รวบคาด่าน แก๊งขนยาเค มูลค่า 180 ล้านบาท ซุกรถตู้ คนสั่งการหนีไปได้ – ข่าวสด

รวบคาด่าน แก๊งขนยาเค มูลค่า 180 ล้านบาท ซุกรถตู้ พร้อมจับรถนำทาง ได้ผู้ต้องหารวม 4 คน ส่วนคนสั่งการหนีไปได้ สกัดจับยังไร้วี่แวว

เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2565 ที่ สภ.ภูเขียว นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วยพล.ต.ต.ฉลอง สุขจันทร์ ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ พ.ต.อ.สราวุฒิ พสิษฐ์ธุวานนท์ ผกก.สภ.ภูเขียว ร่วมแถลงผลการจับกุม 4 ผู้ต้องหาขนยาเสพติดผ่านเข้ามาในด่านตรวจ พื้นที่ สภ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา

ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมกำลังตั้งจุดตรวจ พบรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลต หมายเลขทะเบียน ญม 4842 กรุงเทพมหานคร หยุดรถก่อนถึงจุดตรวจประมาณ 100 เมตร เจ้าหน้าที่สังเกตุเห็นมีพิรุธ จึงเข้าไปตรวจสอบ พบนายวิชัย พิมรัตน์ แสดงตัวเป็นคนขับ และนายวิศรุต จันลา นั่งมาข้างคนขับ จึงขอตรวจปัสวะเพื่อหาสารเสพติด พบทั้ง 2 คนมีสารเสพติดในร่างกาย

ระหว่างที่กำลังจะควบคุมตัวทั้ง 2 คนไปที่สถานีตำรวจ พบรถตู้โตโยต้า หมายเลขทะเบียน นข 7761 ขอนแก่น ขับเข้ามาบริเวณจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงเรียกให้หยุดรถ พบนายศักรินทร์ ภูแข่งหมอก อายุ 27 ปี แสดงตัวเป็นคนขับ และนายปรีดา ศรีพุทธ อายุ 31 ปี เป็นผู้โดยสาร แสดงท่าทางมีพิรุธ จึงให้ขับเข้าไปในจุดตรวจ ก่อนเชิญตรวจลงจากรถ

จากนั้นได้ขอตรวจค้นรถ แต่เจ้าของรถและผู้โดยสารแสดงทีท่าไม่พอใจ ภายในรถพบยาเคตามีนหรือยาเค ชนิดเกล็ด บรรจุอยู่ในกระสอบปุ๋ยกระสอบละ 50 ก้อน จำนวน 5 กระสอบ รวม 250 ก้อน ส่วนอีก 1 กระสอบมี 49 ก้อน รวมทั้งหมด 299 ก้อน และมีซองขนมอีก 1 ซอง เปิดออกมาพบว่ามีซองยา Happy Water หรือยาเสียสาว จำนวน 10 ซอง ซองละ 7.04 กรัม และยาเคชนิดผงจำนวน 1 ซอง น้ำหนัก 21 กรัมวางอยู่ในรถตู้คันดังกล่าว รวมมูลค่ายาเสพติดมากกว่า 180 ล้านบาท

เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบที่อยู่ตามบัตรประชาชนของผู้ขับขี่และผู้โดยสารของรถยนต์ทั้ง 2 คัน ปรากฏว่ามีภูมิลำเนาอยู่ใกล้เคียงกัน สอบถามนายวิศรุตให้การยอมรับว่า ตนเป็นรถยนต์นำทางลำเลียงยาเสพติดในครั้งนี้

จากการสอบสวนขยายผลทราบว่าผู้สั่งการในการลำเลียงยาเสพติดคือนายอ๊อฟ ซึ่งขับรถตู้ยี่ห้อ โตโยต้า ทะเบียน ฮจ 1776 กรุงเทพมหานคร หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้แจ้งวิทยุ สภ.ภูเขียว เพื่อกระจายข่าวให้ติดตามจับกุม แต่ยังไม่พบรถยนต์คันดังกล่าว จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คน พร้อมของกลางทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป