ายดาย โดยไม่เสียการทรงตัว ขณะที่รอบสองปิดระบบ รถปลิวแบบต้องปล่อยไปตามความแรง บางท่านถึงกับหมุนขวาง 180 องศาก็มี

กลัวลื่นไม่พอ ต้องจัดน้ำให้หนัก

เบรกสนิทอย่างมั่นใจ

Porsche Panamera 4S E-Hybrid Sport Turismo



สถานี “Handling”

ผู้ขับขี่จะได้สัมผัสถึงอาการของรถเมื่อมีการเปลี่ยนทิศทาง หรือการเลี้ยวอย่างรวดเร็ว ในสถานีนี้จะแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการยึดเกาะถนนและระบบช่วงล่างของรถยนต์ปอร์เช่ได้เป็นอย่างดี โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ รถสปอร์ตตัวแรงกับกลุ่มรถยนต์นั่ง

รอบแรกเราได้จัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์นั่งที่มีทั้งคาเยนน์, พานาเมราและไทคานน์ ซึ่งการได้ขับแต่ละรอบแล้วลงมาต่ออีกหนึ่งรุ่นจะทำให้เราทราบถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน บุคลิกของรถแต่ละคันนั้น ไม่เหมือนกันเลย หากคุณอยู่ระหว่างการตัดสินใจเลือก รับประกันได้ว่าหากได้มาลองขับในงานนี้จะเลือกรถได้อย่างถูกต้องตรงกับความต้องการไม่ผิดหวังแน่นอน

Porsche Panamer GTS

สำหรับสถานีการบังคับควบคุม จะเน้นในเรื่องของการเข้าโค้งและการทรงตัว รวมถึงอัตราเร่งช่วงต้นที่มีทางตรงพอให้ลองได้ เราสามารถทำความเร็วสูงสุดของแต่ละรุ่นได้ระหว่าง 145-155 กม./ชม. ทั้งที่เป็นทางสั้นๆ เรียกว่า การตอบสนองช่วงต้นดีมาก

ส่วนพวงมาลัยน้ำหนักเหมาะมือตรงกับสไตล์การขับขี่ที่เราชอบ ได้เข้าโค้งแรงๆ หลายครั้ง บอกได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า มั่นใจในประสิทธิภาพของการเกาะถนน ไม่ต้องห่วงว่าจะหลุด เมื่อขับภายใต้ระบบเสริมความปลอดภัยที่เปิดไว้อย่างครบถ้วน ความรู้สึกโดยรวมของทั้งสองรุ่นจะมาในโทนนุ่มนวล และไม่ย้วย

Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe

ฝูงรถยนต์นั่งของปอร์เช่

สายสปอร์ตนำทีมโดย 911 GT3

ขณะที่การลองขับในรอบถัดมาเป็นกลุ่มรถสปอร์ต ที่มีทั้ง 911 และ 718 เคย์แมน เราเริ่มต้นที่ 718 เป็นคันแรก จัดว่าเป็นรถขับสนุกได้ความรู้สึกเร้าใจแบบสปอร์ตพันธ์แท้ แม้จะมีกำลังเพียง 350 แรงม้า เทียบกับคันอื่นๆ แล้วดูน้อย แต่ความรู้สึกในการขับไม่ได้เป็นรองมากนัก

รอบถัดมาสลับมาขับ 911 Carrera เปลี่ยนอารมณ์ไปในทันที รู้สึกสุขุมและเป็นผู้่ใหญ่มากขึ้น การดูดซับแรงสะเทือนทำได้เนียนกว่า 718 แบบชัดเจน จากนั้นขยับไปที่ 911 ทาการ์ เอส เพิ่มความแรงอีกหนึ่งระดับ สุดท้ายไปจบด้วย รถในฝันระดับตัวแข่ง 911 จีที3

911 S Cabriolet

ซึ่ง 911 จีที3 โฉมใหม่ล่าสุดภายใต้รหัสพัฒนา 992 เพิ่งเปิดตัวในไทยเมื่อกลางปีที่ผ่านมากับค่าตัวเริ่มต้น 17,900,000 บาท โดยเป็นคันที่นำเข้ามาจากเยอรมันเป็นกรณีพิเศษสำหรับกิจกรรมนี้โดยเฉพาะ บอกได้คำเดียวว่า เนียนที่สุด เป็นมิตรกับผู้ขับมากขึ้นและเป็นรถแข่งที่ใช้งานในชีวิตประจำวันได้สบายจริง

911 GT3 บินตรงจากเยอรมันเพื่องานนี้

แค่ได้ขับเซ็ตนี้ก็คุ้มเกินค่าเข้าร่วมแล้ว

718 Boxster S

สถานี Slalom

สถานีนี้ผู้ขับขี่จะได้เรียนรู้วิธีการควบคุมรถยนต์โดยใช้พวงมาลัยหักหลบสิ่งกีดขวางบนถนน พร้อมกับการควบคุมทิศทางที่แม่นยำและความคล่องตัวของรถขณะเข้าโค้งทางแคบด้วยความเร็ว รวมถึงศักยภาพการทรงตัวของรถยนต์ปอร์เช่ที่โดดเด่นกว่าคู่แข่ง โดยเลือกใช้ 718 บอกเซอร์ ในการทดลองขับจุดนี้

