‘โตโยต้ากาซู’ ป้องแชมป์โลกซิ่งหฤโหดที่นูร์เบอร์กริง – เดลีนีวส์


“โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง ทีมไทยแลนด์” สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ครองโพเดียมแชมป์โลก 2 ปีซ้อน ในการแข่งขันรถยนต์สุดหฤโหด รายการ “มาราธอนความเร็วสุดโหด 24 ชั่วโมง นูร์เบอร์กริง เยอรมนี” พร้อมรับรางวัลพิเศษ “Ambassador of the Year” จาก ADAC 24h Nurburgring Series ได้อีกด้วย จันทร์ที่ 7 มิถุนายน 2564 เวลา 13.34 น.

การแข่งขัน “ADAC Total 24h-Race Nürburgring” หรือการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบแบบมาราธอน 24 ชั่วโมง ที่เมืองนูร์เบอร์ก ประเทศเยอรมนี ระหว่างวันที่ 4-6 มิ.ย.ที่ผ่านมา “โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง ทีมไทยแลนด์” ทีมแข่งรถสัญชาติไทย ภายใต้การสนับสนุนของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ในฐานะแชมป์เก่า ลงสนามในรุ่น Super Production 3 (SP3) โดยใช้รถ Toyota Corolla Altis GR Sport จำนวน 2 คัน รถหมายเลข 119 ขับโดย สุทธิพงศ์ สมิตชาติ ผู้อำนวยการทีมและนักแข่งสังกัด โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง ทีมไทยแลนด์, ณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ, ณัฐพงษ์ ห่อทองคำ และ มานัต กุละปาลานนท์ และรถหมายเลข 120 ขับโดย เฉิน เจี้ยน หงษ์, กรัณฑ์ ศุภพงษ์ และ นาโอกิ คาวามูระ ลงสนาม

เริ่มจากการควอลิฟาย รถหมายเลข 119 อยู่ในอันดับ 2 และหมายเลข 120 อยู่ในอันดับ 4 ก่อนเข้าสู่ช่วงแข่งขันบนเส้นทางสุดโหดที่มีระยะทางต่อรอบกว่า 25 กม. 73 โค้งอันตรายที่คดเคี้ยวไปตามหุบเขาและหมู่บ้าน กับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แค่ชั่วโมงแรกของการแข่งขันฝนก็ตกลงมาไม่ขาดสาย รถหลายคันเกิดอุบัติเหตุ แต่การแข่งขันยังดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้นและยากลำบาก เข้าสู่ต้นชั่วโมงที่ 7 ของการแข่งขัน ผู้จัดการแข่งขันฯ ตัดสินใจประกาศธงแดง ให้ยุติการแข่งขันชั่วคราว เนื่องจากฝนที่ตกลงมาทำให้ผิวแทร็กเปียกลื่น และมีหมอกที่ลงหนาทึบขึ้นเรื่อยๆ เป็นอุปสรรคต่อทัศนวิสัยในการขับ ทำให้ต้องหยุดการแข่งขันเพื่อความปลอดภัยของนักแข่งทุกคน หลังการรอคอยกว่า 13 ชั่วโมง สภาพสนามยังคงมีหมอกหนาและพื้นผิวยังมีความชื้น แต่ก็มีแสงสว่างเพียงพอต่อการแข่งขัน ผู้จัดการแข่งขันฯ จึงอนุญาตให้มีการแข่งขันต่อได้

ทันทีที่การสตาร์ตเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง รถหมายเลข 119 และ 120 กลับสู่สนาม กับเวลา 3 ชั่วโมงครึ่ง ที่เหลืออยู่ของการแข่งขัน เป้าหมายคือทำให้ดีที่สุด ภายใต้ระยะเวลาที่จำกัด รถหมายเลข 120 ที่ขับโดย เฉิน เจี้ยน หงษ์, กรัณฑ์ ศุภพงษ์ และ นาโอกิ คาวามูระ ก็สามารถเข้าสู่ธงหมากรุกคว้าโพเดียมชนะเลิศ อันดับ 1 ในรุ่น SP 3 และ 73 Overall รวม 47 รอบสนาม Best Lap 10.18.039 และรถหมายเลข 119 ขับโดย สุทธิพงศ์ สมิตชาติ, ณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ, ณัฐพงษ์ ห่อทองคำ และ มานัต กุละปาลานนท์ คว้าอันดับ 3 ในรุ่น SP3 และ 87 Overall รวม 45 รอบสนาม Best Lap 10.00.596 จากรถที่เข้าร่วมแข่งขันในปีนี้รวม 120 คัน ทำให้ธงชาติไทย ได้โบกสะบัดต่อหน้านักแข่งรถและผู้ชมการแข่งขันจากทั่วโลกอีกครั้ง

