Mini Electric Pacesetter inspired by JCW พลังไฟฟ้าร้อนแรงจากสนามแข่ง ! | The 38th Thailand International Motor Expo 2021 – Motor Expo

Mini Electric Pacesetter inspired by JCW เปิดตัวในประเทศไทย พร้อมให้ยลโฉมยนตรกรรมที่ผสานโลกอนาคตแห่งการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเข้ากับตำนานในสนามแข่งของ John Cooper Works การออกแบบ Mini Electric Pacesetter inspired by JCW นั้นเกิดจากการร่วมมือกันครั้งแรกของทีมออกแบบของ Mini และ BMW Motorsport แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ขับขี่สนุกตามสไตล์มินิที่มาพร้อมความคล่องตัวแบบรถยนต์ไฟฟ้า

Mini Electric Pacesetter inspired by JCW สามารถลดน้ำหนักลงได้เหลือน้ำหนักโดยรวมประมาณ 1,230 กก. ส่วนระบบขับเคลื่อนนั้นเป็นมาตรฐานเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า Mini กำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 28.6 กก.-ม. อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 6.7 วินาที (รุ่นมาตรฐานอยู่ที่ 7.3 วินาที) และทำอัตราเร่ง 0-60 กม./ชม.ใน 3.6 วินาที (รุ่นมาตรฐานอยู่ที่ 3.9 วินาที) ซึ่ง Mini Electric Pacesetter inspired by JCW แสดงให้เห็นถึงความสามารถของระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่มีแรงบิดสูงพร้อมเกียร์แบบ Single-Speed ที่​​ทำให้ทำความเร็วได้ถึง 120 กม./ชม. ภายใน 4.3 วินาที (รุ่นมาตรฐานอยู่ที่ 4.6 วินาที)

ด้านหน้าของรถ Mini Electric Pacesetter inspired by JCW ยังคงไว้ในแบบฉบับมินิสุดคลาสสิค ทั้งไฟหน้าทรงกลม และกระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมที่คุ้นตา ในขณะเดียวกันก็ผสานองค์ประกอบที่เป็นเอกลักษณ์ของ JCW เช่น ซุ้มล้อใหม่ที่ได้รับการปรับให้พอดีกับความกว้างของล้อ เสริมด้วยสเกิร์ทด้านหน้า กระจังหน้าปิดทึบ ส่วนโลโก Mini Electric ก็แสดงออกถึงการใช้พลังงานไฟฟ้าที่เป็นหัวใจของรถ Safety Car รุ่นนี้นั่นเอง

ลวดลายสีเหลืองที่เด่นชัดและพื้นผิวของชุดแต่งแอโรไดนามิกส์ เช่น ลวดลายด้านข้างรถ สเกิร์ต และสปอยเลอร์หลัง ได้รับการออกแบบมาให้รีดลม รับกับการเป็นช่องทางผ่านของอากาศ นอกจากนี้ยังเพิ่มความสวยงามให้กับแผ่นเบนอากาศและขอบแอโรไดนามิกส์ เพิ่มความเร้าใจด้วยล้อแมกแบบฟอร์จขนาด 18 นิ้วแบบ 4 ก้าน ในโทนสีดำสลับสีส้มนีออนสะดุดตา

ด้านท้ายรถเป็นสีดำและสีแดง Curbside Red metallic ตัดด้วยลายเส้นสีเหลืองที่ลากสายตาจากหน้ารถมาข้างรถ เสริมภาพลักษณ์ที่ทันสมัยและคล่องตัวในสนาม สปอยเลอร์บนหลังคาด้านหลังโดดเด่นลู่ลม ส่วนลายเส้นสีเหลืองนั้นถูกรวมเข้ากับชุดไฟสัญญาณ และผลิตขึ้นจากโรงงานในเมืองออกซ์ฟอร์ดด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์แบบ 3 มิติ ซุ้มล้อแบบกว้างเปิดเน้นให้เห็นถึงความกว้างของรถ และเข้ากันได้ดีกับสเกิร์ทด้านหลังที่มีร่องตัดบริเวณซุ้มล้อหลัง ช่วยให้มองเห็นยางรถแข่งสุดดุดัน และระหว่างล้อมีดิฟฟิวเซอร์ โดยเมื่อมองรถจากท้ายรถ จะมองเห็นลวดลายสีเหลืองที่เด่นชัด และปราศจากท่อไอเสีย เพราะเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนโดยระบบไฟฟ้านั่นเอง

ภายในของตัวรถนั้นติดตั้งอุปกรณ์ที่จำเป็นของรถเซฟตี้คาร์ เหลือแต่เบาะคู่หน้า โดยเบาะฝั่งคนขับมาพร้อมเข็มขัดนิรภัย 6 จุดที่ได้รับการรับรองสำหรับทั้งการแข่งรถและการใช้งานบนท้องถนน ส่วนพวงมาลัยเรียบง่าย ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ดูดซับแรงกระแทกได้ และจอแสดงผลดิจิทัล ส่วนคอนโซลกลางคงเหลือแต่ด้ามเกียร์ เบรคมือ และ สวิทช์ควบคุมไฟ สัญญาณเท่าที่จำเป็น โดยทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมด ส่วนมือเปิดประตูใช้สายผ้าดึง และโรลเคจนิรภัยแบบเต็มลำ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด