ไทยชนะ! TOYOTA COROLLA ALTIS คว้าแชมป์และอันดับสามรุ่น SP3 ในสนามนูร์เบอร์กริง! – ไทยรัฐ

สำหรับการแข่งขัน “49th ADAC Total 24h-Race Nürburgring 2021” Toyota Gazoo Racing Team Thailand เป็นทีมแข่งรถจากประเทศไทยทีมเดียว ที่เข้าร่วมแข่งขันในมาราธอน 24 ชม. สุดโหดระดับตำนาน ที่ขึ้นชื่อทั้งความหฤโหด อันตราย และขับยาก ทีมไทย ลงสนามในรุ่น Super Production 3 (SP3) โดยใช้รถ Toyota Corolla Altis GR Sport จำนวน 2 คัน

รถ Toyota Corolla Altis GR Sport หมายเลข 119 ขับโดย สุทธิพงศ์ สมิตชาติ, ณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ, ณัฐพงษ์ ห่อทองคำ และ มานัต กุละปาลานนท์

รถ Toyota Corolla Altis GR Sport หมายเลข 120 ขับโดย เฉิน เจี้ยน หงษ์, กรัณฑ์ ศุภพงษ์ และ นาโอกิ คาวามูระ

Corolla Altis ทั้งสองคัน ลงสนามพิสูจน์สมรรถนะและความแกร่งทรหดของทั้งคนและรถ เริ่มจากการควอลิฟายด์ รถหมายเลข 119 อยู่ในอันดับที่ 2 และหมายเลข 120 อยู่ในอันดับที่ 4 ก่อนเข้าสู่ช่วงแข่งขันบนเส้นทางสุดโหดที่มีระยะทางต่อรอบกว่า 25 กม. 73 โค้งอันตรายที่คดเคี้ยวไปตามหุบเขาและหมู่บ้าน กับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แค่ชั่วโมงแรกของการแข่งขันฝนก็ตกลงมาไม่ขาดสาย รถหลายคันเกิดอุบัติเหตุ แต่การแข่งขันยังดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้นและยากลำบาก

เข้าสู่ต้นชั่วโมงที่ 7 ของการแข่งขัน ผู้จัดตัดสินใจประกาศธงแดง ให้ยุติการแข่งขันชั่วคราว เนื่องจากฝนที่ตกลงมาทำให้ผิวแทร็กเปียกลื่น และมีหมอกที่ลงหนาทึบขึ้นเรื่อยๆ เป็นอุปสรรคต่อทัศนวิสัยในการขับ ทำให้ต้องหยุดการแข่งขันเพื่อความปลอดภัยของนักแข่งทุกคน หลังการรอคอยกว่า 13 ชม. สภาพสนามยังคงมีหมอกหนาและพื้นผิวยังมีความชื้น แต่ก็มีแสงสว่างเพียงพอต่อการแข่งขัน ผู้จัดจึงอนุญาตให้มีการแข่งขันต่อได้ 

ทันทีที่การสตาร์ตเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง รถ Altis หมายเลข 119 และ 120 กลับสู่สนาม กับเวลา 3 ชั่วโมงครึ่งที่เหลืออยู่ของการแข่งขัน เป้าหมายคือทำให้ดีที่สุดภายใต้ระยะเวลาที่จำกัด รถหมายเลข 120 โดยการขับของ เฉิน เจี้ยน หงษ์, กรัณฑ์ ศุภพงษ์ และ นาโอกิ คาวามูระ ก็สามารถเข้าสู่ธงหมากรุกคว้าโพเดียมชนะเลิศอันดับ 1 ในรุ่น SP 3 และ 78 Overall รวม 47 รอบสนาม Best Lap 10.18.039 ส่วนรถ Altis หมายเลข 119 ขับโดย สุทธิพงศ์ สมิตชาติ, ณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ, ณัฐพงษ์ ห่อทองคำ และ มานัต กุละปาลานนท์ คว้าอันดับ 3 ในรุ่น SP3 และ 92 Overall รวม 45 รอบสนาม Best Lap 10.00.596 จากรถที่เข้าร่วมแข่งขันในปีนี้รวม 120 คัน ทำให้ธงชาติไทยได้มีโอกาสโบกสะบัดต่อหน้านักแข่งรถ และผู้ชมการแข่งขันจากทั่วโลกอีกครั้ง

