Porsche เผยโฉม 911 GT3 R เจเนอเรชันใหม่ล่าสุด

ชตุทท์การ์ท-การมาถึงของรถแข่ง Porsche 911 GT3 R เจเนอเรชันล่าสุด ทำให้ Porsche พร้อมส่งรถแข่งคันใหม่ให้แก่ทีมแข่งอิส ระถือเป็นผู้ท้าทายรายใหม่ที่จะลงแข่งในสนามความเร็วทั่วโลกในรายการแข่งขันในรุ่น GT3 สำหรับรุ่นนี้มีพื้นฐานมาจากรถสปอร์ท Porsche ตัวถัง 992 รุ่นปัจจุบัน ซึ่งจะถูกส่งลงสู้ศึกตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของฤดูกาล 2023 โดยกระบวนการพัฒนาได้เกิดขึ้นเมื่อปี 2019 โดยมุ่งเน้นไปที่การยกระดับการขับขี่สำหรับนักแข่งมืออาชีพ หรือที่เรียกกันว่า Gentleman Drivers รวมทั้งเสริมประสิทธิภาพตัวรถให้มีความยืดหยุ่นสามารถรองรับ Balance of Performance (BOP) ที่แตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นเพื่อการแข่งขันที่มีประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังเน้นไปที่ความปราดเปรียวในการบังคับควบคุม และลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาให้แก่ทีมแข่ง

Michael Dreiser ผู้อำนวยการของแผนก Porsche Motorsport กล่าวว่า รถแข่ง Porsche 911 GT3 R ใหม่ ต้องเข้ามารับบทบาทอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้ ซึ่งในโมเดลรุ่นพี่ได้เคยเอาชนะได้เกือบทุกการแข่งขันที่มีในระดับของ GT3 ตลอด 4 ฤดูกาลที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2019 โดยความสำเร็จอันโดดเด่นนั้นได้รวมเอาชัยชนะ Overall ไว้ในการแข่งขันระยะยาว 24 ชม. ทั้งที่สนาม Nurburgring และสนาม Spa-Francorchamps จากฝีมือของเหล่าทีมแข่งอิสระของเรา โดยรถแข่งรุ่นก่อนหน้ามีคะแนนสะสมเป็นอันดับ 1 ของรุ่นในรายการ Daytona 24 ชม. และ Sebring 12 ชม. รถแข่งรุ่นใหม่ต้องพร้อมรับมือกับภารกิจที่หนักหน่วงของทีมแข่งอิสระทั้งหลาย

หลังจากมีการการประกาศให้การแข่งขันในรุ่น GT3 เป็นอีก Professional Category ของการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ North American IMSA Series รายการ FIA WEC World Endurance Championship ก็ได้มีการประกาศให้การรับรองตามมาติดๆ ว่า ตั้งแต่ฤดูกาล 2024 เป็นต้นไป รถแข่งในรุ่น GT3 อาทิ Porsche 911 GT3 R ใหม่ จะสามารถเข้าร่วมการแข่งขันในรายการระดับตำ นาน Le Mans 24 ชม. ได้เป็นครั้งแรก

Sebastian Golz ผู้จัดการโครงการ 911 GT3 R ของแผนก Porsche Motorsport กล่าวย้ำว่า เราบรรลุวัตถุประสงค์ ด้วยความสำเร็จที่เหนือธรรมดาของรถแข่งรุ่นก่อนหน้า ด้วยเหตุนี้ บรรทัดฐานสำหรับรุ่นถัดมาถือจึงถูกกำหนดมาตรฐานไว้สูงมาก โดยงานของเราไม่ได้เน้นหนักที่การทำให้รถแข่ง Porsche 911 GT3 R คันใหม่วิ่งได้เร็วขึ้น ภายใต้กรอบข้อจำกัดด้านสมรรถนะของรุ่นการแข่งขันนี้ถูกกำหนดเอาไว้ด้วย BOP (Balance of Performance) ซึ่งทำลายข้อได้เปรียบดังกล่าวลงโดยสิ้นเชิง สำหรับเราความสำคัญอันดับแรก คือ การที่ทีมแข่งจะต้องขับรถได้ด้วยความเร็วเป็นระยะเวลาที่นานกว่าเดิม สิ่งนี้ต้องอาศัยประสิทธภาพความทนทาน และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่เรามุ่งเน้นไปที่การพัฒนาประสิทธิภาพการขับขี่เป็นหลัก สะท้อนให้เห็นจากเครื่องยนต์ขนาดความจุ 4.2 ลิตรบลอคใหม่ ที่รองรับการทำงานในรอบเครื่องยนต์กว้างขึ้น มีความมั่นคง และมีเสถียรภาพของระบบอากาศพลศาสตร์ยิ่งขึ้น รวมทั้งลดน้ำหนักที่เป็นภาระของยางหลังให้น้อยลง ทั้งหมดนี้มีส่วนช่วยให้รถมีศักยภาพวิ่งได้ยาวนานยิ่งขึ้น

