5 ลิมิเต็ดซูเปอร์คาร์ จาก 5 แบรนด์ดัง ที่ควรมีในครอบครองปี 2022 – Hello Magazine

หากพูดถึงรถ Super Car ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นรถในฝันของใครหลายคน โดยนอกจากรถรุ่นปกติที่ทางหลายๆ แบรนด์ได้นำมาจำหน่ายให้ลูกค้าครอบครองแล้ว Super Car ที่เป็น Limited Edition ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ใครอยากมีเก็บไว้ในโรงรถของตัวเอง และในวันนี้ HELLO! ขอพาไปดูสุดยอด Super Car จาก 5 แบรนด์ดังข้างต้นที่ควรค่าแก่การเป็นเจ้าของ

Ferrari 812 Competizione & Competizione A

Cr. Evo.uk

Ferrari หรือ ม้าลำพอง ที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันดี รถสปอร์ตสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์บนท้องถนน ดึงดูดทุกสายตาให้จับจ้อง เสียงเครื่องหวาน ๆ ที่ถูกใจสายซิ่งอย่างแน่นอน เจ้า ‘Ferrari 812 Competizione’ เป็นตัว Limited ที่พัฒนามาจาก Ferrari 812 Superfast ที่ใช้ขุมพลังของเครื่องยนต์ V12 นำมาปรับปรุงสมรรถนะให้มากขึ้น เปลี่ยนดีไซน์ตัวถัง ที่ Ferrari ผลิตออกมาเพียงแค่ 999 คัน และรุ่นเปิดประทุนอีกเพียง 599 คันเท่านั้น พละกำลังที่เพิ่มขึ้นมาถึง 830 แรงม้า พร้อมแรงบิด 682 นิวตันเมตร ตอกย้ำความแรงของไลน์อัพ 812 เครื่อง V12 ที่ Ferrari ตั้งใจทำออกมาได้เป็นอย่างดี วัสดุที่ใช้ก็นำ Carbon Fiber เพื่อลดน้ำหนักของรถลง โดยทำอัตราเร่ง 0-100 km/h ได้เพียงแค่ 2.85 วินาที และ 0-200 km/h ที่ 7.5 วินาที พร้อมความเร็วสูงสุดที่ 340 km/h พาร์ทตกแต่งก็ถูกออกแบบให้มีความดุดัน คล้ายกับตัวรถแข่งของ Ferrari อย่าง Ferrari 330 P3/P4 ห้องโดยสารภายในก็มีความคล้ายคลึงกับ 812 Superfast แต่มีการใช้ Carbon Fiber ตกแต่งเพิ่ม เปลี่ยนสีในบางจุด และแผงประตูน้ำหนักเบาแบบใหม่ รวมถึงเบาะนั่งด้วย ความพิเศษอีกอย่างคือ Ferrari 812 อาจจะเป็นรถตระกูลสุดท้ายของ Ferrari ที่ใช้เครื่อง V12 โดยไม่ใช้เทอร์โบชาร์จ หรือมอเตอร์ไฟฟ้าใด ๆ นับว่าเป็นรถของ Ferrari ที่ควรค่าแก่การเก็บไว้ที่โรงรถของเรา

Lamborghini Countach LPI 800-4

Cr. Lamborghini

มากันที่ค่าย กระทิงดุ หรือ Lamborghini อีกหนึ่งค่าย Super Car ที่มีชื่อเสียงระดับโลก หลาย ๆ คนเลือกซื้อด้วยรูปลักษณ์ แต่ก็มีอีกหลาย ๆ คนเลือกเพราะว่าเป็นรถในฝันตั้งแต่สมัยเด็ก Lamborghini Countach คือซุปเปอร์คาร์ในตำนานช่วงปี 1980 ที่เป็นดั่งรถไอคอนของ Lamborghini ก็ได้หวนคืนกลับมาอีกครั้ง ‘Lamborghini Countach LPI 800-4’ เป็น Limited Car ที่มีเพียงแค่ 112 คันในโลกเท่านั้น มาพร้อมเครื่องยนต์ Hybrid V12 ที่ผสมผสานความโมเดิร์นและเรโทรในแบบฉบับกระทิงดุจากอิตาลี โครงสร้างตัวรถนำมาจากรุ่น Aventador ที่ใช้ Carbon Fiber เป็นแกนหลัก ทำให้รถมีความแข็งแรงและเบาลง Lamborghini ได้นำดีไซน์จาก Countach รุ่นเก่า ๆ มาประยุกต์ในรถรุ่นพิเศษคันนี้ ที่เมื่อมองแล้วจะสัมผัสได้ถึงสเน่ห์ความสวยงานในการออกแบบของ Lamborghini ในแต่ละยุคอย่างชัดเจน กระจังหน้าที่เรียวยาวกับไฟหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมู และซุ้มล้อแบบหกเหลี่ยม ทำให้รถดูสปอร์ตมาก ๆ และเป็นการออกแบบที่คิดมาดูแล้วในแง่ของ Aerodynamic อย่างที่บอกไปว่าเป็นเครื่องยนต์ Hybrid V12 ที่ให้กำลังสูงถึง 803 แรงม้า แรงบิดที่ 720 นิวตันเมตร พร้อมอัตราเร่ง 0-100 km/h ที่ 2.8 วินาที 0-200 km/h ที่ 8.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุดที่ 355 km/h ภายในห้องโดยสารเอง ทาง Lamborghini ยังคงใส่ใจในรายละเอียดของตัวเบาะ ที่ถึงแม้จะยกมาจาก Aventador แต่การเดินลวดลายต่าง ๆ จะตัดเย็บเป็นรูปทรงเรขาคณิตคลาสสิคตาม Countach ในอดีต ตกแต่งด้วย Carbon Fiber ทั้งหมด และที่พิเศษสุด ๆ คือการตีตรา Countach ไว้ข้างคอนโซลเพื่อบ่งบอกความพิเศษของรถรุ่นนี้อีกด้วย หากใครชื่นชอบในแบรนด์กระทิงดุ ก็ควรค่าแก่การหามาครอบครองนะครับ

McLaren 765LT Spider

Cr. McLaren

ตามด้วยค่ายที่มีชื่อเสียงจากการนำเทคโนโลยีของรถแข่งสูตร 1 หรือ Formula 1 มาผลิตเป็นรถสปอร์ตอย่าง McLaren ‘McLaren 765LT Spider’ เป็นอีกหนึ่ง Super Car ในฝันของใครหลาย ๆ คน ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูล้ำกว่าใคร รวมถึงสมรรถนะที่ไม่ต้องอธิบายกันมาก เรียกว่าหากได้ขึ้นไปขับแล้ว อาการหลังติดเบาะมีให้เห็นอย่างแน่นอน หากสังเกตจากชื่อรุ่น 765LT หลาย ๆ คนจะสงสัยว่า LT คืออะไร LT คือ Long Tail ที่ออกแบบเพื่อให้ตัวถังด้านหลังยาวขึ้น ตอบโจทย์เรื่อง Aerodynamic อย่างดี และอีกหนึ่งสิ่งคือรุ่นที่เป็น LT จะผลิตออกมาจำกัดตามคำสั่งซื้อของลูกค้า McLaren แค่ 765 คันเท่านั้น การออกแบบที่เน้นให้รถเบา แต่รีดศักยภาพได้มากขึ้น รวมถึงหลังคาแข็งแบบชิ้นเดียวที่พับได้ เรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติวงการหลังคาแข็งในรถยนต์เลยทีเดียว ขุมพลังที่เป็นหัวใจสำคัญของ 765LT Spider คันนี้คือเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ที่ให้กำลังสูงสุด 765 แรงม้า แรงบิดที่ 800 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 km/h ได้ที่ 2.8 วินาที และ 0-200 km/h ที่ 7.2 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 330 km/h การออกแบบภายในจะหุ้มด้วยหนัง Alcantara ตามสไตล์ของ McLaren รวมถึงเบาะที่ยกมาจากพี่ใหญ่อย่าง McLaren Senna ที่ทำจาก Carbon Fiber ชิ้นเดียว และหากใครที่ชื่นชอบความเร็ว และเทคโนโลยีจาก F1 McLaren ก็เป็นแบรนด์ที่สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการได้ครับ

Aston Martin DBS Superleggera

Cr. Aston Martin

ค่ายที่เป็นดั่ง ไอคอนของ เกาะอังกฤษ ที่อยู่ในหนังแฟรนไชส์สายลับชื่อดังอย่าง ‘James Bond’ ‘Aston Martin DBS Superleggera’ Super Car เรือธงจาก Aston Martin ที่เป็นรถสปอร์ตสำหรับขับขี่ในถนนที่ เร็ว แรง ที่สุดเท่าที่ Aston Martin เคยพัฒนามา ภายนอกที่ดูคล่องแคล่ว ปราดเปรียว แต่ยังคงความแข็งแรงในเส้นสายในสไตล์ Aston Martin โดยคำว่า Superleggera เป็นภาษาอิตาเลียน ที่แปลได้ว่า Super Light ที่ตัวรถจะใช้วัสดุเพื่อให้รถมีน้ำหนักที่เบา แต่ยังคงความแข็งแรงเอาไว้ กระจังหน้าสีดำขนาดใหญ่ให้ความรู้สึกดุดัน เพื่อเป็นการบอกถึงขนาดของเครื่องยนต์ที่อยู่ในกระโปรงหน้า โดยขุมพลังของ DBS Superleggera คือเครื่องเบนซิน V12 ทวินเทอร์โบ ให้กำลังที่ 715 แรงม้า แรงบิดที่ 900 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 km/h ได้ที่ 3.4 วินาที และความเร็วสูงสุดของรถที่ 340 km/h ภายในประกอบด้วยการออกแบบที่หรูหรา ดึงจิตวิญญาณความเป็น Aston Martin ทุก ๆ ส่วน รายละเอียดของคอนโซลต่าง ๆ ก็ถูกออกแบบอย่างดีเยี่ยม หนัง Alcantara ที่ใช้หุ้มพวงมาลัย มั่นใจได้ตลอดเวลาที่จับ รวมถึงระบบ Infotainment ที่ใส่เข้ามาในตัวรถก็มีคุณภาพมากพอแล้ว แต่หากใครอยากจะเติมแต่ง ก็สามารถกำหนดรายละเอียดตอนจองรถได้ และในไทยเองก็มีนำเข้ามาเพียงแค่ 4 คันเท่านั้น

Koenigsegg Gemera

Cr. Koenigsegg

เรียกว่าเป็นสุดยอดแห่งความล้ำทั้งแง่ของความมีระดับ ความแรง และการใช้เป็น Daily Use Car ‘Koenigsegg Gemera’ ไฮเปอร์คาร์ 4 ที่นั่ง หรือที่ทางค่ายเคลมมาว่าเป็นรถ ‘Mega-GT’คันแรกของโลก มาพร้อมด้วยพละกำลังมากมายมหาศาลจากเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ทวินเทอร์โบ ที่ให้กำลังแรงม้าสูงถึง 598 แรงม้า พ่วงด้วยแรงบิด 600 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าอีก 3 ตัว จะได้พละกำลังแรงม้าถึง 1,700 แรงม้า แรงบิด 3,500 นิวตันเมตร พร้อมอัตราเร่ง 0-100 km/h ที่1.9 วินาที 0-200 km/h ที่ 4.9 วินาที สามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 400 km/h ด้วยตัวถังที่ทำจาก Carbon Fiber ชนิดพิเศษ มาพร้อมการดีไซน์ล้ำยุค และเน้นเส้นสายตามหลัก Aerodynamic ชุดไฟหน้าที่เป็น LED แบบ 5 เลนส์ก็สวยโฉบเข้ากับหน้ารถ ให้ความรู้สึกหรูหราและสปอร์ตในเวลาเดียวกัน แต่ในรถคันนี้จะไม่มีกระจกมองข้าง ทาง Koenigsegg ได้ติดตั้งกล้องมองภาพมาให้ในห้องโดยสาร สิ่งที่ไม่พูดไม่ได้สำหรับรถคันนี้ก็คือ ที่นั่งภายในที่สามารถโดยสารได้มากสุด 4 คน ทั้ง ๆ ที่รถสมรรถนะระดับนี้ส่วนใหญ่ จะมีแค่ 2 ที่นั่ง ภายในตกแต่งด้วยวัสดุหุ้มหนังสีดำ และหนัง Alcantara และวัสดุจาก Carbon Fiber รวมถึงที่วางแก้วที่มีมากสุดถึง 8 ที่ พร้อมระบบทำความเย็นและอุ่นร้อน โดย Gemera คันนี้มีเพียงแค่ 300 คันทั่วโลกเท่านั้น