เงิน 30 ล้านบาท ซื้อรถอะไรได้บ้าง? – ไทยรัฐ

Ferrari 812 Superfast V12 (มือสอง) 29,900,000 บาท

กำเงินไปสามสิบล้าน เหลือทอนมาแค่แสนเดียวกับค่าตัวของม้าลำพอง Ferrari 812 Superfast V12 ถือเป็น Fer รุ่นใหญ่เครื่องวางหน้าขับหลังที่มีอัตราเร่งอย่างโหด 812 Superfast ความจุขนาด 6.5 ลิตร มีกำลัง 789 แรงม้า แรงบิด 718 นิวตันเมตร จากเครื่องยนต์หายใจเองโดยไม่มีระบบอัดอากาศ หัวฉีด direct injection แรงดัน 350 บาร์ นับเป็นครั้งแรกในเครื่องยนต์สมรรถนะสูงของม้าลำพองรุ่นใหญ่ ท่อไอดีแบบแปรผัน พัฒนามาจากรถแข่ง Ferrari F1 ที่ใช้เครื่องยนต์ N/A ระบบส่งกำลังใช้เกียร์แบบคลัตช์คู่ (dual clutch) มีอัตราทดเกียร์รวดเร็วขึ้น ทำให้การตอบสนองของคันเร่งนั้นฉับไวขึ้นด้วยเช่นกัน ทำความเร็ว 0-100 กม./ชม. ใน 2.9 วินาที อัดทะลุ 200 กม./ชม. ได้ในเวลา 7.9 วินาที 

Lamborghini Huracan STO 29,900,000 บาท

กระทิงเปลี่ยวที่แปลงร่างเป็นรถแข่ง ใช้โครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา แอโรพาร์ทที่เชื่อมโยงระบบอากาศพลศาสตร์แบบรถแข่ง GT3 โดยเฉพาะการสร้างแรงกดในย่านความเร็วสูง เครื่องยนต์ V10 หายใจเองโดยไม่พึ่งพาระบบอัดอากาศ กำลังสูงสุด 640 แรงม้า แรงบิด 565 นิวตันเมตร เป็น Lamborghini ที่มีกำลังแรงม้าต่อน้ำหนักดีที่สุด ด้วยตัวเลข 2.09 กิโลกรัมต่อ 1 แรงม้า อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 3.0 วินาที เบรกจาก 100-0 กม./ชม. ในระยะ 30 เมตร เบรกจากความเร็ว 200 จนหยุดนิ่ง ใช้ระยะเบรกไกล 110 เมตร Lamborghini Huracán STO – Super Trofeo Omologata: ซุปเปอร์สปอร์ตคาร์สายสนาม ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถแข่ง โดยแผนก Squadra Corse’s ที่วิจัยและพัฒนารถแข่งของทีมแข่ง Lamborghini อย่าง Huracán Super Trofeo EVO และ Huracán GT3 EVO ที่คว้าชัยชนะจากรายการ 24 Hours of Daytona 3 สมัยและ 12 Hours of Sebring 2 สมัย ซื้อตอนนี้ไม่น่าจะมีรถให้แล้ว หรือถ้ามีก็ต้องรอกันอย่างน้อยๆ 8 เดือนล่ะครับ

Lamborghini Urus 23,000,000 บาท

ซุปเปอร์เอสยูวีที่ขายดีสุดๆ ของแบรนด์กระทิงเปลี่ยว Urus มาพร้อมสมรรถนะที่โหดร้าย เป็นรถอเนกประสงค์ที่มีพลังงานเหลือเฟือจากเครื่องยนต์เบนซิน V8 ขนาด 4.0 ลิตร ความจุ 3,996 ซีซี. ระบบอัดอากาศเทอร์โบคู่แบบ Twin Scroll กำลังสูงสุด 659 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่องยนต์บล็อกนี้ ทำให้ Lamborghini URUS เป็น Super SUV ที่เร็วและแรงติดอันดับแนวหน้าของรถยานยนต์ สร้างอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ภายใน 3.6 วินาที อัตราเร่ง 0-200 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 12.8 วินาที ทำความเร็วสูงสุด ที่ 305 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ค่าตัว 23 ล้านบาทมาแบบโล้นๆ ไม่ค่อยจะมีออปชั่นที่โดนใจ ต้องควักเพิ่มอีกสาม-สี่ล้าน ออปชั่นถึงจะโดนใจพระเดชพระคุณท่าน ถือเป็นกระทิงที่ทำเงินให้กับ Lamborghini มากที่สุดในเวลานี้ จากยอดขายที่ดีของมัน 

BMW M4 Competition Coupé 9,999,000 บาท

ด้วยเรือนร่างแบบสปอร์ตคูเป้ พร้อมตำนานอันเป็นมนต์ขลังของ M Car ภายในสวยงามหรูหราราคาแพงมากกว่า Series-4 G22 ขุมพลังที่เป็นหัวใจหลักของ BMW M4 Competition Coupé ยังคงใช้เครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูงรหัส S58 เป็นเครื่องยนต์เบนซินรอบจัด อัดอากาศด้วยเทอร์โบ เอกลักษณ์ใหม่ของรถยนต์ในตระกูล M4 ที่เริ่มนำระบบอัดอากาศมาใช้ใน BMW M3 F80 และ BMW M4 F82 โดยมีการอัปเกรดปรับปรุงชุดส่งกำลังให้มีแรงม้าและแรงบิดมากกว่าเดิม เทคโนโลยี M TwinPower Turbo เวอร์ชันล่าสุด เครื่องยนต์ S58 มีความจุ 3.0 ลิตร 2,993 ซีซี แบบ 6 สูบแถวเรียง 4 วาล์วต่อสูบ มีกำลังสูงสุด 375 กิโลวัตต์ หรือ 510 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร ที่ 2,750-5,500 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังเปลี่ยนใหม่ จากเดิมที่ใช้เกียร์ M-DCT 7 สปีด มาเป็นเกียร์อัตโนมัติ ZF M Steptronic Sport พร้อม Drivelogic แบบ 8 สปีด พร้อมฟังก์ชันที่ช่วยเพิ่มอัตราเร่ง จาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบเกียร์ที่มีการปรับปรุงใหม่ ทำให้สามารถรองรับแรงบิดระดับ 650-700 นิวตันเมตร สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่เกิดการสูญเสียกำลัง ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมผ่านคันเกียร์ M หรือเปลี่ยนเกียร์ผ่านแป้นเปลี่ยนเกียร์บริเวณพวงมาลัย (Paddle Shift) กำเงิน 30 ล้าน เดินเข้าไปที่ M Town แล้วสั่ง BMW 4 Competition Coupé ในราคา 9,999,000 บาท คุณจะเหลือเงินอีก 20,001,000 บาท 

Mercedes-Benz S580e AMG Premium 7,190,000 บาท

เรือธงปลั๊กอินไฮบริดที่มาครบทั้งความหรูและเทคโนโลยีของระบบขับเคลื่อน S 580 e AMG Premium เรือธงตระกูลเอสคลาสรุ่นใหม่ ประกอบในประเทศไทย ณ โรงงานของ Mercedes-Benz เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร เทอร์โบ บวกกับมอเตอร์ไฟฟ้าและชุดแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง เครื่องยนต์เบนซินแบบ 6 สูบเรียง ระบบอัดอากาศ single-turbo twin-scroll ขนาด 2,999 ซีซี มอเตอร์ไฟฟ้าผสานเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดเจเนอเรชันที่ 4 ขนาด 28.6 kWh กำลังสูงสุด 510 แรงม้า แรงบิดสูงสุดล้นไปถึง 750 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 5.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับเคลื่อนผ่านระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ภายใต้การประสานพลังระหว่างเครื่องยนต์เบนซินและมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบ Plug in Hybrid เมื่อขับในโหมด EV ด้วยพลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว Mercedes-Benz S580e AMG Premium ทำระยะทางได้ไกลสูงสุดด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแต่เพียงอย่างเดียว ถึง 90 กิโลเมตร ระบบความปลอดภัย จัดเต็มถุงลมนิรภัยด้านหน้าให้กับผู้โดยสารแถวหลัง ระบบ Parking Package with 360° camera เพิ่มมุมมองรอบรถยนต์แบบ 360 องศาแบบเสมือนจริง ระบบความปลอดภัย Driving Assistance Package เจเนอเรชันล่าสุด เช่น