หัวใจของรถแข่งคันใหม่ คือ ขุมพลังที่ใกล้เคียงกับเครื่องยนต์มาตรฐานของรถสปอร์ท Porsche 911 เจเนอเรชัน 992 เช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้า นั่นคือ เครื่องยนต์ 6 สูบนอน ระบายความร้อนด้วยน้ำ มาพร้อมเทคโนโลยี 4 วาล์ว/สูบ และระบบจ่ายเชื้อเพลิงตรงเข้าห้องเผาไหม้ Direct Fuel Injection ในส่วนของการปรับปรุงหลัก คือ ความจุของกระบอกสูบ เช่นเดียวกับรถแข่ง Porsche 911 RSR และขนาดเครื่องยนต์ของรถแข่ง Porsche 911 GT3 R ใหม่ ได้รับการขยายขนาดเพิ่มขึ้น 5 % จาก 3,997 CC เป็น 4,194 CC ยกระดับความแรงสูงสุดกว่า 565 แรงม้า (416 กิโลวัตต์) อย่างไรก็ตาม Porsche ยังคงปรับแต่งเครื่องยนต์ให้มีแรงบิด และกำลังสำ รองเพียงพอตลอดทุกรอบความเร็ว ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ขุมพลัง 6 สูบ ขนาด 4.2 ลิตร สามารถสนองตอบการขับขี่สไตล์ Gentleman Drivers ได้อย่างเหมาะสมที่สุด

เครื่องยนต์ 6 สูบรอบจัด ทำงานโดยปราศจากระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จ วางตำแหน่งท้ายรถในรูปแบบดั้งเดิมสุดคลาสสิค ถ่าย ทอดกำลังขับเคลื่อน และตอบสนองต่อการเบรคได้เป็นอย่างดี เครื่องยนต์ได้รับการขยับเอียงตัวขึ้นอีก 5.5 องศา สอดรับกับอุปกรณ์จัดเรียงกระแสอากาศใต้ท้องรถ Underbody Diffuser มากยิ่งขึ้น อุปกรณ์ส่วนควบต่างๆ อาทิ อัลเทอร์เนเตอร์ และคอมพเรสเซอร์ของระบบปรับอากาศ ถูกย้ายตำแหน่งไปด้านหน้า และเยื้องต่ำลงไปบริเวณพื้นที่ด้านหน้าเครื่องยนต์ และชุดส่งกำลัง ซึ่งส่งผลเชิงบวกในแง่ของการสมดุลน้ำหนักของรถแข่ง Porsche 911 GT3 R รวมไปถึงระบบเกียร์ Sequential 6 จังหวะเพื่อสำหรับการแข่งขัน ยกมาจากรถแข่ง Porsche 911 GT3 Cup รุ่นปัจจุบัน แท่นเปลี่ยนเกียร์ Shift Paddles Control และ Electronic Shift Drum Actuator รับหน้าที่ควบคุมจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ด้วยความรวดเร็ว และแม่นยำ

