พอสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ตำรวจก็เพิ่มความเข้มในการป้องกันเหตุความวุ่นวายต่าง ๆ จนไปเจอเพจที่เกี่ยวกับการแข่งรถ มีการโพสต์ชักชวนให้ไปรวมตัวกันตอนกลางดึก จึงไปตรวจสอบ ซึ่งวัยรุ่นกลุ่มนี้ก็อ้างว่าจะรวมตัวไปทำบุญที่ต่างจังหวัด แต่จากการตรวจสอบกลับพบทั้งผู้ติดยาเสพติด และรถผิดกฎหมาย
จุดที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามการแข่งรถในทาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าตรวจสอบอยู่ภายในปั๊มน้ำมันบริเวณตลาดคลองด่าน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ หลังพบข้อมูลเพจเฟซบุ๊กที่ชื่อ “ใบระหัด เรสซิ่ง” โพสต์ข้อความลักษณะชักชวนกันไปรวมตัวกัน ตอนประมาณ 21.30 น. ซึ่งใกล้เวลาเคอร์ฟิว
พอตำรวจไปถึงจุดที่มีการนัดรวมตัวกัน ก็เจอกลุ่มวัยรุ่น 27 คน รถยนต์แต่งซิ่ง 14 คัน จอดอยู่ในปั๊มน้ำมัน มี นายศิวานนท์ นิลเนตร รับว่าเป็นแอดมินเพจและคนโพสต์ชักชวน จากการสอบสวนก็อ้างว่าได้นัดทุกคนมารวมตัวกัน เพราะตั้งใจจะพากันไปทำบุญที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งก็มักชักชวนกันไปทำบุญแบบนี้อยู่แล้วเป็นประจำ แต่อย่างไรก็ตาม จากลักษณะรถแต่งซิ่งแต่ละคันและช่วงเวลานัดหมาย ก็ทำให้ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ จึงคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปสอบสวนที่ สภ.คลองด่าน จากการตรวจสอบก็พบผู้เสพยาเสพติด 2 คน และพบว่ามีรถยนต์ 10 คัน ไม่มีเอกสารการครอบครองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จึงดำเนินคดีไปตามพฤติการณ์กระทำผิด และบันทึกประวัติไว้ พร้อมกับให้แอดมินเพจโพสต์ข้อความประชาสัมพันธ์เตือนไม่ให้คนอื่นกระทำผิดกฎหมาย
ส่วนที่ จังหวัดเชียงใหม่ พลตำรวจโท ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 5 แถลงจับกุมกลุ่มวัยรุ่น 10 คน ที่รวมตัวกันขี่รถจักรยานยนต์สร้างความเดือดร้อน ตระเวนทำร้ายร่างกายและวิ่งราวทรัพย์ผู้เสียหายหลายราย ในพื้นที่อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน และอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ และโทรศัพท์มือถือ
พลตำรวจโท ปิยะ บอกว่า เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมามีผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับตำรวจว่าถูกกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 20 คน รวมตัวกันขี่รถจักรยานยนต์ตระเวนทำร้ายร่างกายและวิ่งราวทรัพย์ผู้เสียหาย ทั้งประชาชนทั่วไป รวมถึงเยาวชนที่ยังเป็นเด็กหญิง และต่อมาตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหา 2 คน ที่เป็นเยาวชน จากนั้นก็ขยายผลสืบสวนจนพบว่ามี นายปฎิภาณ สินเทียม หรือ ซีซาร์ เป็นหัวหน้าแก๊งที่ชื่อ “เฮอริเคน” จึงนำหมายศาลไปจับกุมตัว และแจ้งไปยังผู้ปกครองให้พาเยาวชนที่ร่วมแก๊ง ซึ่งมีอายุ 13-16 ปี มามอบตัว ทำให้ขณะนี้มีทั้งผู้ที่ถูกจับกุมและเข้ามอบตัวแล้ว 10 คน ซึ่งจากการสอบสวนทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า ทำไปเพราะความคึกคะนอง ซึ่งจะแยกดำเนินคดีไปตามความผิดที่เกี่ยวข้อง เช่น ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์, ทำร้ายร่างกายผู้อื่นฯ, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ดำเนินการตามกฎหมายและจะขยายผลไปยังผู้ร่วมก่อเหตุที่ยังไม่เข้ามอบตัวทั้งหมดต่อไป