Evasive Steering Assist ที่ช่วยดึงให้รถยนต์กลับมาอยู่ในเลนหากมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน

Active Emergency Stop Assist หรือระบบการหยุดรถฉุกเฉินที่จะทำงานตลอดเวลา รวมถึงฟังก์ชัน

Exit Warning ที่จะทำงานหากมือของผู้โดยสารมีการขยับไปใกล้ที่จับประตูด้านใน ฯลฯ  ถุงลมนิรภัยด้านหลังของผู้โดยสารด้านหลัง เป็นฟังก์ชันใหม่ของระบบ PRE-SAFE® Impulse Side ระบบกันสะเทือน E-ACTIVE BODY CONTROL แบบแอกทีฟ สามารถยกตัวรถ (ทั้งสองด้าน) ระบบช่วยเหลือการขับอัตโนมัติ เซนเซอร์สภาพแวดล้อมที่ได้รับการปรับปรุง เช่น ระบบการจอดรถช่วยให้ผู้ขับขี่ได้รับการสนับสนุนเพิ่มขึ้นเมื่อต้องเคลื่อนที่ด้วยความเร็วต่ำ การรวมเข้ากับ MBUX แบบใหม่ ช่วยปรับปรุงระบบต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น เรือธง S 580 e AMG Premium ราคา 7,190,000 บาท เงินสามสิบล้าน ยังเหลืออีก 22,810,000 บาท!!

Mercedes-AMG GT R 17,900,000 บาท

AMG GT-R โฉมใหม่ เป็นซุปเปอร์คาร์ตราดาวที่ทรงพลังและมีสไตล์การขับคล้ายรถแข่ง ช่วงล่าง AMG Ride Control Plus แข็งกระด้างสุดๆ เพื่อรองรับพลังงานมหาศาลในรูปของแรงบิด เครื่องยนต์เบนซิน V8 รหัส M178 DE40 DOHC 32 วาล์ว ระบบเชื้อเพลิง Direct Injection ขนาด 4.0 ลิตร 3,982 ซีซี. อัดอากาศด้วยเทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 585 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch 7 สปีด AMG Speedshift DCT ขับเคลื่อนล้อหลัง เป็นเครื่องยนต์ที่พึ่งพาเทคโนโลยีจากมอเตอร์สปอร์ตของ AMG รูปทรงแบบ Sport GT เครื่องยนต์ดุดันเต็มพิกัด อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 3.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 318 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Mercedes-AMG GT R Facelift ราคา 17,900,000 บาท เหลือเงินอีกถึง 12,100,000 บาท 

Porsche Taycan Turbo S 11,700,000 บาท

Taycan มีระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า แตกต่างจากผลิตภัณฑ์ยานยนต์รุ่นอื่นของ Porsche แต่เอกลักษณ์ของรถสปอร์ตยังอยู่ครบ ศักยภาพในการเข้าถึงอารมณ์การขับ กำเนิดมาเพื่อยุคสมัยของยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า เป็นตัวแทนที่สืบสานจิตวิญญาณจากยานยนต์ระดับตำนานในอดีต ด้วยระบบขับเคลื่อนแบบใหม่ที่จะนำพาคุณไปแบบทะลุมิติด้วยอัตราเร่งแบบหลังติดเบาะ Taycan Turbo S มีกำลังจากมอเตอร์คู่สูงสุด 761 แรงม้า (560 กิโลวัตต์) ฟังก์ชัน overboost ทำงานร่วมกับระบบช่วยออกตัว Launch Control ให้อัตราเร่งออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง ไปยังระดับความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 2.8 วินาที แรงพอๆ กับ McLaren 720S หรือ Porsche 911 GT2 RS แรงบิดสูงสุดมากถึง 1,050 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุดทะลุ 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พิสัยการเดินทางสูงสุดเมื่อชาร์จไฟจนเต็มไกล 412 กิโลเมตร ฟังก์ชัน Porsche Electric Sport Sound ให้เสียงที่แตกต่างไปจากรถยนต์สันดาปภายใน มอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง 2 ชุด ชุดแรกรับหน้าที่ส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้า ส่วนอีกชุดส่งกำลังไปยังล้อคู่หลัง คล้ายกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ all-wheel drive เทคนิคระบบส่งกำลังแบบ two-speed transmission คิดค้นโดย Porsche ติดตั้งในชุดขับเคลื่อนล้อหลัง ออกแบบโดยคำนวณอัตราทดยาวกว่า ทำให้การถ่ายเทกำลังในรูปของแรงบิดมีความต่อเนื่อง เป็นคุณสมบัติพิเศษของมอเตอร์ซิงโครนัส ชิ้นส่วนของ electric machine ระบบส่งกำลัง และชุดควบคุม pulse-controlled inverter ถูกผสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ภายใต้ขนาดที่กะทัดรัด รูปแบบการทำงานของโหมดการขับขี่ใน Taycan เป็นไปตามปรัชญาของรถ Porsche สามารถปรับตั้งค่าการทำงานต่างๆ ได้ตามความเหมาะสม ผ่านชุดควบคุมระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า โหมด Sport Plus และ Individual รวมอยู่ในชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ Sport Chrono Package ติดตั้งเป็นมาตรฐานใน Taycan Turbo S ส่วนราคาค่าตัวอยู่ที่ 11,700,000 บาท ด้วยเงินสามสิบล้านกับของแรงๆ แบบนี้ก็ยังเหลือในบัญชีอีกถึง 18,300,000 บาท

Audi RS e-tron GT quattro 9,490,000 บาท

แฝดคนละฝาของ Taycan Turbo S เจ้าของพลังงานแรงม้าสุทธิ 440 กิโลวัตต์ หรือ 598 แรงม้า เมื่อรวม Boost Mode เจ้า RS e-Tron GT ซึ่งถือเป็นซุปเปอร์คาร์พลังงานไฟฟ้าสุดแรงของแบรนด์สี่ห่วง จะมีกำลัง 646 แรงม้า แรงบิดพุ่งทะลุมิติมากกว่าซุปเปอร์คาร์บางรุ่นถึง 830 นิวตันเมตร ชาร์จไฟเต็มขับใช้งานได้ไกล 500 กิโลเมตร สำหรับ Audi RS e-tron GT quattro แบตเตอรี่สามารถชาร์จใหม่ได้อย่างรวดเร็ว 80% ในเวลาประมาณ 30 นาที ด้วยเทคโนโลยีหัวชาร์จรองรับแรงเคลื่อนไฟฟ้าสูงพิเศษ ระบบกันสะเทือน Adaptive Air Suspension ควบคุมองคาพยพของรถด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ก้าวล้ำ พร้อมการควบคุมแบบสปอร์ตในสไตล์รถ e-tron สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของคนมีเงินยุคใหม่ ลืม Tesla หรือ Taycan ซะ แล้วเดินไปหยิบกุญแจของ Audi e-tron GT Quattro หรือตัวสุดอย่าง RS e-tron GT Quattro รถยนต์สปอร์ตซุปเปอร์คาร์พลังงานสะอาด เป็นยานพาหนะที่แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคของแบรนด์สี่ห่วง นับเป็นการถ่ายทอดประสบการณ์ในสนามแข่งขันระดับโลก สู่ยานยนต์ยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด! อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 3.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยราคา 9,490,000 บาท มีเงินสามสิบล้าน ยังเหลือในกระเป๋าใบโตอีก 20,510,000 บาท

BMW iX M60 ประมาณ 7 ล้านบาทบวกลบ (ถ้ามีรถให้สั่ง)