ระบบช่วงล่างของรถแข่ง Porsche 911 GT3 R ใหม่ ผ่านการปรับแต่งอย่างละเอียดในหลายจุดเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการขับขี่ โดยมีวัตถุประสงค์ในการเสริมความเฉียบคมให้การบังคับควบคุมพวงมาลัย ลดภาระที่จะส่งผลกระทบต่อการสึกหรอของยางหลัง รวมทั้งลดระยะเวลาที่ใช้ในการเปลี่ยนแปลง Setups ตัวรถ ส่วนประกอบ และแนวทางการแก้ไขด้านวิศวกรรมจำนวนมาก ถูกถ่าย ทอดมาจากรถแข่ง Porsche 911 RSR สำหรับช่วงล่างด้านหน้าปีกนกคู่ Double Wishbone ระดับ State-of-The-Art ช่วงล่างด้านหลังแบบ Multi-Link ออกแบบเพื่อเน้นการขับขี่สไตล์สปอร์ตทเต็มพิกัด ชอคอับ KW ที่พัฒนาขึ้นใหม่ พร้อมปรับการทำงานได้ถึง 5 ระดับ ด้วยวิธีการโมดิฟายด์ที่รู้จักกันดีในชื่อของการรองแผ่น Shims โดยขั้นตอนการติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวสามารถทำได้ด้วยความแม่นยำ และไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการปรับตั้งมุมล้อใดๆ ทั้งสิ้น

มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งของจุดติดตั้ง Central Pivot ของล้อคู่หน้าให้เหลือพื้นที่มากขึ้นสำหรับแนวคิดด้านอากาศพลศาสตร์ “Race Underfloor” เฉกเช่นเดียวกับรถแข่ง Porsche 911 RSR นับเป็นการจัดระเบียบการไหลของกระแสอากาศใต้ท้องรถไปจนถึงชุด Diffuser ท้าย และยังช่วยลดการยกตัวของรถแข่งได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น อาการท้ายปัดที่เกิดขึ้นในขณะเบรค ล้อคู่หลังถูกขยับไปด้านท้ายอีกเล็กน้อย ซึ่งเป็นการยืดระยะฐานล้อจาก 2,459 มม. เพิ่มขึ้นเป็น 2,507 มม. ผลที่เกิดขึ้นนอกจากจะช่วยลดภาระที่เกิดขึ้นกับยางหลัง ยังมีส่วนช่วยรักษาประสิทธิภาพในการยึดเกาะของยางให้ยาวนานยิ่งขึ้น

เสริมด้วยคาลิเพอร์เบรค 6 ลูกสูบ Aluminium Monobloc สำหรับการแข่งขัน จานเบรคของรถแข่ง Porsche 911 GT3 R ใหม่ ได้รับการสนับสนุนโดย AP ผู้ผลิตระบบเบรคที่มีความเชี่ยวชาญ จานเบรคคู่หน้าเซาะร่องระบายความร้อนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 390 มม. ระบบเบรคหลังคาลิเพอร์ 4 ลูกสูบ จานเบรคขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 370 มม. ควบคุมการทำงานด้วย Software Application อันชาญฉลาด Racing ABS เจเนอเรชันที่ 5 ลดการสึกหรอของหน้ายางขณะชะลอความเร็ว นอกจากนี้ระบบ Traction Control ของ Porsche ยังได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมเช่นเดียวกัน

รถแข่ง Porsche 911 GT3 R ใหม่ เป็นรถแข่งสายสนามคันที่ 2 ของแผนก Porsche Motorsport หลังการเปิดตัวรถแข่ง Porsche 911 GT3 Cup ซึ่งพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของรถสปอร์ท Porsche 911 รุ่นตัวถัง 992 อันเป็นเจเนอเรชันปัจจุบัน ด้วยโครงสร้างน้ำหนักเบา ผลิตจากวัสดุ Aluminium-Steel Composite สุดไฮเทค ดัดแปลงเป็นพิเศษเพื่อใช้กับรถแข่ง Porsche 911 GT3 R ภายใต้งานดีไซจ์นของรถจากสายการผลิตปกติ ชิ้นส่วนตัวถังเกือบทั้งหมดผลิตจากวัสดุคาร์บอนน้ำหนักเบา ไม่ว่าจะเป็นฝากระโปรงหน้า และหลัง ประตู สเกิร์ทข้าง ปีกหลัง รวมทั้งหลังคารถ  ในส่วนของซุ้มล้อผลิตจาก Aramid Fibres

