อื่นๆ
สมัยนี้อากาศแปรปรวนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หน้าร้อนก็หนาวได้ หรือก็ฝนตกได้ เมื่อฝนตก น้ำท่วมก็จะเป็นของคู่กัน วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์ขับรถตอนน้ำท่วม บอกเลยว่าอันตรายมาก ผ่านมา 7-8 ปีแล้ว วันนั้นฝนตกหนักจนน้ำระบายไม่ทัน น้ำท่วมถนนเกือบตลอดเส้นทาง ผมค่อยๆขับรถลุยน้ำไปเรื่อยๆ
ผ่านกระสอบทรายที่เขาตั้งกั้นน้ำไว้ ผ่านมอเตอร์ไซค์ที่ขี่สวนมาอย่างช้าๆ พอพ้นบริเวณน้ำท่วม ผมก็เหยียบคันเร่งทันที รถกระโจนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว วิ่งไปสักพัก ด้านหน้ามีรถสะสมเยอะขึ้น ผมเห็นมาแต่ไกล เลยเหยียบเบรคเพื่อลดความเร็วแต่เนิ่นๆ แต่ต้องตกใจเพราะเหยียบเบรคแล้ว แต่เหมือนไม่ได้เหยียบเพราะรถก็ไหลไปเรื่อยๆ ทั้งที่เหยียบเบรคจนมิดแล้ว ตอนนั้นในสมองคิดทันทีเลยน้ำอยู่ในเบรค ผมเลยรีบเหยียบย้ำหลายๆที ประมาณ 3-4 ครั้ง เบรคถึงจะอยู่ นั้นหมายความว่าถ้าวันนั้นไม่ใช่เหตุการณ์แบบนี้ แต่เป็นเหตุการณ์ที่ต้องหยุดรถให้ได้ทันที ผมจะไม่มีทางเบรคทันอย่างแน่นอน นี่เป็นความรู้เบื้องต้นในการขับรถบนท้องถนนที่หลายคนอาจไม่รู้ และมีอีกหลายอย่างที่ต้องรู้ถ้าต้องขับรถผ่านจุดที่น้ำท่วม
เช่น ควรใช้เกียร์ต่ำในการขับรถผ่านจุดที่น้ำท่วม ต้องปิดแอร์ ไม่เร่งเครื่องให้รอบสูง ๆ เพราะจะทำให้รถมีความร้อนสูงขึ้น ใบพัดระบายความร้อนก็จะทำงาน ทำให้พัดน้ำเข้าห้องเครื่องหรือใบพัดระบายความร้อนโดนพวกสิ่งที่ลอยมากับน้ำทำให้ใบพัดเสียหายได้ ไม่ควรขับรถเร็ว เพราะจะทำให้เกิดคลื่นไปโดนผู้ที่สัญจรไปมา หากเป็นรถมอเตอร์ไซค์อาจทำให้ล้มได้ หรือคลื่นไปทำลายพนังกั้นน้ำ หรือ สิ่งของต่างๆเกิดความเสียหายได้
เมื่อผ่านพื้นที่น้ำท่วมมาแล้ว ควรย้ำเบรคหลายๆครั้ง เพื่อไล่น้ำออกจากระบบเบรคออกให้หมด (อันนี้สำคัญเลย อันตรายมาก เพราะรถมันเบรคไม่อยู่ อย่างที่เล่าเหตุการณ์ให้อ่านกัน) เมื่อถึงจุดหมายแล้วไม่ควรดับเครื่องทันที ควรจะติดเครื่องสักพัก เพื่อให้น้ำที่ค้างตามท่อไอเสียระเหยออกให้หมด ไม่ควรวิ่งรถผ่านทางที่มีน้ำไหลผ่านทาง เพราะน้ำอาจพัดพารถไปตกถนนได้ เพราะรถเวลาวิ่งผ่านจุดที่น้ำไหล จะทำให้จุดสัมผัสของล้อรถน้อยลง ประกอบกับถ้าน้ำไหลแรงและมีความลึก รถคันใหญ่ๆก็พัดตกมาแล้ว
ความคิดเห็น
