ย้อนดูประวัติจุดเริ่มต้นของ “ฟุตบอลโลก”

ย้อนดูประวัติจุดเริ่มต้นของ “ฟุตบอลโลก”

โดย PPTV Online

เผยแพร่




มหกรรมฟุตบอลโลก (World Cup) เป็นหนึ่งในกิจกรรมระดับโลกที่ประชาชนทั้งโลกให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยในปี 2022 นี้จัดขึ้นที่ประเทศการ์ตา โดยมี 32 ทีมสุดท้ายที่ตบฝีเท้ากันเข้ามาแย่งชิงตำแหน่งแชมป์!!

วันนี้พีพีทีวีจะพาไปย้อนดูประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกเริ่มต้นในปี 1930 (พ.ศ.2473) เมื่อสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ (ฟีฟ่า) ต้องการที่จะจัดการแข่งขันฟุตบอลระหว่างประเทศขึ้นมาในลักษณะที่เป็นการแข่งของมืออาชีพ ต่างจากช่วงก่อนหน้านี้ที่แม้จะมีการแข่งขันฟุตบอลระหว่างประเทศในกีฬาโอลิมปิกแต่ก็เป็นเพียงการแข่งของมือสมัครเล่นเท่านั้น

จูลส์ ริเมต์ (Jules Rimet) ประธานฟีฟ่าในขณะนั้นได้ผลักดันการแข่งขันฟุตบอลนอกเหนือจากโอลิมปิกขึ้นมา และประสบผลสำเร็จได้ข้อตกลงว่าฟีฟ่าจะเป็นผู้จัดงานเอง

สรุป 32 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022

เปิดเงินรางวัลฟุตบอลโลก 2022 ทีมแชมป์รับเท่าไหร่

สรุปทีมเข้ารอบน็อคเอาท์-เพลย์ออฟ ยูโรป้า ลีก แมนยู หนักเจอทีมจาก ชปล.

โดยเลือกประเทศอุรุกวัยเป็นสถานที่จัด “ฟุตบอลโลกครั้งแรก” อย่างเป็นทางการ โดยได้เชิญนานาประเทศเข้ามาทำการแข่งขันในครั้งนี้และชัยชนะครั้งแรกที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกก็ตกเป็นของอุรุกวัยเจ้าภาพ ที่เอาชนะทีมชาติอาร์เจนตินาไปได้ ท่ามกลางสายตาผู้ชมกว่า 93,000 คน ณ สนามกีฬาเอสตาดิโอ เซนเตนาริโอ (Estadio Centenario) แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงฟุตบอลโลกแล้ว สิ่งที่จะขาดไปไม่ได้และเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญก็คือ “ถ้วยรางวัล” แต่รู้กันหรือไม่ว่าถ้วยรางวัลของฟุตบอลโลกนี้มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นกับมัน

แรกเริ่มในมหกรรมฟุตบอลโลกครั้งแรกปี 1930 ถ้วยรางวัลที่ใช้มีชื่อว่า “วิกตอรี” โดยมีสัญลักษณ์เป็นเทพีไนกี้ (Nike) เทพีแห่งชัยชนะในปกรณัมกรีก ต่อมาเพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานฟีฟ่าผู้ให้กำเนิดงานฟุตบอลโลกจึงเปลี่ยนชื่อใหม่ “จูลส์ ริเมต์” ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบของ “อาเบล ลาเฟลอร์’ ประติมากรชื่อดังชาวฝรั่งเศส ทำขึ้นโดยมีส่วนประกอบจากเงินและทองคำน้ำหนัก 3.8 กก. ตัวถ้วยมีความสูง 35 ซม. ส่วนฐานของถ้วยทำด้วยหินล้ำค่าสีฟ้าหรือไพฑูรย์ (Lapis lazuli) ตรงบริเวณมุมทั้ง 4 ด้านของฐานมีการสลักชื่อของชาติที่ได้แชมป์ฟุตบอลโลกจำนวน 9 ทีมนับตั้งแต่ปี 1930-1970

โดยปกติถ้วยรางวัลนี้จะไม่ได้เป็นกรรมสิทธิ์ของทีมชาติใดอย่างถาวร แต่จะอยู่กับชาตินั้น ๆ ชั่วคราวจนกว่าจะถึงการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งต่อไป โดยในปี 1938 ซึ่งช่วงนั้นถ้วยอยู่ในการครอบครองของอิตาลี และเป็นช่วงสงครามโลก ได้มีทหารนาซีเยอรมันมาบุกค้นเพื่อยึดเอาถ้วยไป แต่ประธานสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งอิตาลีสามารถนำมันไปซ่อนไว้ได้ทัน เรียกว่าเป็นเหตุการณ์ที่ถ้วยเกือบจะหายไปไม่หวนคืนเสียแล้ว

แต่ต่อมาในปี 1966 ก่อนการแข่งขันรอบสุดท้ายที่ประเทศอังกฤษ ถ้วยจูลส์ ริเมต์ ซึ่งถูกนำไปตั้งจัดแสดงไว้ที่หอกลางเวสต์มินส์เตอร์กลับหายไปกลางวันแสก ๆ แต่นับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ยังโชคดีเมื่อ 7 วันต่อมา เจ้าสุนัข “พิคเคิลส์” ไปเจอถ้วยรางวัลนี้ขณะเจ้าของพาไปเดินเล่นแถบ Beulah Hill ทางตอนใต้ของกรุงลอนดอน โดยพบบริเวณล้อรถยนต์คันหนึ่งในสภาพที่ถูกห่อไว้ด้วยกระดาษ ตอนนั้นถึงขั้นมีการเรียกเจ้าหน้าที่เก็บกู้มาเพราะนึกว่าเป็นวัตถุระเบิดกันด้วยซ้ำ

ในที่สุดในปี 1970 ถ้วยจูลส์ ริเมต์ ได้ตกไปอยู่ในมือของชาติบราซิลโดยถาวร จากการกฎในยุคนั้นว่าทีมชาติใดที่สามารถครองแชมป์ได้ 3 สมัยจะได้ครอบครองถ้วยจูลส์ ริเมต์ แบบถาวรและแน่นอนว่าทีมชาติแรกที่สามารถก้าวเข้าไปถึงสมัยที่ 3 ของการเป็นแชมป์ได้ก็คือทีมชาติบราซิลนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ในปี 1983 ถ้วยจูลส์ ริเมต์ ที่ถูกจัดแสดงไว้ ณ สำนักงานสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งบราซิล เมืองรีโอเดจาเนโร กลับถูกใครก็ไม่รู้ขโมยไปและที่น่าตกใจกว่านั้นคือจนถึงปัจจุบันปี 2018 นี้ก็ยังไม่มีใครได้พบเห็นถ้วยรางวัลดังกล่าวอีกเลย

หลังจากปี 1970 ที่ถ้วยกลายเป็นของบราซิล ทางฟีฟ่าก็ได้มีการจัดทำถ้วยรางวัลอันใหม่ขึ้นมา โดยซิลวิโอ กัซซานิกา นักออกแบบชาวอิตาลี โดยให้ชื่อว่า “ฟีฟ่า เวิลด์คัพ (FIFA World Cup)” มีความสูง 36 เซนติเมตร ทำจากทองคำ 18 กะรัต น้ำหนัก 6.175 กิโลกรัม ฐานของถ้วยมีเส้น 2 ชั้นทำจากมรกต ในส่วนใต้ฐานของถ้วยรางวัลสลักปีและชื่อของทีมผู้ชนะเลิศฟุตบอลโลกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1974  แน่นอนว่าถ้วยนี้ยังคงปลอดภัยดีอยู่จนถึงปัจจุบันและคงไม่มีใครอยากให้ถ้วยใบนี้หายไป

มาร่วมลุ้นร่วมเชียร์กันว่าปีนี้ทีมชาติใดจะได้ถ้วยแชมป์ไปครอง และลุ้นกันว่าปีนี้จะมีเหตุการณ์ “ถ้วยหาย” เกิดขึ้นหรือไม่ ติดตามข่าวสารฟุตบอลโลกได้ที่ PPTV HD ช่อง 36

ไม่พลาดทุกเหตุการณ์ติดตามข่าวจาก PPTV ได้ที่ Subscribe