นอกจากจะทำตัวเป็นกิ้งก่าที่เปลี่ยนสีตัวถังได้แล้ว สำหรับรุ่น M60 จาก BMW นี่คือ iX เวอร์ชันล่าสุดที่เพิ่งได้รับการอัปเกรดความรุนแรงของมอเตอร์ไฟฟ้า และในกรณีที่คุณคิดว่า iX ในเวอร์ชัน xDrive50 ต้องการพลังมากกว่า 385 กิโลวัตต์ กับแรงบิด 765 นิวตันเมตร BMW จัดเต็มเพื่อสนองตัณหาของเหล่านักขับตีนโหดด้วย Electric SAV iX M60 พร้อมแรงบิดพลังช้างสาร! มอเตอร์ซิงโครนัสคู่ของ iX M60 ผลิตเรี่ยวแรงได้ 455 กิโลวัตต์ หรือมากถึง 619 แรงม้า นั่นมันแรงสูสีกับ Lamborghini Urus กันเลยนะครับ ส่วนตัวเลขแรงบิดของมอเตอร์คู่ หน้า-หลัง จัดเต็ม 1,100 นิวตันเมตร จากการทำงานของ activated Launch Control มากพอที่จะจัดการกับอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 3.8 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แหม ถ้าคิดจะกระชากร่างหนี Model X ของพี่อีลอน เจ้า iX M60 ควรจะระเบิดอัตราเร่งได้เร็วกว่านี้ อย่างน้อยๆ ก็ควรจะทำได้ที่ 2.8 วินาที ในการตะกายจากจุดหยุดนิ่งไปที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนะครับคุณพี่! และก่อนที่ตัวเลขเหล่านั้นจะทำให้เศรษฐีใหม่ตื่นเต้นเกินไป นั่นก็คือ ตัวเลข โอเวอร์บูสต์ activated Launch Control นั้นมีให้ใช้งานในช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น ในขณะที่ใช้ฟังก์ชันควบคุมการออกตัวอย่างสุดขีดของ SAV iX M60 พอหมดพลังบูสต์ มันก็จะกลับมามีกำลังขับเคลื่อน 397 kW หรือ 539 แรงม้า กับแรงบิด 1,016 นิวตันเมตร นั่นก็มากเกินพอที่จะทำให้คนที่นั่งมาด้วยถึงกับปัสสาวะราดแล้วล่ะครับ iX M60 ใช้ชุดแบตเตอรี่ 105.2 kWh แบบเดียวกันกับ iX รุ่นอื่น อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ของพลังงานที่เพิ่มขึ้นคือ ช่วงระยะทำการ iX M60 แม้จะใช้แบตเตอรี่รุ่นเดียวกับ xDrive50 แต่ iX M60 วิ่งได้ระยะทางใกล้กว่า ที่ 420 กิโลเมตร เป็นระยะทางที่ต่างจากรุ่นมาตรฐาน 30 กิโลเมตร จากตัวเลขระยะทำการต่อการชาร์จไฟจนเต็มหนึ่งครั้ง เป็นตัวเลขข้อมูลสำหรับรถ iX ที่ใช้ล้อขนาด 21 นิ้ว ไม่ใช่ล้อ M ขนาด 22 นิ้วที่เป็นอุปกรณ์เสริม BMW iX M60 จะส่งมอบรถให้กับลูกค้าในอเมริกาประมาณมิถุนายนนี้ สำหรับราคาค่าตัวถ้าคิดจะสั่งจอง คาดว่าน่าจะทะลุ 7 ล้านบาทไปไม่ไกล ได้แรงและสะอาดแล้ว ยังเหลือเงินอีก 23 ล้านเอาไว้ซื้อคอนโดดีๆ อีกด้วย! 

