The Snowman and the Snowdog | มติชนสุดสัปดาห์ | LINE TODAY

นพ.ประเสริฐ 2211

ตามหลังหนังการ์ตูน The Snowman ปี 1982 ยังมีเรื่องที่สองติดตามมาในปี 2012 คือ The Snowman and the Snowdog ในโอกาสครบรอบ 30 ปี ความยาว 24 นาที ครั้งนี้ เรย์มอนด์ บริกส์ เพียงแค่อนุมัติแต่มิได้มีส่วนร่วม

แต่หนังก็เปิดเรื่องได้น่าชมเชยและน่าติดตามมาก

เป็นหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีบ้านร้อยหลังคาเรือนเรียงรายกันไปอย่างที่เห็นตามชานเมืองในอังกฤษ ลักษณะของหลังคาและรูปร่างของบ้านเหมือนๆ กันอันเป็นเอกลักษณ์ของการสร้างบ้านแปงเมืองในยุโรปที่การต่อเติมสิ่งใดต้องได้รับการอนุมัติ (ซึ่งแตกต่างจากทาวน์เฮาส์ ทาวน์โฮม หรือแม้กระทั่งหมู่บ้านจัดสรรของบ้านเรา)

รถคันหนึ่งมาจอดหน้าบ้านหลังหนึ่ง มีแม่ ลูกชาย และหมา พวกเขาย้ายมาใหม่

หนังใช้ดนตรีประกอบเช่นเดียวกับภาคแรก ไม่มีบทพูด ดนตรีเสนาะหูเช่นเดิมแม้จะไม่ติดตรึงทันทีเหมือนภาคแรก มีเพลงเอกที่แต่งขึ้นใหม่ ไม่ฮิตเปรี้ยงปร้างเท่าภาคแรก

หนังฉายภาพภายในบ้าน เห็นตุ๊กตาฮาโลวีน แล้วแพนภาพผ่านหน้าต่างออกไปลานหลังบ้าน แม่กับลูกชายกำลังฝังศพใครบางคน หมาตัวนั้นนั่นเอง

เรื่องนี้เริ่มต้นด้วยการพลัดพราก

เด็กชายวาดรูปหมาลงบนโปสการ์ด แล้วจ่าหน้าถึงซานตาคลอส ขณะที่เขาลุกขึ้นจะวิ่งไปหาแสตมป์ (คิดว่าอย่างนั้น) เท้าเขาเกี่ยวถูกแผ่นกระดานหนึ่งเผยอขึ้น ใต้แผ่นกระดานมีของเล่นแตกหัก กับกล่องหนึ่งใบ เด็กชายเปิดกล่องพบหมวกและผ้าพันคอสีเขียว เศษถ่านกับผลไม้แห้งลูกหนึ่ง

และรูปถ่ายเด็กชายคนหนึ่งกับมนุษย์หิมะ

ถึงตอนนี้นักดูหนังที่ผ่านตาภาคแรกมาแล้วน่าจะอดตื่นเต้นมิได้ ที่เห็นคือมนุษย์หิมะคนเดิม หมวกและผ้าพันคอเดิม บ้านหลังเดิมซึ่งบัดนี้รอบบ้านมิใช่ป่าละเมาะอีกต่อไปแล้วแต่เป็นหมู่บ้านที่ผู้คนมาอยู่อาศัยมากมาย เด็กชายคนนี้มิใช่คนนั้น คนนั้นมีพ่อ คนนี้ไม่มี คนนั้นมีทุ่งหิมะทั้งทุ่งให้เล่น แต่คนนี้มีเพียงลานหลังบ้าน

หิมะตกแล้ว เด็กชายเอากล่องออกไปปั้นหิมะ เขาโกยหิมะมากองเพื่อสร้างลำตัว แต่อนิจจา หิมะช่างมีน้อยนิดไม่เหมือนสมัยก่อน พื้นหญ้าสีเขียวปรากฏขึ้น เด็กชายแก้ปัญหาด้วยการโกยหิมะที่ค้างอยู่ตามต้นไม้ หัวเสา หรือแม้แต่หลังคาบ้านลงมาทำงานต่อ เขาได้หัวแล้ว จัดแจงสวมหมวก พันผ้าพันคอ ติดกระดุมเม็ดถ่าน แล้วใช้ผลไม้แห้งนั้นแปะจมูก แต่ผลไม้แห้งนั้นไม่เป็นรูปกลมสุกใสสีส้มเหมือนในรูปถ่าย เด็กชายจึงวิ่งเข้าครัวไปหยิบส้มผลใหม่ออกมาทำจมูก จากนั้นขีดรอยยิ้มให้ มนุษย์หิมะเกิดใหม่แล้ว

เด็กชายใช้หิมะที่เหลือปั้นสุนัขขึ้นตัวหนึ่งไว้ข้างๆ ใช้ผลไม้แห้งลูกเก่านั้นเองแปะเป็นจมูกให้มัน ทำหูด้วยถุงเท้า หิมะก็เริ่มตกหนักอีกคำรบหนึ่ง

แม่เรียกเด็กชายเข้าบ้าน

หากมนุษย์หิมะภาคแรกจบลงด้วยการพลัดพราก ภาคสองนี้เริ่มต้นด้วยการพลัดพราก เด็กชายคนใหม่ของเราเสียสุนัขของตัวเองไปตั้งแต่เริ่มต้นเรื่อง เขาเขียนจดหมายถึงซานตาคลอสแต่ลืมส่ง เขาปั้นตุ๊กตาหมาหิมะขึ้นมาใหม่ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป

เที่ยงคืน เด็กชายตื่นขึ้นเพราะเสียงหมาเห่า เขาดูทางหน้าต่างแล้ววิ่งลงบ้านออกไปที่ลานด้วยความตื่นเต้น ที่นั่นมนุษย์หิมะและหมาหิมะมีชีวิต (animate) ขึ้นมาอีกแล้ว พลังในการให้ชีวิตแก่สรรพสิ่งเป็นพลังของเด็กเท่านั้น ผู้ใหญ่อย่างเราๆ สูญเสียความสามารถนี้ไปนานมากแล้ว

เด็กชายเล่นหิมะกับมนุษย์หิมะและหมาหิมะครู่หนึ่ง เรื่องดำเนินไปคล้ายภาคแรกพวกเขาเข้าบ้านมิได้เพราะในบ้านร้อนเกินไป มนุษย์หิมะสำรวจลานหลังบ้านพบว่าเรือนเก็บเครื่องมือยังอยู่ มอเตอร์ไซค์คันเดิมก็ยังอยู่ แต่ครั้งนี้พวกเขามิได้ใช้มัน พวกเขาสามชีวิตพากันบินไปอีกเช่นเดิม

ผ่านย่านธุรกิจของลอนดอน โบสถ์เซนต์พอล บิ๊กเบน ลอนดอนอายส์ ออกนอกเมืองไปไกล มีมนุษย์หิมะมากมายลอยละล่องขึ้นมาจากบ้านหลายหลัง แต่ครั้งนี้ดูเหมือนขั้วโลกจะไกลเกินไป พวกเขาร่อนลงที่ลานจอดเครื่องบินลำหนึ่งแล้วขับเครื่องบินไปต่อไป

ที่ขั้วโลก รอบนี้มีมนุษย์หิมะหลากหลายชาติพันธุ์ จากจีนและรัสเซีย จากญี่ปุ่นและอีกหลายชาติดูไม่ทัน วันนี้งานสังสรรค์หิมะกลายเป็นอินเตอร์เนชั่นแนลไปแล้ว

มีงานแข่งสกี เด็กชายและหมาหิมะใช้ล้อเลื่อนเข้าแข่งด้วย คู่ปรับสำคัญคือนกเพนกวินหน้าตาจริงจัง (ออกจะงงเล็กน้อยว่าที่นี่เป็นขั้วโลกเหนือหรือขั้วโลกใต้กันแน่) การแข่งขันดำเนินไปอย่างสนุกสนานจบลงด้วยหมาหิมะเอาชนะปากแหลมยื่นไปข้างหน้าของเพนกวินด้วยปลายจมูก ปลายจมูกของใคร

ของมนุษย์หิมะครั้งที่แล้วนั่นเอง!

ผู้ชนะเดินไปพบซานตาคลอส เป็นเวลาเดียวกับที่จดหมายของเด็กชายซึ่งคุณแม่ช่วยติดแสตมป์ให้เดินทางมาถึงพอดี ซานตาคลอสจึงมอบของขวัญ “พิเศษ” ให้เด็กชาย มนุษย์หิมะเดินเข้ามาเตือนว่าแสงอาทิตย์เริ่มขึ้นแล้ว พวกเขาต้องกลับบ้าน และไม่ลืมเอาเครื่องบินไปคืนเจ้าของด้วย

ช่างมีความรับผิดชอบเสียจริง

ที่ลานหลังบ้าน เด็กชายลามนุษย์หิมะและหมาหิมะด้วยความเศร้าสร้อย ดูเหมือนความพลัดพรากจะเกิดขึ้นอีกแล้ว หมาหิมะอยากเข้าบ้านแต่เด็กชายชี้ให้ดูเตาผิงที่ไฟยังส่องแสง พวกเขาลากันตรงนั้น

ลืมอะไรไปหรือเปล่า ของขวัญที่ซานตาคลอสให้มาไง

หนังมิได้บอกว่าเด็กชายคนเดิมกับพ่อแม่หายไปไหน แล้วเพราะอะไรจึงไม่เอากล่องใส่เครื่องแต่งกายมนุษย์หิมะไปด้วย ทำไมจักรยานยนตร์จึงถูกทิ้งไว้ คำอธิบายคือเมื่อเด็กโตขึ้นอะไรที่เคยอนิเมทได้บัดนี้อนิเมทมิได้อีกแล้ว อะไรที่เคยมีชีวิตบัดนี้ไม่สามารถมีชีวิต (inanimation) แล้ว ความจำส่วนนี้จะเลือนหายไป

ความพลัดพรากที่แท้คือความพลัดพรากจากความทรงจำ และความพลัดพรากที่น่าเสียดายมากที่สุดคือการพลัดพรากจากความสามารถเชิงเวทมนตร์ในวัยเด็กของเราเอง

เขียนเรื่องและกำกับฯ โดย Hilary Audus เพลงเอก Light the Night โดย Andy Burrows อุทิศให้แก่ John Coates ผู้อำนวยการสร้างทั้งภาคแรกและภาคสองซึ่งถึงแก่กรรมในเดือนกันยายน 2012 •

การ์ตูนที่รัก | นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj

— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022