หนึ่งความภาคภูมิใจที่เป็นบทพิสูจน์ความมุ่งมั่นและทุ่มเทอย่างต่อเนื่องตลอด 8 ปี ทำให้คณะผู้จัดการแข่งขันมอบรางวัลเกียรติยศ ‘Ambassador of the Year’ จาก ADAC 24h Nürburgring Series ให้กับ สุทธิพงศ์ สมิตชาติ ผู้อำนวยการทีม Toyota Gazoo Racing Team Thailand ในฐานะบุคคลที่มีความมุ่งมั่นทุ่มเท และมีส่วนร่วมในการผลักดันให้การแข่งขัน 24 ชม. นูร์เบอร์กริง ได้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในประเทศไทย และช่วยยกระดับวงการกีฬามอเตอร์สปอร์ตไทยให้เป็นที่รู้จักในรายการระดับโลกอีกด้วย นับเป็นคนไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับรางวัลเกียรติยศครั้งนี้

หลังจบการแข่งขัน สุทธิพงศ์ สมิตชาติ ผู้อำนวยการทีมและนักแข่งสังกัด Toyota Gazoo Racing Team Thailand กล่าวว่า “รายการ 24 ชม. นูร์เบอร์กริง เป็นการแข่งขันที่มหัศจรรย์มากๆ เราเริ่มต้น 8 ปีที่แล้ว จากรถและทีมจากประเทศไทยที่ไม่มีใครรู้จัก แต่พวกเราก็ไม่เคยหยุดยั้งยังทำงานหนักเพิ่มมากขึ้นทุกปี ทั้งการพัฒนารถให้มีสมรรถนะในการขับที่ดีเพิ่มมากขึ้น รวมถึงวางแผนสำหรับทุกส่วนในการแข่งขันที่ต้องปรับให้ทันท่วงทีอยู่เสมอ แม้ในช่วงที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์อันกดดันของโรคระบาดโควิด-19 ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อความตั้งใจที่จะกลับมาแข่ง และวันนี้ผลแห่งความทุ่มเทและมุ่งมั่นก็ได้รับการพิสูจน์ออกมา คือ ทีมรักษาแชมป์คว้าอันดับ 1 และอันดับ 3 ขึ้นโพเดียมต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และผู้จัดมีมติเอกฉันท์มอบรางวัล ‘Ambassador of the Year’ จาก ADAC 24h Nürburgring Series ให้กับผม นับเป็นเกียรติประวัติที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ผมและทีมงานทุกคนขอขอบคุณ บริษัท Toyota Motor Thailand ที่ให้โอกาสและสนับสนุนให้พวกเราได้มาพิสูจน์สมรรถนะความแกร่งของรถยนต์จากสายการผลิตในประเทศไทย และความทรหดของทีมแข่งรถไทย และขอบคุณแฟนมอเตอร์สปอร์ตทุกท่านที่ติดตามให้กำลังใจมาตลอด ผมยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ตของไทย และพร้อมที่จะผลักดันให้นักแข่งรุ่นใหม่ได้มีโอกาสลงแข่งขันในระดับนานาชาติมากขึ้น เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้กับนักแข่งชาวไทยบนเวทีระดับโลกต่อไปอย่างไม่สิ้นสุดครับ

ทั้งนี้การแข่งขัน ณ ประเทศเยอรมนี นักแข่งและทีมงานทุกคนได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด รวมถึงมาตรการการกักตัว 14 วัน ในการเดินทางกลับเข้าประเทศด้วย สำหรับแฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ตชาวไทย ร่วมติดตามชมภาพความสำเร็จของทีมแข่งรถหนึ่งเดียวจากประเทศไทย Toyota Gazoo Racing Team Thailand ในการรักษาแชมป์และสร้างประวัติศาสตร์ครั้งยอดเยี่ยมในการแข่งขัน “ADAC Total 24h-Race Nürburgring 2021” จากเมืองนูร์เบอร์ก ประเทศเยอรมนี เพิ่มเติมได้ทาง www.facebook.com/TOYOTAGazooRacingTeamThailand

สนามแข่งนูร์เบอร์กริง ตั้งอยู่ในเมืองนูร์เบอร์ก เมืองโบราณในเขตเทือกเขาไอเฟล (Eifel) ทางตะวันตกของประเทศเยอรมนี เมืองสำคัญของแคว้นบาเยิร์น ห่างจากมิวนิก เมืองหลวงของแคว้นไปทางเหนือราว 170 กิโลเมตร นับเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 รองจากมิวนิก และห่างจากเมืองโคโลญจ์ 70 กิโลเมตร และ 120 กิโลเมตร จากเมืองแฟรงก์เฟิร์ต สนามนี้ถูกสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ.1925-1927 โดยวัตถุประสงค์ในตอนแรกคือเพื่อเป็นสนามแข่ง

ต่อมาในปี ค.ศ.1927 ได้เปิดให้บริการทดสอบรถยนต์อีกด้วย โดยเป็นสนามขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วย สนามย่อย 4 ส่วน รวมเรียกว่า Gesamtstrecke (Whole Course) ความยาวทั้งสิ้น 28.265 กิโลเมตร ประกอบด้วย Nordschleife (Northern Loop) ความยาว 22.810 กิโลเมตร Sudschleife (Southern Loop) ความยาว 7.747 กิโลเมตร Zielschleife (Finish Loop) หรือ Betonschleife ความยาว 2.281 กิโลเมตร ใช้สำหรับอุ่นเครื่อง GP-Streke ความยาว 5.148 กิโลเมตร เป็นสนามที่สร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ.1982 เพื่อใช้แข่งรถทางเรียบ ตรงบริเวณที่เดิมที่เป็นจุดเริ่มต้น และเส้นชัยของสนาม ปัจจุบันใช้เป็นสนามหลักของการแข่งขัน

สนามนูร์เบอร์กริง ได้รับการกล่าวขานว่า เป็นสนามที่ขับยาก ท้าทาย และอันตรายที่สุดสนามหนึ่งในโลก เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่เป็นหุบเขาคดเคี้ยว สนามแห่งนี้ถูกสร้างมาเพื่อใช้สำหรับแข่งขันรถยนต์สูตรหนึ่ง รายการเยอรมันกรังด์ปรีซ์ตั้งแต่ปี 1947 จนถึง 1970 ก่อนที่สนามจะถูกงดทำการแข่งขันไประยะหนึ่ง เนื่องจากความยากและอันตรายของสภาพภูมิประเทศ และเส้นทาง ทำให้มีนักแข่งหลายต่อหลายคนต้องจบชีวิตไปกับสนามแห่งนี้

ต่อมาสมาพันธ์ยานยนต์แห่งประเทศเยอรมัน (ADAC – Allgemeiner Deutscher Automobil Club) ได้ใช้สนามแห่งนี้เป็นหนึ่งในรายการ ADAC 24Hours Rennen Nürburgring ตั้งแต่ปี 1970 จนถึงปัจจุบัน โดยเป็นเส้นทาง Nordschleife (Northern Loop) ความยาว 22.810 กิโลเมตร รวมกับ GP-Streke ความยาว 5.148 กิโลเมตร ที่ใช้แข่งรถ F1 รวมกันได้ระยะทางรวม 26 กิโลเมตร โดยมีโค้งอันตราย 73 โค้ง ตลอดระยะการขับขี่ 26 กิโลเมตร ใน 24 ชั่วโมง ภายใต้หลังพวงมาลัย นักแข่งทุกคนต้องเผชิญกับความยากของสนาม ทั้งความเร็วสูง โค้งแคบ หักศอก โค้งกะทันหัน ทางขึ้น-ลง สูงต่ำบนเนินเขา และจุด Blind corner ที่พร้อมจะทำให้นักขับมือใหม่ต้องเข้าสู่สถานการณ์วิกฤติได้ทุกเวลา

ด้วยความยากและท้าทายของสนามแห่งนี้ จึงผลักดันให้สนามนูร์เบอร์กริงกลายเป็นสนามเวิลด์กรังด์ปรีซ์ที่ติดอันดับความสำคัญระดับโลก และมีชื่อเสียงติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลกจากความนิยมการแข่งรถในรูปแบบ 24 ชั่วโมง รองจากการแข่งขันเลอมังต์ 24 ชั่วโมง และอเมริกา 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นรายการแข่งขันสำหรับรถโปรดักชันคาร์ คือรถที่จำหน่ายอยู่ในโชว์รูม และมีการนำมาโมดิฟายด์บางส่วนเพื่อนำไปแข่งขัน จึงเป็นรายการที่ผู้ผลิตรถยนต์ต่างๆ ทั่วโลก ส่งรถโปรดักชันคาร์เข้ามาแข่งขัน เพื่อทดสอบประสิทธิภาพและสมรรถภาพของรถในแต่ละรุ่น มีทั้งรถยนต์จากยุโรป อาทิ บีเอ็มดับเบิลยู, เมอร์เซเดส เบนซ์, เฟอร์รารี่, เรย์โนลด์ ฯลฯ เข้าร่วมทดสอบประสิทธิภาพของรถ

จากรูปแบบแทร็กการแข่งขันที่มีรูปแบบเป็นถนนระหว่างเมือง ซึ่งปกติใช้เป็นถนนสาธารณะ ที่ตัดผ่าเมืองและหุบเขา ความยาวกว่า 20 กิโลเมตร มาเชื่อมต่อเข้าสนาม F1 ความยาว 5.7 กิโลเมตร ที่สามารถใช้ความเร็วได้สูงสุดเต็มกำลังของเครื่องยนต์ ทำให้บริษัทฯ รถยนต์ทั่วโลกพยายามส่งรถยนต์ในสายการผลิตและจำหน่ายในโชว์รูม เข้ามาร่วมรายการแข่งขันเพื่อเป็นโอกาสในการทดสอบประสิทธิภาพของรถ ทั้งขุมพลังของเครื่องยนต์ อัตราเร่ง อัตราทดเกียร์ สปีดต่างๆ ไปจนถึงระบบช่วงล่าง การยึดเกาะถนน และระบบรักษาความปลอดภัยทั้งระบบเบรก และระบบนิรภัยที่มีติดตั้งอยู่ในรถยนต์ เพื่อเป็นการพิสูจน์คุณภาพของรถยนต์ก่อนจำหน่ายออกสู่ผู้บริโภค

ด้วยความยากและท้าทายดังกล่าว จึงทำให้นักแข่ง และบริษัทฯ ผลิตรถยนต์ทั่วโลก พร้อมใจกันส่งรถเพื่อทำการทดสอบประสิทธิภาพ หากแต่สนามนูร์เบอร์กริงไม่ได้เปิดกว้าง และง่ายดายต่อการลงสนาม เพราะผู้ที่จะมีสิทธิ์ในการลงสนาม และแข่งขันในรายการ 24 hrs. Nürburgring ได้ จะต้องมีประสบการณ์จากการขับในสนาม Nürburgring 26 กิโลเมตร นี้ก่อน และต้องสะสมชั่วโมงได้ไม่น้อยกว่าคนละ 6 ชั่วโมง ผ่านทางรายการ VLN (Veranstaltergemeinschaft Langstreckenpokal Nürburgring) จึงจะได้รับสิทธิ์เข้าสู่รายการแข่งขัน 24 ชั่วโมง นูร์เบอร์กริง ได้.

อาคม รวมสุวรรณ

E-Mail [email protected]

Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom

https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/