ถึงแม้รถแข่ง Porsche 911 GT3 R ใหม่ จะให้ความสำคัญกับฟังค์ชันการใช้งานเป็นอันดับแรก แต่กระนั้น  Grant Larson จากแผนก Style Porsche ยังคงประสบความสำเร็จอีกครั้งในการสร้างสรรค์ความน่าประทับใจของรูปทรงที่โค้งมนลื่นไหลลงตัวตลอดหัวจรดท้าย ทีมงานตอกย้ำอัตลักษณ์เฉพาะตัวอันโดดเด่นของ Porsche 911 ผสมผสานกับประสิทธิภาพการทำงานสุดยอดเยี่ยม ความน่าอัศจรรย์ทั้งหมดสะท้อนผ่านหลักอากาศพล ศาสตร์ของตัวรถ ส่วนสำคัญ คือ ชิ้นส่วนใต้ท้องรถบริเวณด้านหน้าของล้อ นับเป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งแผ่นปิดใต้ท้องแบบเรียบ และชุด Diffuser หลัง การทำงานร่วมกันของทั้งคู่ช่วยเพิ่มแรงกดให้แก่ตัวรถโดยไม่ส่งผลต่อแรงต้านทานอากาศ ปีกหลังติดตั้งด้วยจุดยึดแบบ Swan-Neck มั่นใจได้ว่า กระแสอากาศจะวิ่งผ่านใต้ปีกอย่างเป็นระเบียบ อันเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์

ความปลอดภัย คือ สิ่งที่รถแข่ง Porsche 911 GT3 R ใหม่ ให้ความสำคัญโดยไม่มีการลดหย่อนแม้แต่น้อย เบาะนั่งได้รับการปรับเลื่อนตำแหน่งเข้าใกล้ศูนย์กลางตัวรถยิ่งขึ้น ช่วยให้ Porsche ดัดแปลงตัวเบาะให้รองรับหลักสรีระศาสตร์ได้มากขึ้น รวมทั้งมีการปรับปรุงโครงสร้างนิรภัย Roll Cage และคานนิรภัยด้านข้าง Side Impact Protection ตามกฎข้อบังคับล่าสุดของ FIA เช่นเดียว  กับตัวแข่งรุ่นพี่ พวงมาลัย และแป้นเหยียบต่างๆ สามารถปรับระยะเพื่อให้เหมาะสมกับนักแข่ง ผู้เชี่ยวชาญจาก Porsche ใส่ใจใน  การดูแลความปลอดภัยของจุดเชื่อมต่อสายไฟทั้ง 6 ตำแหน่ง ตัวเบาะเลื่อนเข้าลอคด้วยความรวดเร็วกว่าเดิมผ่านรางแบบพิเศษ ให้ความปลอดภัยในเสี้ยววินาทีที่รถแข่งเข้า Pit Stops เพื่อเปลี่ยนตัวนักแข่ง ส่งต่อด้วยงานออกแบบพวงมาลัยที่มาพร้อมการอัพเกรด ฟังค์ชันจากรถแข่งรุ่นก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแสดงผลขนาด 10.3 นิ้ว หรือ Multi-Switch ซึ่งได้รับการพิสูจน์ประสิทธิภาพจากความสำเร็จในรายการ One-Make Cup และชัยชนะในรายการ Le Mans ของรถแข่ง Porsche 911 GT3 Cup และ 911 RSR

ไฟหน้า LED สมรรถนะสูงของรถแข่ง Porsche 911 GT3 R ใช้เทคโนโลยี Collimator ซึ่ง Porsche พัฒนาขึ้นสำหรับรถต้นแบบ LMDH 963 Prototype ทำงานในลักษณะเดียวกับกระจก Magnifying Glass แต่เป็นการสะท้อนแบบย้อนกลับ ให้แสงสว่างเป็นบริเวณกว้าง ครอบคลุมพื้นที่ของเส้นทางในสนามแข่ง และได้รับการปรับปรุงเพิ่มขึ้นอย่างมากจากรุ่นก่อนหน้า ที่ได้รับการยอมรับถึงประสิทธิภาพในระดับหัวแถว