Toyota Fortuner GR Sport

การเลือกซื้อรถยนต์ Toyota หมายถึงคุณซื้อความแข็งแกร่งทนทานไม่จุกจิกกวนใจและซ่อมไม่แพง ภายนอกและภายในของ Fortuner GR ตกแต่งด้วยชุดแต่ง Gazoo Racing เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 1GD FTV (High) แบบแถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว DOHCVN Turbo พร้อมชุดลดอุณหภูมิไอดีอินเตอร์คูลเลอร์ ปริมาตรความจุ 2,755 ซีซี กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร แบกน้ำหนักบรรทุก 300 กิโลกรัมแบบปลิวขึ้นเขา ระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ 6 สปีด พร้อม Paddle Shift เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร VN Turbo ถูกปรับจูนให้แรงฉุดลากพุ่งเป็น 500 นิวตันเมตร ทำให้มีประสิทธิภาพด้านแรงบิดที่มากกว่าเดิมอีก 50 นิวตันเมตร ขับโคตรมัน และมีกำลังมากพอที่จะบรรทุกทั้งคนและสัมภาระแบบเต็มคันพุ่งขึ้นเขาแบบไม่แคร์น้ำหนักบรรทุก การใช้งานสำหรับการเดินทางไกลก็ยังเป็นรถ 7 ที่นั่งที่ขับได้ดี โดยเฉพาะเส้นทางภูเขาสูงชันนั้นพี่เขานี่พระเอกเลย ระบบขับเคลื่อนซิกม่าโฟร์ เลือกโหมดการขับขี่ได้ ทั้งโหมด H2 H4 และ L4 ผสานการทำงานร่วมกับระบบ DAC และ A-TRC ราคา 1,899,000 บาท ของ Fortuner GR แพงสุดในกลุ่ม PPV หรือรถกระบะที่ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นรถอเนกประสงค์ แต่ด้วยเงินสามสิบล้านที่มี คุณจะเหลือเงินอีก 28,101,000 เอาไปซื้อสวนเกษตรดีๆ ที่ต่างจังหวัดแล้วพักผ่อนเงียบๆ เพื่อหนีมลพิษในเมือง นับเป็นเรื่องที่ดีอยู่เหมือนกัน

MG5 X 699,000 บาท

ถ้าไม่ต้องการจ่ายแพง อยากเหลือเงินเอาไว้นอนกอดเยอะๆ มาทางนี้เฮียเม้งเขามีอะไรจะบอกครับ นี่คือซีดานที่ดูดีเหมือน Mercedes-Benz CLA35 AMG แต่มาจากจีนแผ่นดินใหญ่และมีราคาเพียงแค่ 699,000 บาท สำหรับ MG5 รุ่น X กระจังหน้า 3 มิติ Digital Burning Grille กระจังดำเงาลายตะแกรงทำจากพลาสติก ไฟหน้าใช้ทรงคล้ายกับไฟของ Mercedes-Benz CLA ติดตั้งระบบเปิด-ปิด อัตโนมัติ รูปแบบของการส่องสว่างด้วยหลอด LED Projector ที่เฉียบก็คือ ไฟส่องสว่างกลางวัน Daytime Running Light ออกแบบได้คมกริบ นับเป็นความกล้าของดีไซเนอร์ในค่าย MG ที่ใช้กระจังหน้าขนาดใหญ่ หน้าจอ Touchscreen ขนาดความยาว 10 นิ้ว อยู่ด้านบนกึ่งกลางของคอนโซล สั่งงานด้วยการแตะที่จอภาพ ควบรวมระบบต่างๆ เช่น ระบบนำทางด้วยดาวเทียม การปรับตั้งค่าต่างๆ ระบบอินโฟเทนเมนต์ มาตรวัดเปลี่ยนมาใช้จอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัลขนาด TFT 7 นิ้ว พวงมาลัยทรงสามก้าน พร้อมสวิตช์มัลติฟังก์ชัน ควบคุมเครื่องเสียง ปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ กระจกมองหลังแบบตัดแสง ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เครื่องเสียงติดตั้งลำโพง 6 ตำแหน่งรอบห้องโดยสาร ระบบอินโฟเทนเมนต์ รองรับระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android ระบบกุญแจรีโมตอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อมปุ่ม Push Start ระบบปรับอากาศดิจิทัล ใส่กรองอากาศป้องกัน PM 2.5 มาให้ด้วย โอ้ย แม่เจ้า อะไรมันจะเยอะขนาดนั้น สำหรับขุมกำลัง ใช้เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง แบบ 4 กระบอกสูบ ความจุ 1.5 ลิตร ไม่มีระบบอัดอากาศ มีกำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติสายพานพูลเลย์ CVT อัตราทดแปรผัน 8 สปีด เฮียเม้งเป็นรถที่ไม่แรง แต่มีช่วงล่างดี พวงมาลัยสั่งได้ แต่ iSmart บางทีก็สั่งไม่ได้!! สำหรับราคา 699,000 บาท คุณจะเหลือเงินอีกเพียบถึง 29,301,000 บาท ถ้าไม่เน้นโชว์รวย แถมยังมีเงินเอาไปซื้อของอย่างอื่นอีกเยอะ การเลือก MG5 ถือเป็นตัวเลือกที่ดีครับ.