1 มิตซูบิชิ ปรับโครงสร้างบริหาร เน้นกลยุทธ์มัดใจลูกค้า ไร้รถใหม่

มิตซูบิชิ เปลี่ยนหัวเรือใหญ่ ดัน “ชิ โคอิโตะ” ขึ้นแทน “โมะริคาซุ ชกกิ” พร้อมปรับกลยุทธ์ใหม่ทั้งหมด เดินหน้าเร่งสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า ไม่เน้นยอดขาย ให้ความเชื่อมั่นไทยยังเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ ลงทุนต่อเนื่อง 7,000 ล้านบาท แย้มปีนี้ไร้รถรุ่นใหม่

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) แถลงการณ์ทำตลาดครบรอบ 60 ปีในประเทศไทย โดยมีการเริ่มต้นทำธุรกิจในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2504 วางรากฐานให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ เพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก

 ชิ โคอิโตะ (ซ้าย) และ โมะริคาซุ ชกกิ (ขวา)

“เมื่อปี พ.ศ. 2507 เราเริ่มผลิตรถยนต์ในประเทศไทย ต่อมาเมื่อปี 2531 เริ่มการส่งออกรถยนต์จากประเทศไทยไปจำหน่ายยังประเทศแคนาดาเป็นครั้งแรกจนถึงปัจจุบันมีการส่งออกไปกว่า 120 ประเทศทั่วโลก นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการสร้างให้ไทยเป็นฐานการผลิตของมิตซูบิชิ” โมะริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

ทั้งนี้ โรงงานของมิตซูบิชิ ประเทศไทย ปีที่ผ่านผลิตรถยนต์รวมทั้งชิ้นส่วนรถยนต์สำเร็จรูปกว่า 250,000 คัน ถือเป็นศูนย์การผลิตใหญ่ที่สุดในบรรดาศูนย์การผลิตของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ทั่วโลก มียอดส่งออกสะสมมากกว่า 4.4 ล้านคัน และในปีนี้ มิตซูบิชิ มีการผลิตรถยนต์ในประเทศไทย ครบ 6 ล้านคัน

โมะริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด

“การลงทุนของมิตซูบิชิในประเทศไทยมียอดสะสมรวมกว่า 82,000 ล้านบาท และมิใช่เพียงแค่เราเท่านั้นแต่ผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างก็มาลงทุนตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นไทยจึงยังคงเป็นฐานการผลิตที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของมิตซูบิชิในเวลานี้ อีกหนึ่งปัจจัยที่แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับประเทศไทยคือ การอนุญาตให้ไทยผลิตรถยนต์ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี นับเป็นประเทศแรกนอกจากญี่ปุ่นที่ได้สิทธิ์ในการผลิตรถแบบปลั๊กอินไฮบริด รุ่นนี้” 

อนึ่ง ในภูมิภาคอาเซียนประเทศไทยถือว่ามีความสำคัญที่สุด ด้วยโรงงานมีกำลังการผลิตสูงที่สุด 424,000 คัน รองลงมาเป็น อินโดนีเซีย 200,000 คัน , ฟิลิปปินส์ 50,000 คัน และ เวียดนาม 10,000 คัน ส่วนแผนการลงทุนเพิ่มเติมที่จะขยายไปที่พม่า ขณะนี้หยุดการพิจารณาไว้ชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์ในพม่าจะคลี่คลายลง

 ชิ โคอิโตะ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายในประเทศ และบริการหลังการขาย บริษัทเออิอิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด

เปลี่ยนแม่ทัพ ปรับกลยุทธ์ใหม่

อย่างไรก็ตามปีนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ ประเทศไทย จะมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอีกหนึ่งประการ คือ การก้าวออกจากตำแหน่งของ “โมะริคาซุ ชกกิ” ที่ดูแลตลาดไทยมานานถึง 6 ปี โดยขยับไปดูภาพรวมของมิตซูบิชิและประสานงานกับองค์กรภายนอก ส่วนงานในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการถูกส่งต่อให้ “ชิ โคอิโตะ” เข้ามาทำหน้าที่แทน ซึ่งในการแถลงครั้งนี้ โคอิโตะ ได้กล่าวถึงทิศทางและกลยุทธ์ใหม่ของมิตซูบิชิ ที่จะเกิดขึ้นภายใต้การนำทีมของแม่ทัพคนใหม่