เราได้ทดลองขับทั้งสิ้น 4 รอบ โดยสองรอบแรกเป็นการวอร์มอัพ เพื่อให้คุ้นกับไลน์การขับ หลังจากนั้นเป็นการขับแบบจับเวลา เทคนิคสำคัญคือ พยายามใช้ความเร็วคงที่เพื่อการบังคับควบคุมที่ง่าย อย่ากดคันเร่งให้รถพุ่งมากเกินไป เพราะจะทำให้รถดิ้นและเสียเวลามากกว่า

ขับหลบกรวยยาง ภารกิจง่ายๆ แต่ยากทันทีเมื่อต้องทำเวลาให้เร็ว

ผลจากการขับตามเทคนิคที่ผู้เชี่ยวชาญสอนโดยเขานั่งไปด้วยออกปากชมการขับของผู้เขียนว่า “ดีเยี่ยม” คือ การทำเวลาได้ดีที่สุดเป็นอันดับ 3 ของผู้เข้าร่วมทั้งหมด 40 ท่าน ตัวรถเมื่อใช้ความเร็วคงที่อย่างเหมาะสมจะทำให้การบังคับควบคุมง่ายดาย เกาะหนึบแน่น แม่นยำและมั่นใจได้

เกาะหนึบจริงๆ

การขับบนถนนจริงจะได้ความรู้สึกที่แตกต่างกับการขับในสนามอย่างแน่นอน

Road Tour

สถานีสุดท้ายถูกจัดขึ้นเพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้สัมผัสการขับขี่รถยนต์ปอร์เช่แบบบนถนนจริง รวมถึงสมรรถนะของระบบขับเคลื่อนของ E-Hybrid พร้อมกับความพิเศษสุดในการทดลองขับมาคันน์ โฉมไมเนอร์เชนจ์ ใหม่ ครั้งแรกในประเทศไทย

เราได้ลองขับ มาคันน์ เป็นคันแรก ภาพรวมคือ รถขับเนียนดี แม้เครื่องยนต์จะเล็กเพียง 2.0 ลิตร แต่ยังคงให้ความสนุกสนานในการขับขี่และความรู้สึกเกาะถนนมั่นคงได้ไม่น้อยหน้ารุ่นพี่อย่างคาเยนน์ เรียกว่าค่าตัวที่ถูกลงมาเหลือเริ่มต้นเพียง 4.69 ล้านบาท ทำให้ มาคันน์ กลายเป็นรถปอร์เช่ที่น่าคบหามากขึ้นกว่าเดิม



ถัดมาเป็นการนั่งใน ไทคานน์ ครอส ทัวริสโม ความรู้สึกสบายและเสียงที่เงียบภายในห้องโดยสารคือ ความแปลกใหม่ที่คุณจะหาได้จากรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น ส่วนความแรงและการตอบสนองของอัตราเร่ง เหนือกว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์เป็นตัวขับเคลื่อนแบบทิ้งขาด ชนิดที่บรรยายอย่างไรคงไม่เท่าการได้ลองขับด้วยตนเอง

ขับแบบไม่กลัวยางหมด



Taxi Round

สุดท้ายกิจกรรมจบลงด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมทุกท่านได้มีโอกาสนั่งไปกับครูฝึกโดยจะเป็นการขับแบบ Hot Lap เพื่อโชว์ทักษะขั้นสูงและศักยภาพของตัวรถแบบเต็มที่ นับเป็นประสบการณ์ที่หลายท่านเดินลงมาแล้วกล่าวว่า “ขออีกรอบได้ไหม” ขณะที่กองเชียร์ที่ชมอยู่ด้านข้างสนามส่งเสียงในทำนองเดียวกันว่า “ว้าว”

เบรกหนักแต่ไม่เสียการทรงตัว

กิจกรรม Porsche World Roadshow เปิดจองสำหรับผู้ที่สนใจ โดยมีค่าใช้จ่าย 15,000 บาท ตลอดกิจกรรม เหนืออื่นใดหากท่านใดจองรถยนต์ปอร์เช่ ภายในงาน ค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะถูกนำมาคืนให้เป็นส่วนลดมูลค่า 30,000 บาท ทันที ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ทุกครั้งที่กิจกรรมPWRS เกิดขึ้นจะถูกลูกค้าจองเต็มอย่างรวดเร็วเสมอ แน่นอนว่า กิจกรรมลักษณะนี้ การจะเข้าร่วมได้ต้องติดต่อผ่าน ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเท่านั้น ซึ่งในเมืองไทยคือ เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส

ไทคานน์ รถไฟฟ้า 100% ไร้ไอเสีย ส่วนควันขาวข้างหลัง มาจากไหน คำตอบคือ ยาง นั่นเอง

ลื่นแค่ไหนก็ควบคุมได้ ถ้าไม่ปิด PSM