ส่วนอีกหนึ่งความภาคภูมิใจที่เป็นบทพิสูจน์ความมุ่งมั่นและทุ่มเทอย่างต่อเนื่องตลอด 8 ปี ทำให้คณะผู้จัดการแข่งขันมอบรางวัลเกียรติยศ “Ambassador of the Year” จาก ADAC 24h Nurburgring Series ให้กับ สุทธิพงศ์ สมิตชาติ ผู้อำนวยการทีม Toyota Gazoo Racing Team Thailand ในฐานะบุคคลที่มีความมุ่งมั่นทุ่มเท และมีส่วนร่วมในการผลักดันให้การแข่งขัน 24 ชั่วโมง นูร์เบอร์กริง ได้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในประเทศไทย และช่วยยกระดับวงการกีฬามอเตอร์สปอร์ตไทย ให้เป็นที่รู้จักในรายการระดับโลกอีกด้วย นับเป็นคนไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับรางวัลเกียรติยศครั้งนี้

 

หลังจบการแข่งขัน สุทธิพงศ์ สมิตชาติ กล่าวเปิดใจว่า รายการ 24 ชั่วโมง นูร์เบอร์กริง เป็นการแข่งขันที่มหัศจรรย์มากๆ เราเริ่มต้น 8 ปีที่แล้ว จากรถและทีมจากประเทศไทยที่ไม่มีใครรู้จัก แต่พวกเราไม่เคยหยุดยั้งยังทำงานหนักเพิ่มมากขึ้นทุกปี ทั้งการพัฒนารถให้มีสมรรถนะในการขับที่ดีเพิ่มมากขึ้น รวมถึงวางแผนสำหรับทุกส่วนในการแข่งขันที่ต้องปรับให้ทันท่วงทีอยู่เสมอ แม้ในช่วงที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์อันกดดันของโรคระบาดโควิด-19 ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อความตั้งใจที่จะกลับมาแข่ง และวันนี้ผลแห่งความทุ่มเทและมุ่งมั่นก็ได้รับการพิสูจน์ออกมา คือ ทีมรักษาแชมป์คว้าอันดับ 1 และอันดับ 3 ขึ้นโพเดียม ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และผู้จัดมีมติเอกฉันท์มอบรางวัล “Ambassador of the Year” จาก ADAC 24h Nurburgring Series ให้กับตนเอง นับเป็นเกียรติประวัติที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่ง

“ผมและทีมงานทุกคน ขอขอบคุณ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ที่ให้โอกาสและสนับสนุนให้พวกเราได้มาพิสูจน์สมรรถนะความแกร่งของรถยนต์จากสายการผลิตในประเทศไทย และความทรหดของทีมแข่งรถไทย และขอบคุณแฟนมอเตอร์สปอร์ตทุกท่านที่ติดตามให้กำลังใจมาตลอด เรายังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ตของไทย และพร้อมที่จะผลักดันให้นักแข่งรุ่นใหม่ได้มีโอกาสลงแข่งขันในระดับนานาชาติมากขึ้น เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้กับนักแข่งชาวไทยบนเวทีระดับโลกต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด” บอสใหญ่ทีมโตโยต้า กาซูฯ กล่าวอย่างภาคภูมิใจ

ทั้งนี้ การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบแบบมาราธอน 24 ชั่วโมง ที่เมืองนูร์เบอร์ก ประเทศเยอรมนี นักแข่งและทีมงานทุกคน ได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด รวมถึงมาตรการการกักตัวในการเดินทางกลับเข้าประเทศไทยด้วย

สำหรับแฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ตชาวไทย ร่วมติดตามชมภาพความสำเร็จของทีมแข่งรถหนึ่งเดียวจากประเทศไทย “โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง ทีมไทยแลนด์” ในการรักษาแชมป์และสร้างประวัติศาสตร์ครั้งยอดเยี่ยมในการแข่งขัน “ADAC Total 24h-Race Nurburgring 2021” จากเมืองนูร์เบอร์ก ประเทศเยอรมนี เพิ่มเติมได้ทาง  www.facebook.com/TOYOTAGazooRacingTeamThailand

คุณเห็นด้วยกับข่าวนี้หรือไม่

  • เห็นด้วย

    0%

  • ไม่เห็นด้วย

    0%