เรียกเราว่าตำรวจไฮบริด! “เชษฐพร บัวจันทร์” เกราะคุ้มกันเมืองกรุง – ผู้จัดการออนไลน์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



(Police Focus)

ยังยึดมั่นเป็นศัตรูกับยาเสพติด 191 ภายใต้ยุค พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผบก.สปพ. และคีย์แมนอย่าง พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.1 บก.ทท.1 บช.ทท.อดีต ผกก.สายตรวจ บก.สปพ.ทิ้งผลงานแกะรอยเครือข่ายกัญชาออนไลน์ จับผู้ต้องหา 5 ราย พร้อมของกลางอัดแท่ง 600 กก. มูลค่า 12 ล้านบาท มีพฤติการณ์ขับรถกระบะลำเลียงจาก จ.มุกดาหาร แวะบ้านพักที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา แล้วให้รถยนต์อีกคันขับกรุยทางนัดหมายส่งของที่ ลานจอดรถโลตัส พระราม 2 จากนั้นไปเก็บไว้บ้านพักย่านท่าข้าม

พ.ต.ต.เชษฐพร บัวจันทร์ สว.งานสายตรวจ 2 บก.สปพ.ทีมงานชุดคลี่คลายคดี เล่าว่า สืบเนื่องจากการแฝงตัวในโลกออนไลน์ เฝ้าดูพฤติกรรมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ปลอมแปลงเอกสาร ฉ้อโกง และอื่นๆ ใช้เวลา 1 เดือนกว่า ทราบเบาะแสจับกุมกัญชา 616 กก. ที่ จ.นนทบุรี ผ่านอีก 1 เดือน ขยายผลจับกุมเครือข่ายดังกล่าวได้ที่บ้านพัก 3 ราย ลานจอดรถ 1 ราย และ อ.ปากช่อง 1 ราย โดยแบ่งหน้าที่กันทำทั้งลำเลียง แพ็กใส่กล่องพัสดุ ส่งระบบขนส่งเอกชนได้ค่าจ้าง 50,000-100,000 บาทต่อครั้ง

191 อยู่ระหว่างขยายผลผู้เกี่ยวข้องที่เหลือเชื่อว่าหากจับกุมครั้งที่ 3 อาจจะได้ตัวพร้อมของกลาง หรือเป็นความผิดมูลฐานไปสู่การสมคบของ ตัวการใหญ่ยาเสพติดเป็นตัวการหลักของการก่ออาชญากรรมต่างๆ ตนมองว่า ถ้าจะให้หมดไปจากประเทศนั้น ต้องเปลี่ยนโครงสร้างการทำงาน และแบ่งหน้าที่รับผิดชอบใหม่ นโยบายตั้งแต่ระดับรัฐบาลให้ บูรณาการกันจริงๆ ทั้งตำรวจ ป.ป.ส. ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตำรวจจับกุมเป็นเพียงปลายเหตุเพราะของทะลักเข้ามาแล้ว

ผบช.น.และ ผบก.สปพ.มีนโยบายปราบปรามยาเสพติดมาต่อเนื่อง แต่ต้องไม่ลืมหน้าที่หลักของ 191 การป้องกันปราบปรามอาชญากรรม อีกหน้าที่คือการสืบสวนจับกุม ถ้าบอกว่าเราเป็นนักสืบด้วยไหมใช้คำว่า ไฮบริด ดีกว่า รูปแบบงานแบ่งเป็น 3 สายงาน สายตรวจ 1 รับผิดชอบกรุงเทพเหนือ สายตรวจ 2 กรุงเทพใต้ และสายตรวจ 3 ฝั่งธน จัดรถยนต์ออกตรวจตราพื้นที่ตลอด 24 ชม. เพื่อป้องกันเหตุ ช่วยเหลือประชาชน หรือรับแจ้งเหตุจากศูนย์วิทยุ 191 รวมถึงสนับสนุนภารกิจสายตรวจท้องที่ พร้อมเหน็บอาวุธพิเศษปืนไฟฟ้า (Taser) ใช้ระงับเหตุ

คดีสำคัญถ้ามองในแง่มุมตำรวจสายตรวจ คือ คดีที่เกิดขึ้นกับประชาชนขณะนั้น แข่งกับเวลา ให้เขาได้รับการป้องกัน หรือระงับเหตุเร็วที่สุด เมื่อไม่นานมานี้ พื้นที่ สน.ยานนาวา เกิดเหตุชายคลุ้มคลั่งใช้มีดจี้คอชายสูงอายุ เราใช้ปืน Taser ยิงจนล้มลงก่อนเข้าควบคุมตัว ฉะนั้น ยิ่งทำงานเร็วเท่าไร เขาก็ยิ่งปลอดภัยมากเท่านั้น ถือเป็นหัวใจหลักงานสายตรวจเลย อย่างเหตุกราดยิงก่อนหน้านี้บ้านเราไม่มี ความท้าทายอยู่ที่ในขณะนั้นเราจะตัดสินใจอย่างไร และมีวิธีการรับมือกับอาชญากรรมรูปแบบใหม่อย่างไร

“ประเด็นที่สังคมตั้งคำถามว่า ช่วงนี้เกิดเหตุปล้นร้านทองขึ้นเยอะมาก มาจากความบกพร่องการปฏิบัติหน้าที่ของสายตรวจหรือไม่ ก่อนอื่นเราต้องดูว่าคนเดือดร้อนเงินไม่พอใช้มากขึ้นไหม บวกกับมีปัจจัยอื่นมาประกอบด้วย พอสิ่งต่างๆ เหล่านี้ควบคู่กัน มันก็ทำให้เกิดอาชญากรมากขึ้น ร้านทองจริงๆ แล้ว เขาก็มีมาตรการป้องกันในระดับหนึ่ง แต่อาจจะหละหลวมในขณะนั้น หรือจำนวนคนร้ายอาจเพิ่มมากขึ้น จึงปรากฏข่าวปล้นร้านทองมากมาย ผมเชื่อว่า ถ้ามีการป้องกัน หรือเตรียมการที่ดี ก็สามารถรับมือกับมันได้สารวัตรหนุ่มวัย 31 ปี กล่าว

เส้นทางรับราชการ สารวัตรจุ้ยพื้นเพเป็นชาว จ.นครศรีธรรมราช พ่อรับราชการเป็นนักพัฒนาสังคม ส่วนแม่เป็นครู เห็นพ่อแม่ช่วยเหลือคนมาตั้งแต่เด็ก ไม่แปลกที่มีความคิดอยากเป็นข้าราชการ สุดท้ายสอบติดทหารบก กับตำรวจ แต่ด้วยพี่ชายเข้ารั้ว จปร.แล้ว จึงเลือกเหล่าตำรวจ จบ นรต.รุ่น 66 ลงพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสระบุรี รอง สว.สส.สภ.เมืองสระบุรี เข้าเมืองกรุงเป็น รอง สว.งานสายตรวจ 2 บก.สปพ.ขึ้น สว.กก.ศูนย์รวมข่าว (ผ่านฟ้า) และโยกกลับ สว.งานสายตรวจ 2

นามขาน จักรพล 2-1กล่าวต่อว่า ย้ายจากภูธรเข้ามานครบาลใหม่ๆ ใช้เวลาปรับตัวเกือบปีเหนื่อยเหมือนกัน รู้เลยว่าตำรวจนครบาลทำงานจริงจัง ไม่หยุดนิ่งทำแทบจะตลอด 24 ชม. อยู่กับประชาชนจริงๆ ทำงานด้วยกันกับประชาชน ตนอยู่มา 7 ปี เห็นความเปลี่ยนแปลงเรื่องระบบงาน ตอนนี้ทั้ง 3 งานสายตรวจ ทำงานเป็นทีมเดียวกัน สามารถปรึกษาช่วยเหลือและสนับสนุนข้อมูลกันได้ ไม่จำกัดอยู่เฉพาะเขตใดเขตหนึ่งที่ตัวเองรับผิดชอบ ทำให้งานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนี้ คือ จุดแข็ง ของ 191 ยุคใหม่

ตนได้รับมอบหมายควบคุมรถสายตรวจกับชุดสืบสวน เมื่อก่อนเป็น รอง สว.ลงพื้นที่เองทั้งหมด ตอนนี้ลงบางคดีที่สำคัญ หลักๆ จะรับข้อมูลจากผู้ใต้บังคับบัญชาแล้วประเมินว่าทำอย่างไรต่อไป ไม่เอาความคิดเราจากที่เคยทำมาอย่างเดียว เพราะคนหน้างานเห็นและมีทิศทางมุมมองในการทำคดีดีกว่าคนนั่งอยู่บนโต๊ะ การทำงานต้องดูว่าแต่ละคนถนัดด้านไหน ถ้าเลือกคนไม่ถูกกับงานทำทั้งวันก็ไม่มีผลตามที่ต้องการเรื่องนี้สำคัญ ตนกับเขาเหมือนอยู่กับเพื่อนเป็นส่วนหนึ่งในทีมงานช่วยตัดสินใจ