ปัจจุบัน ชิ โคอิโตะ ดำรงตำแหน่งกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายในประเทศ และบริการหลังการขาย บริษัทเออิอิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งถือว่ามีประสบการการทำงานในเมืองไทยอย่างใกล้ชิดดีอยู่ในระดับหนึ่งแล้ว และจะเข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการในวันที่ 1 เมษายนนี้

“แม้ตัวเลขยอดขายจะสำคัญแต่จุดหมายของเราไม่ใช่จำนวน โดยกลยุทธ์หลักของปีนี้จะมุ่งเน้นในเรื่องการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ทำให้ลูกค้าดีใจที่ซื้อ และดีใจที่ได้ใช้รถยนต์มิตซูบิชิ รวมถึงพอใจในการบริการหลังการขาย ซึ่งปีที่แล้วเราได้บริษัทฯ คว้า 3 รางวัลจากทั้งหมด 4รางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม (TAQA) ” โคอิโตะ กล่าว

ส่วนแผนขยายเครือข่ายผู้จำหน่าย ในเดือนมีนาคมนี้ มิตซูบิชิ จะมีผู้จำหน่ายทั้งหมดครบ 240 แห่ง ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย และมีเป้าหมายขยายเพิ่มเป็น 250 แห่งภายในปี 2564 เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า

นอกจากนั้น ลูกค้าทุกคนจะได้รับแพ็คเกจ บริการหลังการขาย ‘Mitsubishi Service Package’ ได้แก่ ฟรีค่าบริการเช็คระยะ 5 ปีและฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 5 ปี โดยก่อนหน้า มิตซูบิชิ ได้ยกระดับมาตรฐานการบริการหลังการขายด้วยการมอบการรับประกัน 5 ปีและฟรีค่าแรง 5 ปี ให้เป็นการรับประกันมาตรฐาน พร้อมกับโปรแกรมขยายการรับประกันคุณภาพ Warranty Plus นานสูงสุดรวม 7 ปี ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งานรถยนต์มิตซูบิชิ พร้อมรับบริการที่ไว้วางใจได้และมีค่าใช้จ่ายเหมาะสม



ไทยฐานผลิตสำคัญลงทุนต่อเนื่อง 7,000 ล้านบาท

สำหรับแผนธุรกิจระยะกลาง 3 ปี ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น จะให้ความสำคัญกับการสร้างการเติบโตทางธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทย ทั้งยังมีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์การพลิกฟื้นทางเศรษฐกิจของไทยและศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ

ซึ่งจะมีการรายงานความคืบหน้าการดำเนินธุรกิจของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย อย่างต่อเนื่อง โดยการลงทุนล่าสุดคือ การเปิดโรงพ่นสีแห่งใหม่มูลค่า 7,000 ล้านบาท ปัจจุบันดำเนินการก่อสร้างในส่วนอาคารไปเกือบเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว กำหนดแล้วเสร็จและเปิดทำการภายในปลายปี 2564

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีการสร้างความต่อเนื่องในนโยบายด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียน ด้วยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ที่ศูนย์การผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่แหลมฉบัง รวมถึงการเปิดตัวรถยนต์ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ในประเทศไทย

มิตซูบิชิ แอททราจ และ มิตซูบิชิ มิราจ ทั้งสองรุ่นพิเศษมาพร้อมสีแดง Red Metallic และหลังคาดำ พร้อมการตกแต่งพิเศษในรุ่น ‘Special Edition

รถยนต์ไฟฟ้ากำลังมา

“การตอบรับด้านยอดขายของมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี หลังเปิดตัวมียอดขายอยู่ในระดับหลักร้อยคันต่อเดือน ถือว่ายังไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ อยากให้มียอดขายมากกว่านี้ โดยเราจะมุ่งเน้นเรื่องของการสร้างประสบการณ์การทดลองใช้งานให้มากขึ้น เพราะยังมีลูกค้าอีกจำนวนมากไม่เคยได้ทดลองใช้งานรถยนต์ของมิตซูบิชิ” โคอิโตะ กล่าวและว่า

“รัฐบาลไทยกำลังผลักดันการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ ซึ่งเราพร้อมสนับสนุนการดำเนินงานตามนโยบายของภาครัฐ ปัจจัยสำคัญคือ การขยายโครงสร้างพื้นฐานให้รองรับการใช้งาน โดยเฉพาะเรื่องสถานีชาร์จไฟ ที่จะทำอย่างไรให้มีจำนวนมากพอ รวมถึงการผลิตพลังงานไฟฟ้าต้องมาจากพลังงานสะอาดมากกว่านี้ เช่น แสงแดด และลมเป็นต้น”

การจะทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้นได้จะต้องทำพร้อมกันทั้งส่วนของเอกชนและภาครัฐ ทั้งรถยนต์และสถานีชาร์จไฟฟ้า หากสถานีชาร์จไฟฟ้ามีจำนวนไม่เพียงพอ จะทำให้ความต้องการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าไม่มากพอที่จะลงทุนในการผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่าย ฉะนั้น จึงต้องมีการพัฒนาควบคู่กันไป ซึ่งจากจุดนี้ทำให้มิตซูบิชิ มองว่า การนำรถยนต์ชนิดปลั๊กอินไฟฟ้าเข้ามาทำตลาดจึงมีความเหมาะสมกับลักษณะของโครงสร้างเมืองไทยในปัจจุบัน

สำหรับการประเมินยอดขายของตลาดรถยนต์รวมในปี 2564 จากการติดตามข่าวสารและการคาดหมายของกลุ่มการเงินระบุว่า ตลาดรวมน่าจะอยู่ราว 830,000-850,000 คัน ในปีนี้ เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าเล็กน้อย ส่วนการประเมินยอดจำหน่ายของมิตซูบิชิในปี2564 ไม่ได้มีการตั้งเป้าเอาไว้แต่อย่างใด

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต มากับสีใหม่ แดง Meduim Red

ไร้รถยนต์รุ่นใหม่ ปรับโฉม-รุ่นพิเศษ กระตุ้นตลาด

ส่วนรถยนต์รุ่นใหม่ในปีนี้ โคอิโตะ ได้กล่าวไว้ว่า “ขึ้นกับว่าคุณนิยามคำว่า รถรุ่นใหม่ อย่างไร เพราะนอกเหนือจากรถใหม่ที่กล่าวไว้ในการแถลงแล้ว จะมีเพิ่มอย่างแน่นอน” ฉะนั้นการตอบคำถามในลักษณะนี้บ่งชี้ให้ตีความไปในทิศทางว่า จะไม่มีรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดในปี 2564

สำหรับรถใหม่จากการแถลงดังกล่าว ได้แก่ รถยนต์สีแดงพิเศษ 3 รุ่นแรก ที่เปิดตัว ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Passion Red Edition’ ประกอบด้วยมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต มิตซูบิชิ แอททราจ และมิตซูบิชิ มิราจ ซึ่งจะมีเฉดสีแดงแตกต่างกันไป มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต มากับสีใหม่ แดง Meduim Red มิตซูบิชิ แอททราจ และ มิตซูบิชิ มิราจ ทั้งสองรุ่นพิเศษมาพร้อมสีแดง Red Metallic และหลังคาดำ พร้อมการตกแต่งพิเศษในรุ่น ‘Special Edition’