อีกสิ่งสำคัญพูดคุยกับเขาว่าต้องการอะไร ติดขัด มีปัญหาส่วนไหนจะได้แก้ไขถูก เมื่อเราแก้ไขปัญหาเขาจะทำงานอย่างสบายใจ มีความสุข ผลงานที่ออกมาเป็นไปตามต้องการ มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม เกิดผลการปฏิบัติที่รวดเร็ว สังเกตได้จาก 3 คดีหลังสุดจับกัญชา 616 กก. ไอซ์ 300 กก. และกัญชา 600 กก. เกิดขึ้นในช่วงเวลา 30 กว่าวัน นอกจากนี้ การจะไปบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชน เราต้องให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีความสุขก่อน ประชาชนที่ได้รับการปฏิบัติก็มีความสุขเหมือนกัน

ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาเมื่อมีคำสั่งลงมา เรารับแล้วจับใจความให้ได้ว่าผู้บังคับบัญชาต้องการอะไร เพื่อตอบโจทย์ที่วางไว้อย่างถูกต้อง เพราะบางทีถ้าเราไปทำอีกอย่างงานก็ไม่จบ สำหรับตำรวจต้นแบบตนเลือก พล.ต.ท.สำราญ นวลมาผบช.น.เนื่องจากเป็นคนขยัน จริงจังในการทำงาน คิดเรื่องงาน คิดพัฒนาตนเอง พัฒนาลูกน้อง และพัฒนาองค์กรอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้เกิดสิ่งที่ดีขึ้นเท่าที่ในระยะเวลาจะสามารถทำได้ โดยกำชับมาที่ 191 เป็นตำรวจที่ดีใส่ใจลูกน้องและประชาชน

“ที่นี่สอนให้ผมยกระดับการทำงานของตัวเอง จากตำรวจภูธรมาเป็นตำรวจนครบาลที่เป็นหน่วยสนับสนุน สอนให้ผมรู้จักเสียสละ การทำงานในนครบาลมันไม่มีจบ ชีวิตรับราชการตำรวจผมประทับใจ 3 อย่าง คือ 1. ประชาชน เมื่อช่วยเหลือแค่เขาเอ๋ยคำขอบคุณ เราก็ชื่นใจแล้ว 2. เพื่อนร่วมงานและผู้ใต้บังคับบัญชา เมื่อรับฟังปัญหาแล้วเขากล้าเล่าเรื่องจริง เพื่อแก้ไขตรงจุด 3. ผู้บังคับบัญชา ผมโชคดีได้มาเจอนายที่ดี สั่งการภารกิจอยู่ในกรอบ รับผิดชอบคำสั่งของตัวเอง ไม่สั่งทิ้งสั่งขว้าง”สารวัตรจุ้ย กล่าว

และทิ้งท้ายว่า ผลงานประทับใจตอนจับกุมคดีกัญชาอัดแท่งเครือข่าย บังอาร์ม ย่านพัฒนาการ ผู้ต้องหาส่งกัญชา โดยแบ่งบรรจุกล่องละ 10-100 กรัม (ต่อลูกค้า 1 ราย) ตำรวจนำสืบแต่ละราย ศาลลงโทษสั่งจำคุกรวมกัน 44 ปี ข้อหา ครอบครองเพื่อจำหน่ายฯ จากจำนวนของกลางไม่ได้เยอะมาก 30 กล่อง ก่อนขยายผลอีก 500 กก. เราพิสูจน์ให้สังคมเห็นว่า “การที่คุณกระทำความผิด ไม่ใช่ว่าเข้าไปแป๊บๆ แล้วออกมา ถ้าพยานหลักฐานครบ ตำรวจสามารถนำสืบได้ ติดคุกจนไม่มีเวลาใช้เงินที่หามาได้ ชี้ให้เห็นว่าอัตราโทษมันเยอะ ไม่คุ้มที่คุณจะมาทำ”