ที่มาของการเลือกใช้สีแดง เนื่องมาจาก สีแดง คือสีที่แสดงถึงประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส เป็นสีของโลโก้ประจำแบรนด์ อีกทั้งยังเป็นสีแห่งตำนานเจ้าสนาม อย่างมิตซูบิชิ ปาเจโร ด้วยชัยชนะถึง 12 ครั้ง จากสนามแข่งแรลลี่ ปารีส-ดาการ์ ที่ได้ชื่อว่าสุดหฤโหดระดับโลก และเป็นสีของมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีโวลูชัน เจ้าแห่งสนาม เวิลด์แรลลี่แชมเปี้ยนชิพ สีแดงจึงเป็นสี ที่บ่งบอกถึงความมุ่งมั่นของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่จะขับเคลื่อนความพึงพอใจและความมุ่งมั่น สู่ความสำเร็จให้แก่ลูกค้า พร้อมกับมุ่งตอบแทนสังคมและสร้างวิถีชีวิตที่ยั่งยืน ไปพร้อมๆ กันด้วย

‘มิตซูบิชิ ไทรทัน ‘รักกิจ เอดิชั่น’

นอกจากนั้น ยังจะเผยโฉม ‘มิตซูบิชิ ไทรทัน ‘รักกิจ เอดิชั่น’ รถกระบะรุ่นพิเศษ เพื่อฉลองครบ 60 ปี โดยเป็นความร่วมมือกันระหว่าง มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และคุณรักกิจ ควรหาเวช ศิลปินแนวสตรีทอาร์ตระดับโลก สะท้อนภาพความมุ่งมั่นและยืนหยัดต่อการพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ภายใต้แนวคิด “Drive Your Ambition” ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย

ผลงานกราฟิกที่เต็มไปด้วยสีสันถ่ายทอดมาสู่รถยนต์มิตซูบิชิ ไทรทัน ได้แรงบันดาลใจมาจากเทพเจ้าไทรทัน เทพแห่งท้องทะเล เกิดเป็นผลงานชื่อ “THE GREAT TRITON” สัญลักษณ์แห่งความมุ่งมั่นของการสร้างสไตล์ในแบบของตัวเอง รถกระบะรุ่นพิเศษนี้ จะเผยโฉมให้ชมอย่างเป็นทางการที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 42 นี้

“ตลอดระยะเวลา 60 ปี ของการดำเนินธุรกิจของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศไทย มีรถยนต์มิตซูบิชิ วิ่งอยู่บนถนนเมืองไทยแล้วกว่า 1.7 ล้านคัน เรารู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง ที่มีผู้ให้การสนับสนุนมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าพันธมิตรทางธุรกิจของเรา รวมถึงรัฐบาลไทยและนโยบายต่างๆ ที่เข้ามาช่วยส่งเสริมการเติบโตทางธุรกิจของเรา” โคอิโตะกล่าว



เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณและส่งความสุขให้แก่คนไทยทุกคน มิตซูบิชิ มอเตอร์ ประเทศไทย ได้จัดกิจกรรม เฉลิมฉลองวาระครบรอบ 60 ปีอย่างต่อเนื่อง โดยนอกเหนือจากแคมเปญ “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศไทย ฉลอง 60 ปี แจก 60 ล้าน” มิตซูบิชิ ยังประกาศเปิดตัวโครงการเพื่อสังคมให้ลูกค้าสามารถมีส่วนร่วมกับโครงการได้

โดยเมื่อซึ้อรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต สีแดง Medium Red มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จะร่วมบริจาคเงิน 5,000 บาท ต่อคัน และ 2,000 บาท ต่อคัน เมื่อซื้อรถยนต์รุ่นพิเศษ 3 รุ่น ได้แก่ มิตซูบิชิ แอททราจ และมิตซูบิชิ มิราจ รุ่น ‘Special Edition’ และ มิตซูบิชิ ไทรทัน ‘รักกิจ เอดิชั่น’ ตั้งแต่ 22 มีนาคม จนถึง 31 ธันวาคม 2564 โดยเงินที่รวบรวมได้ทั้งหมด จะถูกนำไปบริจาค เพื่อการขับเคลื่อนและพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนใน 3 ด้าน ตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย