หล่อดีมีความประหยัด ทดสอบ TOYOTA COROLLA CROSS 1.8 HYBRID GR SPORT

Toyota Corolla Cross รถครอสโอเวอร์ทรงครอบครัวแบบ 5 ที่นั่ง เริ่มต้นการทำตลาดในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2563 เป็นรถอเนกประสงค์แบบ 5 ประตูยกสูง ไซส์กะทัดรัดคล้ายรถแฮตช์แบค แต่ถูกยกความสูงเพื่อการลุยเบาๆ บนผิวทางที่ขรุขระได้ดีกว่ารถเก๋งเล็กทั่วไป Toyota ใช้การออกแบบเรือนร่างสไตล์ Rav4 ย่อส่วน โดยเติมความโฉบเฉี่ยวของเส้นสายรอบคัน แม้จะโดนบ่นว่าหน้าเหมือนปลากระโห้ จากกระจังหน้าที่ Toyota ยึดโยงกับทรงแบบนั้นมานานแสนนาน หลังจากลงตลาดรถอเนกประสงค์ไซส์เล็กนานสองปี เมื่อ Toyota ออกตัวแต่งอย่าง Corolla Cross GR Sport ชุดแต่ง GR ทำให้หน้าตาโดยรวมของ Cross GR ดูดีขึ้น กระจังหน้าที่ลงตัวมากกว่าเดิมรวมอยู่กับชุดไฟหน้าแบบเดิม ทำให้หน้าตาท่าทางของ Cross GR สวยงาม และลดภาพลักษณ์ปลาดุกไปพอสมควร ไฟหน้าของ Cross รุ่นไฮบริดมาพร้อมระบบไฟอัตโนมัติ ยกหรือลดไฟสูงได้เองโดยไม่ต้องปรับที่ก้านไฟ ไฟหน้าทรงยาวรี มีส่วนช่วยทำให้น่ามองมากกว่าไฟแบบเรียบๆ บั้นท้ายที่ออกแบบได้อย่างลงตัว ใช้ไฟท้ายพลาสติกสีขาวสว่างตาแทนที่ไฟท้ายเดิม แพลตฟอร์มใหม่ที่ใช้ร่วมกับ Toyota C-HR และ Corolla Altis แต่ใช้ช่วงล่างหลังแบบคานแข็ง (ซึ่งวิศวกรของ Toyota บอกว่าช่วงล่างทอร์ชั่นบีมไม่ส่งผลกระทบต่อการทรงตัว) ทอร์ชั่นบีมทำให้ต้นทุนช่วงล่างของ Cross ลดลง การปรับตั้งที่ดียังทำให้มันมีการขับขี่ที่ดีสูสีกับ C-HR ในย่านความเร็วสูง การปรับตั้งช่วงล่างใหม่ใน Corolla Cross GR Sport มีส่วนช่วยทำให้การทรงตัวดีขึ้น

ฝาท้ายไฟฟ้า พร้อมเซนเซอร์เปิด-ปิด ฝาท้ายไฟฟ้าแบบ Kick activated (ใช้ขากวาดไปที่บริวณใต้กันชนหลัง ถ้าไม่ตรงก็ไม่เปิดค่ะ!!) กล้องมองภาพรอบทิศทาง พร้อมมุมมองแบบ 3 มิติ (Panoramic view monitor) โครงสร้างยานยนต์ใหม่ TNGA (Toyota New Global Architecture) ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ยานยนต์อเนกประสงค์ Corolla Cross มีให้เลือกสองเครื่องยนต์ คือ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.8 ลิตร ทั้งแบบมาตรฐานและแบบไฮบริดเจเนอเรชัน 4 โดยเฉพาะรุ่น 1.8 Hybrid GR Sport ที่มีการปรับแต่งองคาพยพหลายจุดเพื่อยกระดับการขับเคลื่อนให้ดีขึ้นกว่าเดิม 

มิติตัวถังของ Toyota Corolla Cross 1.8 Hybrid GR Sport มีขนาดความยาว 4,460 มิลลิเมตร กว้าง 1,825 มิลลิเมตร สูง 1,620 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,640 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหน้า 1,559 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหลัง 1,571 มิลลิเมตร ล้ออัลลอย GR Sport ขอบ 18 นิ้ว ยาง michelin primacy 4 ไซส์ 225/50R18 ความจุถังเชื้อเพลิง 43 ลิตร น้ำหนักตัวรถทั้งคันอยู่ที่ 1,445 กิโลกรัม มีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.2 เมตร ช่วงล่างในแพลตฟอร์ม TNGA ด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพและเหล็กกันโคลง มีการเปลี่ยนแปลงมุมของสตรัทแบร์ริ่งเพื่อทำให้มีค่าที่สอดคล้องกับประสิทธิภาพของการยึดเกาะ เปลี่ยนโช้คและสปริงใหม่ ส่วนด้านหลังมีการปรับปรุงรูปแบบของระบบรองรับให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วงล่างหลังของ Corolla Cross GR Sport เป็นแบบทอร์ชั่นบีม ใช้โช้คอัพใหม่ที่สอดรับกับการขับเร็วได้ดีขึ้น ชุดบังคับเลี้ยวไฟฟ้าใน Toyota Corolla Cross แบบ EPS electronic power steering คอยควบคุมน้ำหนักโดยแปรผันน้ำหนักของพวงมาลัยไปตามความเร็วก็ยังมีการปรับแต่งซอฟต์แวร์การทำงานให้หน่วงน้ำหนักเพิ่มขึ้น (เล็กน้อย)

Toyota Corolla Cross1.8 HYBRID GR Sport ราคา 1,249,000 บาท อยู่ในกลุ่มเดียวกับ Honda HR-V / Nissan Kicks/ Mazda CX-3 และ CX-30 /MG ZS รวมถึงญาติที่ใกล้ชิดอย่าง Toyota C-HR เปิดตัวในตลาดรถยนต์ของไทยและผลิตในประเทศไทยเป็นที่แรกของโลก รถครอสโอเวอร์อย่าง C-HR สามารถสร้างยอดขายที่ดี จากความแปลกใหม่ของเรือนร่างและประสิทธิภาพของการควบคุมหลังพวงมาลัย ทำให้สาวกสามห่วงในไทยชื่นชอบกันพอสมควร การเสริมตลาดรถอเนกประสงค์คันเล็กด้วยรถยนต์รุ่นใหม่ที่พัฒนาในไทยด้วยการเพิ่มขนาดของตัวถัง ทำให้ Corolla Cross มีความน่าใช้งานอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะรุ่นไฮบริดคันทดสอบ

มาเทียบราคากันดีกว่าครับ

Honda HR-V e:HEV RS ราคา 1,179,000 บาท ถูกกว่า 70,000 บาท

Nissan Kicks V ราคา 999,000 บาท ถูกกว่า 250,000 บาท

Mazda CX-3 2022 2.0 Base Plus ราคา 809,000 บาท ถูกกว่า 440,000 บาท

Mazda CX-30 2.0 SP 6AT ราคา 1,199,000 บาท ถูกกว่า 50,000 บาท

MG ZS 1.5 X+ ราคา 799,000 บาท ถูกกว่า 450,000 บาท

Toyota C-HR GR Sport 2022 ราคา 1,189,000 บาท ถูกกว่า 60,000 บาท 

สิ่งที่เพิ่มเข้ามาในรุ่น GR เริ่มจากกันชนหน้า GR Sport กระจังหน้า GR Sport แถบตกแต่งชายพลาสติกล่างสีเงินบริเวณใต้กันชนหน้า แถบพลาสติกตกแต่งชายล่างกาบข้างประตูสีเงิน แถบพลาสติกตกแต่งชายล่างบริเวณกันชนหลังสีเงิน ไฟท้ายสีขาว Smoke Chrome ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว สัญลักษณ์ GR Sport ที่ฝาท้าย หลังคาสีดำ ปรับจูนช่วงล่างใหม่ด้วยการเปลี่ยนโช้คอัพ-สปริง รุ่น GR Sport เพิ่มเหล็กค้ำตัวถังด้านล่าง ปรับจูนพวงมาลัยไฟฟ้าใหม่ วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร สีดำเงา Piano Black ผสมกับพลาสติกสีเงิน เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสีดำเย็บแถบสีเทา พร้อมสัญลักษณ์ GR Sport ที่พนักพิงศีรษะ หัวเกียร์สัญลักษณ์ GR Sport ปุ่มสตาร์ต GR Sport พรมสัญลักษณ์ GR Sport ปรับปรุงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบแปรผัน Dynamic Radar Cruise Control เป็นแบบ All-Speed โดยมีราคาเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 50,000 บาท 

Corolla Cross GR Sport รถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์ไซส์เล็กยกสูง มีจุดเด่นอยู่ที่ระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริดที่คนส่วนใหญ่ยังคงหวาดระแวงอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ แต่ Toyota เพิ่มความมั่นใจด้วยการรับประกันการใช้งานแบตฯ นาน 10 ปี แบตฯ รุ่นใหม่ เดินทางมาถึงเจเนอเรชันที่ 4 พร้อมพัดลมระบายความร้อนกับระบบชาร์จเก็บประจุกระแสไฟที่ทำได้ดีขึ้น ตำแหน่งของการติดตั้งแบตเตอรี่ย้ายจากหลังรถมาไว้ที่ใต้เบาะผู้โดยสารตอนหลังเพื่อการกระจายน้ำหนักที่ดี Toyota ยังเคลมว่าแบตเตอรี่มีความทนทานมากขึ้นและประหยัดเชื้อเพลิงกว่าเดิม โดยเคลมตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองของ Corolls รุ่นไฮบริดที่ 23 กิโลเมตรต่อลิตร น้อยกว่า C-HR นิดเดียวที่เคลมมาถึง 24 กิโลเมตรต่อลิตร ขับจริงทำได้ 14.5-18.5 กิโลเมตรต่อลิตร เป็นการขับทดสอบบนเส้นทางภูเขาขึ้น-ลงเนินแถวๆ ห้วยกระพร้อยไปจนถึงลำตะเพิน ก่อนจะไปโผล่แถวๆ ด่านช้าง ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีโค้งวกไปวนมากับทางตรงยาวเพื่อการทดสอบประสิทธิภาพด้านอัตราเร่งและการทรงตัวในย่านความเร็วสูง 

ห้องโดยสารของ Cross GR Sport คล้ายกับ New Corolla เวอร์ชัน Hatchback ที่ขายในญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา แม้ขนาดตัวถังจะไม่ใหญ่ แต่ภายในก็ถือว่ามีพื้นที่ใช้สอยพอเพียง เข้าไปนั่งแล้วไม่สร้างความรู้สึกอึดอัด แดชบอร์ดคอนโซลมีหน้าตาเรียบๆ แดชบอร์ดขึ้นรูปด้วยพลาสติกหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ มีการเดินเส้นกรอบมาตรวัด กรอบของช่องแอร์ลากยาวคาดกึ่งกลางของแดชบอร์ดไปจนถึงช่องแอร์ด้านซ้าย พลาสติเกรดกลางๆ ที่คุ้นเคยประดับประดาอยู่ทั่วไปหมด จุดที่ออกแบบได้ดีก็คือแผงควบคุมอุณหภูมิกับจอภาพมอนิเตอร์ที่ตั้งชัน

Cross GR Sport มีงานภายในที่ออกแบบได้อย่างลงตัว ด้วยการใช้โทนสีดำ ดำเงา และสีเงิน เบาะหุ้มหนังสังเคราะห์สีดำ พนักพิงหัวประทับตราสัญลักษณ์ GR เบาะคนขับปรับไฟฟ้า ส่วนเบาะคนนั่งหน้ายังใช้การปรับด้วยมือ เบาะนั่งคู่หน้ามีการสอดแทรกฟองน้ำบริเวณปีกของตัวเบาะ พนักพิงศีรษะไม่สร้างปัญหาให้กับท่านั่งแบบปกติ เกิดจากการออกแบบที่ดี แต่ท่านั่งในตำแหน่งคนขับสูงโด่งไปนิดสำหรับคนตัวสูง ปรับลงเตี้ยสุดแล้วก็ยังให้ความรู้สึกว่านั่งสูงอยู่ดี เบาะหลังแบบสามที่นั่งพับได้ (60:40) พร้อมที่วางแขนและวางแก้วน้ำ ถ้านั่งสองคนจะสบายตัวมากกว่าเมื่อเดินทางไกล พื้นที่เหนือศีรษะกับพื้นที่วางเท้ามีมาพอที่จะทำให้ท่านั่งบริเวณเบาะหลังผ่อนคลาย New Corolla Cross ยังมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ซึ่งเหมาะมากกับการใช้งานในเมืองร้อนอย่างประเทศไทย 

กึ่งกลางของแดชบอร์ดติดตั้งจอภาพมอนิเตอร์สั่งงานด้วยระบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว เป็นจอภาพที่มีความคมชัดพอใช้ได้ จอภาพของ Corolla Cross ไม่มีระบบนำทางด้วยดาวเทียม แต่มีกล้องมองรอบคันที่ทำงานพร้อมสัญญาณเสียงจากเซนเซอร์หลังที่คอยตรวจสอบการถอยหลังเข้าไปใกล้กับสิ่งกีดขวาง จอภาพมอนิเตอร์ควบรวมระบบปรับตั้งค่าต่างๆ ของรถ และการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ในระบบ Bluetooth ช่องเชื่อมต่ออุปกรณ์เล่นเพลงจากภายนอกผ่าน USB พร้อม Apple CarPlay ใช้เสียบแบบโด่เด่จากชุดเครื่องเสียงจอภาพด้านล่างบริเวณมุมขวา ลำโพง 6 ตำแหน่ง เมื่อลองเปิดเพลงดูก็พบว่าเครื่องเสียงของ Toyota New Corolla Cross นั้นแค่พอใช้ได้ จอภาพ 9 นิ้ว ยังรับหน้าที่เป็นจอมอนิเตอร์คอยแจ้งข้อมูลของอัตราสิ้นเปลือง การคำนวณระยะทาง และระยะเวลาของการใช้งานตั้งแต่ติดเครื่องยนต์ไปจนถึงการดับเครื่อง

หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ T-Connect Toyota แจ้งว่า กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก คือ กลุ่มครอบครัวที่มีไลฟ์สไตล์หลากหลายและชอบความทันสมัย โดยเฉพาะจุดขายหลักของรถรุ่นนี้คือ สะดวกสบาย ปลอดภัยสำหรับทุกคนในครอบครัว รุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดเน้นประหยัดน้ำมัน มีค่ามลพิษต่ำ พร้อมระบบบริหารยานพาหนะและการขนส่งแบบครบวงจร FTS (Fleet Telematics Service) สำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ที่จะช่วยให้สามารถติดตาม วางแผนการใช้รถ และควบคุมการใช้งาน รวมทั้งพนักงานขับรถได้อย่างสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพ โดยมีระบบแสดงผลได้แบบ Real Time พร้อมรายละเอียดข้อมูลสถานะต่างๆ ของตัวรถและการใช้งานรถ

พวงมาลัยของ Corolla Cross 1.8 Hybris GR Sport หุ้มหนังแท้แบบสามก้านยกมาทั้งวงจาก new Corolla Altis GR มีสวิตช์ปรับตั้งระบบเครื่องเสียง สวิตช์เรียกดูข้อมูลที่จอภาพ MID multi information display ที่อยู่ด้านขวาของหน้าปัดมาตรวัด สวิตช์สั่งงานด้วยเสียง ปุ่มรับหรือวางสายโทรศัพท์ ก้านวงด้านขวามีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ หรือ Dynamic Radar Cruise Control แบบ All-Speed มาให้ อุปกรณ์ดังกล่าวมีแฟนคลับ Altis หลายคนที่อยากได้ แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วก็ไม่ค่อยจะได้ใช้งานกันสักเท่าไรถ้าไม่ได้ขับทางไกล

มาตรวัดแบบเรืองแสงก็ยังคล้ายกับมาตรวัดของ Altis Hybrid กึ่งกลางมาตรวัดออกแบบเป็นมาตรวัดครึ่งวงกลมเปลี่ยนสีไปตามโหมดขับเคลื่อน เมื่อใช้โหมด ECO หรือ normal สีของมาตรวัดจะเป็นสีฟ้าเรืองแสงสวยงาม เมื่อกดปุ่มปรับโหมดไปที่ Sport มาตรวัดทรงครึ่งวงกลมก็จะเปลี่ยนไปเป็นสีแดงเพื่อสร้างบรรยากาศให้ดูร้อนแรง กึ่งกลางของมาตรวัดความเร็วเป็นจอแสดงผล MID multi information display แจ้งเตือนสถานะต่างๆ ในการทำงานของระบบไฮบริด เช่น การถ่ายเทพลังงาน อัตราสิ้นเปลือง ระดับของเชื้อเพลิงในถังต่อระยะทางที่สามารถวิ่งไปถึง การตั้งค่าระบบความปลอดภัย ขวามือมาตรวัดเป็นจอวัดระดับเชื้อเพลิง และอุณหภูมิการทำงานของเครื่องยนต์ ส่วนด้านซ้ายเป็นมาตรวัดพลังงานในระบบไฮบริด การชาร์จไฟจากการใช้เบรกสะสมพลังงานหรือใช้เกียร์ B เพื่อชาร์จขณะยกคันเร่งหรือเบรกได้ดีขึ้น

Corolla Cross 1.8 Hybrid GR Sport เป็นรถครอบครัวเครื่องยนต์ไฮบริดที่ประหยัดน้ำมัน ผมขับทดสอบด้วยการลากออกทางไกล ด้วยโหมดสปอร์ตที่ตอบสนองได้ดีที่สุดและใช้คันเร่งอย่างต่อเนื่องบนเส้นทางภูเขา เป็นการทดสอบเพื่อดูการตอบสนองของระบบขับเคลื่อน ช่วงล่าง พวงมาลัย ความสบาย ส่วนระบบความปลอดภัย TSS นั่นก็ครอบคลุมการใช้งานทั้งในและนอกเมือง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Dynamic Radar Cruise Control แบบ All-Speed ทำงานได้ดี ช่วยลดอาการเมื่อยล้าเมื่อขับทางไกลที่ต้องนั่งขับนานๆ ภายในได้รับการปรับให้มีความน่าใช้จากรุ่นสูงสุดที่ใช้โทนสีดำสลับพลาสติกตกแต่งสีดำเงาและสีเงิน งานตกแต่งห้องโดยสารของ Corolla Cross GR ยกมาจาก Altis Hybrid GR แทบจะทั้งยวง นับเป็นรถครอบครัวขนาดเล็กที่มีการทรงตัวดีเอาเรื่อง มีช่วงล่างที่เน้นความหนึบนุ่ม พวงมาลัยไฟฟ้าแม่นยำเที่ยงตรงและมีน้ำหนักมากกว่ารุ่นมาตรฐานเล็กน้อย ส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของระบบความปลอดภัยแบบใหม่ที่ใส่มาให้ ช่วยทำให้ขับได้ปลอดภัยขึ้นเมื่อเปิดใช้งาน

Toyota เป็นค่ายรถที่มีความเชี่ยวชาญด้านระบบไฮบริดมานานกว่า 20 ปีแล้ว รถไฮบริดของ Toyota แพร่หลายไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Prius /Camry / Corolla โดยมีรถ Toyota อีกหลายโมเดลที่จำหน่ายทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกที่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบพลังงานผสมไฮบริด การวิจัยและพัฒนาระบบไฮบริดอย่างต่อเนื่องของ Toyota ทำให้ระบบเสริมพลังงานแบบ SERIES-PARALLEL HYBRID หรือระบบไฮบริดแบบอนุกรมบวกคู่ขนานมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม เป็นระบบขับเคลื่อนที่ควบรวมข้อดีของ Series และ Parallel เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุดและเป็นระบบที่รถ Toyota Corolla Cross เลือกใช้ การทำงานของระบบไฮบริดในเจเนอเรชันที่ 4 ขึ้นตรงกับสภาวะของการขับขี่ ไม่ว่าจะใช้มอเตอร์ขับเคลื่อนแต่เพียงอย่างเดียวในช่วงสั้นๆ หรือใช้กำลังทั้งจากมอเตอร์และเครื่องยนต์ผสมผสานกันในการขับเคลื่อน ระบบนี้มอเตอร์ยังสามารถส่งกำลังไปที่เพลาขับเคลื่อนล้อหน้าแม้จะกำลังชาร์จไฟอยู่ก็ตาม หลายคนบ่นเรื่องแรงบิดขณะขับขึ้นภูเขาด้วยสัมภาระและคนโดยสารเต็มคัน แม้จะบรรรทุกมาเต็มคันก็พอที่จะดันขึ้นเขาสูงชันได้ อาจไม่ปราดเปรียวเท่ากับปิคอัพขับสี่ที่มีแรงบิดจากเครื่องดีเซลเหนือชั้นกว่า แต่ Corolla Cross GR พร้อมระบบขับเคลื่อนไฮบริดก็ไม่ได้ทำให้การขับขึ้นทางลาดชันชักช้าอืดอาด เมื่อขับขึ้นเขาพร้อมสัมภาระก็ถือว่าไปได้เร็วพอใช้ พร้อมความนิ่งของการทรงตัวเมื่อต้องวิ่งเข้าออกโค้งกันทั้งวันในเส้นทางทดสอบภูเขาแถวๆ เขาโจก 

ชุดแปลงกระแสไฟฟ้าแบบใหม่ที่ใช่ร่วมกับ C-HR Hybrid ซึ่งเรียกว่า Inverter with converter assembly ระบบไฮบริดเจน 4 ของ Toyota ออกแบบให้ inverter with converter assembly มีขนาดเล็กและมีน้ำหนักเบา สามารถบูสไฟฟ้าแรงสูงอย่างรวดเร็วโดยติดตั้งอยู่ด้านบนของชุดเกียร์

แบตเตอรี่ไฮบริดเป็นแบบ ni-mh battery DC 201.6 V168 Cell 6 cell x 28 modules แบตเตอรี่ติดตั้งอยู่ใต้เบาะหลังพร้อมชุดกรองฝุ่นและพัดลมไฟฟ้าระบายความร้อน โดยมี auxiliary battery ติดตั้งอยู่ในห้องเครื่องยนต์ เป็นแบบ EN Type LN1 auxiliary battery

มอเตอร์ 2 ตัวที่ฝังอยู่ในเกียร์เป็นแบบ P610 hybrid transaxle ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว MG1 / MG2 ขนาด 600 โวลต์ ระบายความร้อนด้วยน้ำ มอเตอร์ไฟฟ้า MG 1 ของ C-HR มีแรงดันไฟฟ้าสูงสุด AC600 V กำลังสูงสุด 53 กิโลวัตต์ ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้า MG 2 มีแรงบิดสูงสุด 163 นิวตันเมตร มีแรงดันไฟสูงสุด AC600 V

Toyota ไม่ได้เข้าไปปรับแต่งขุมกำลังเพื่อเพิ่มความแรงแต่อย่างใดทั้งสิ้น สไตล์ใส่ชุดแต่งและปรับให้รถทรงตัวได้ดีขึ้นพร้อมกับการเพิ่มเติมอุปกรณ์ใช้งานบางอย่างที่ลูกค้าต้องการ เป็นการปรับแต่งช่วงล่าง ระบบบังคับเลี้ยว และอุปกรณ์ควบคุมความเร็วแบบใหม่ โดยไม่มีการปรับแต่งระบบส่งกำลังให้แรงขึ้นแต่อย่างใดทั้งสิ้น เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ 2ZR-FXE เป็นเครื่องทวินแคม ดับเบิลโอเวอร์เฮตแคมชาร์ป DOHC 16 วาล์ว (4 วาล์วต่อสูบ) พร้อมกลไกฝาสูบกับระบบไอดีแบบ Atkinson และระบบวาล์วแปรผัน VVT-i ปริมาตรความจุขนาด 1.8 ลิตร พร้อมระบบเสริมพลังงาน Hybrid ที่ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่แบบใหม่ที่มีระบบระบายความร้อนดีขึ้น แบตฯ รับประกันอายุการใช้งาน 10 ปี พร้อมอุปกรณ์ชาร์จไฟในระบบ Hybrid ด้วยมอเตอร์ในชุดส่งกำลังสองตัว (MG1 / MG2) เครื่องยนต์เบนซิน Atkinson cycle 4 วาล์วต่อสูบขนาด 1,798 ซีซี กำลังสูงสุด 90 กิโลวัตต์ หรือ 120 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด (จากเครื่องยนต์เพียวๆ) 142 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบต่อนาที ระบบเกียร์ อัตโนมัติ E-CVT ระบบส่งกำลังพลังงานผสม เครื่องยนต์บวกมอเตอร์ไฟฟ้า ทำงานตัดต่อเนียนใช้ได้ การถ่ายเทพลังงานทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ หรือทั้งสองอย่างผสมกันเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เมื่อใช้ความเร็วต่ำในเมืองมอเตอร์จะเข้ามารับหน้าที่ขับเคลื่อน และเมื่อใช้ความเร็วเพิ่มขึ้นเครื่องยนต์จะติดขึ้นมาประสานการทำงานกับมอเตอร์ในการขับเคลื่อน การเร่งความเร็วผ่านระบบส่งกำลัง CVT อาจไม่ค่อยทันอกทันใจเท่ากับ C-HR เนื่องจากอัตราทดเฟืองท้ายถูกปรับให้โอนอ่อนผ่อนคลายลงไป มันเป็นรถที่เร่งความเร็วได้แบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ ไม่ขึ้นไวเท่า Camry Hybrid ที่ใช้เครื่องใหญ่กว่า (2.5 ลิตร ไฮบริด) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ไฮบริด ทำได้ 11.8 วินาที การทรงตัวดีในย่านความเร็วสูงของรุ่น GR Sport จะทำให้คุณรู้สึกดี แต่ก็ต้องปรับตัวกับสัมผัสของแป้นเบรกกันพอสมควรกว่าจะเกิดความคุ้นชินในน้ำหนักของการลงเท้าเพื่อชลอความเร็วของระบบเบรกสะสมพลังงาน 

ความเร็วสูงสุดปลายคันเร่งแตะระดับ 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในวันทดสอบทำได้เฉลี่ย 15 กิโลเมตรต่อลิตร เป็นการขับที่ใช้คันเร่งอย่างต่อเนื่อง ไม่มีการระมัดระวังในการใช้ความเร็วเพื่อทำให้อัตราสิ้นเปลืองดูดี โหมด Sport ปลดปล่อยความซ้ำซากจำเจของรถไฮบริดด้วยการตอบสนองที่ดีบนเส้นทางภูเขา ถือว่าประหยัดใช้ได้และเป็นครอสโอเวอร์ไซส์เล็กที่มีอัตราสิ้นเปลืองดีที่สุดเมื่อเทียบกับรถคู่แข่งอย่าง Honda HR-V / Nissan Juke / Ford Eco Sport / Mazda CX-30 / MG ZS สำหรับการทำหน้าที่ของยางติดรถ michelin primacy เป็นยางนุ่มเงียบที่มีกริบสำหรับการยึดเกาะดีในระดับที่น่าพึงพอใจ การรีดน้ำก็พอใช้ได้ แต่ก็ควรจะลดความเร็วลงมาเมื่อฝนตกและมีน้ำขังบนผิวถนน ยางรุ่นนี้มีดีที่เนื้อยางและดอกยางแบบใหม่ที่ช่วยเสริมการทำงานของช่วงล่างและการเก็บเสียงขณะบดลงไปบนผิวถนนที่จะเงียบกว่ายางแบบสปอร์ต

Corolla Cross รุ่นสูงสุด 1.8 Hybrid GR Sport ด้วยการควักเงิน 1,249,000 บาท เทียบกับราคาของ HR-V e-HEV รุ่น RS รถคู่แข่งที่มีค่าตัว 1,179,000 บาท ดูเหมือน Cross GR จะแพงกว่าถึง 70,000 บาท แต่คนจำนวนไม่น้อยก็หันไปเลือก Mazda CX-3 และ CX-30 เนื่องจากมองสิ่งที่จะได้รับเมื่อเปรียบเทียบกับราคาที่จะต้องจ่าย รวมถึงรถครอสโอเวอร์ของแบรนด์ MG อย่าง ZS เมื่อมองไปที่สมรรถนะของการขับ!ซึ่งเป็นรองรถญี่ปุ่น นั่นอาจไม่ใช่จุดที่จะเอามาเป็นประเดนในการเลือกซื้อเท่ากับราคาที่ถูกกว่าของยานยนต์จาก MG เวอร์ชัน Hybrid GR Sport ใน Corolla Cross มาครบด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัย ภายในยัดของที่มีความทันสมัยมาให้ใช้งานอย่างพอเพียง แม้รูปแบบของหน้าปัดมาตรวัดจะดูโบราณ แต่ความทนทานตามสไตล์ของพี่โตนั้นสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้ในไทยมานานแล้ว การควบคุมที่ดีกว่ารถคู่แข่ง รวมถึงพื้นที่กว้างๆ ทำให้ผมลืมนึกถึงเรื่องเสียงที่กำลังเป็นประเดน Cross GR เก็บเสียงได้ดีพอสมควร และหากคุณเป็นคนที่ชอบขนาดความกว้างของห้องโดยสารในรถยนต์เล็กที่มาพร้อมกับความคงทนก็เลือก Corolla Cross GR ถ้าไม่เน้นพื้นที่กว้างๆ ขับคนเดียวหรือไปสองคน ในกลุ่มครอสโอเวอร์ตัวเล็กขับสนุกก็มีทั้ง C-HR GR และสายหล่ออย่าง CX-30 กับรถขับสนุกอย่าง Nissan Kicks การเลือกรถที่ชอบ ชีวิตก็จะมีความสุขมากยิ่งขึ้น

หลังจากขับมาทั้งวัน ช่วงล่าง GR Sport คือความสบายบนความหนึบแน่นที่ชัดเจนมากกว่าเดิม การเซตให้ช่วงล่างนิ่มนวลเมื่อขับฝ่าทางขรุขระ รวมถึงซัดเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงคือจุดประสงค์ของรถรุ่นนี้ ช่วงล่างหน้าแมคเฟอร์สัน สตรัท เปลี่ยนสปริงกับโช้คอัพและเหล็กกันโคลงใหม่ ด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีมเหมาะสมทั้งทางเรียบและทางลูกรัง อาการโคลงตัวน้อยลงเมื่อวิ่งผ่านผิวถนนที่ไม่เรียบหรือรอยต่อของคอสะพาน Cross ก็มีอาการที่พอรับได้ ผมคิดว่า Toyota พยายามเน้นเรื่องความสบายในการขับมากกว่า C-HR ที่เน้นทำตัวเป็นรถสปอร์ตครอสโอเวอร์ ส่วนคนที่ชอบความหรูหราก็อาจชายตาหันไปมอง CX-30 หรือถ้าชอบความทันสมัยในระบบขับเคลื่อนก็คงต้องเดินไปที่ Nissan Kicks 

ข้อด้อยของรถไฮบริดแบตฯลูกเล็กก็คือ แบตฯลูกกระจิ๊ดริดนั้นทำระยะทางได้ไม่ไกลแถมยังต้องวิ่งด้วยความเร็วต่ำระบบไฮบริดถึงจะสั่งให้มอเตอร์ทำงานเพียวๆ โดยยังไม่สั่งให้เครื่องยนต์ร่วมทำงานผสานแรงบิด และเมื่อจะแก้ปัญหานี้ด้วยการเพิ่มขนาดของแบตฯ ก็จะส่งผลไปถึงน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้นจนทำให้บริโภคไฟฟ้ามากจนเกินไป แบตเตอรี่ที่มีขนาดไม่ใหญ่และมีน้ำหนักเบา เหมาะสมกับระบบไฮบริดเจเนอเรชันที่ 4 ของ Toyota การตอบสนองต่อการกดคันเร่งในโหมด ECO ออกมาในแบบคงที่ ความเร็วไหลขึ้นไปเรื่อยๆ ส่วนโหมด Normal คันเร่งตอบสนองในระดับกลางๆ ไม่มากไม่น้อย แต่ก็ดีกว่า ECO ที่ย้วยเพราะเน้นอัตราสิ้นเปลือง ส่วน Sport Mode ตอบสนองได้ดี เหมาะกับความต้องการในการเร่งความเร็ว เกียร์ CVT สายพานพูเลย์ต่อเชื่อมกับมอเตอร์ การขับด้วยไฟฟ้าในระยะทางสั้นๆ เหมาะกับการขับในเมือง และเมื่อออกทางไกล ทั้งสองระบบจะทำงานไปพร้อมๆ กันอย่างต่อเนื่องและนุ่มนวล ไม่มีรอยต่อของมอเตอร์และเครื่องยนต์ที่สลับกันทำหน้าที่ขับเคลื่อนซึ่งเป็นจุดเด่นของ Corolla Cross GR การออกตัวเงียบๆ แบบหนีเมียเที่ยวกลางคืนเป็นเรื่องที่ดี แต่พลังงานไฟฟ้าในแบตฯ ตัวน้อยก็ไม่ได้มีให้ใช้งานกันนานๆ เบาะนุ่มนั่งสบายและมีรูปแบบที่สวยงามปรับได้หลายทิศทาง มีหลายส่วนของ Corolla Cross GR ที่ถูกทำออกมาดี บางจุดถูกแก้ใขปรับปรุงใหม่ เช่น การเก็บเสียง เสียงเครื่อง เสียงลมและเสียงยางบดลงไปบนถนน ลดลงไปพอสมควร การจัดวางอุปกรณ์ภายในทำออกมาใช้ได้ยกเว้นจอภาพที่ตั้งโด่เด่ดูแปลกตาพิกล เหมือนเอาจอที่ซื้อเองจากร้านเครื่องเสียงติดรถยนต์มาติดตั้งเอง

ราคารถมาตรฐานรวมอุปกรณ์ตกแต่งแพงไปนิด แต่ถ้าคิดว่าซื้อความมั่นใจในการใช้งาน เงิน 1,249,000 บาท ก็ไม่มากจนเกินไป ดีกว่าไปซื้อรถไฟฟ้า 100% ของแบรนด์จีนที่ยังไม่ค่อยเสถียรก็แล้วกัน

TOYOTA COROLLA CROSS 1.8 HYBRID GR SPORT

ราคาอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ ราคารวม 1,249,000 บาท

ขนาดรถยนต์ มิติภายนอก ยาว 4,455 มิลลิเมตร กว้าง 1,825 มิลลิเมตร สูง 1,620 มิลลิเมตร

ความยาวช่วงล้อ 2,640 มิลลิเมตร

ความกว้างช่วงล้อ หน้า/หลัง 1,559 / 1,571 มิลลิเมตร

ระยะต่ำสุดจากพื้น 161 มิลลิเมตร

ความจุถังน้ำมัน 36 ลิตร

รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.2 เมตร

เครื่องยนต์

รุ่น 2ZR-FXE

แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว

ความจุกระบอกสูบ 1,798 ซีซี

ความกว้างกระบอกสูบ X ระยะชัก 80.5 มิลลิเมตร x 88.3 มิลลิเมตร

อัตราส่วนกำลังอัด 13.0:1

ระบบการจ่ายน้ำมัน หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ EFI

รองรับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง E85 –

รองรับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง E20

แรงม้าสูงสุด (EEC net) 72 กิโลวัตต์ ( 98 PS) ที่ 5,200 รอบต่อนาที

แรงบิดสูงสุด (EEC net) 142 นิวตันเมตร (14.5 กก.-ม.) ที่ 3,600 รอบต่อนาที

มอเตอร์ไฟฟ้า

ชนิด มอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร

แรงดันไฟฟ้าสูงสุด 600 โวลต์

กำลังสูงสุด 53 กิโลวัตต์

แรงบิดสูงสุด 163 นิวตันเมตร

แบตเตอรี่ไฮบริด

ชนิด นิกเกิลเมทัลไฮดราย

แรงดันไฟฟ้า 201.6 โวลต์

จำนวนโมดูล 28 โมดูล 168 เซลล์

ความจุไฟฟ้า [5.6 แอมแปร์ (3 ชั่วโมง)

เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า

กำลังสูงสุด 90 กิโลวัตต์ (122 PS)

ระบบขับเคลื่อนและระบบรองรับ

ระบบส่งกำลัง อัตโนมัติ E-CVT พร้อม Shift Lock

อัตราทดเกียร์ –

เกียร์ถอยหลัง –

เฟืองท้าย 3.218

ระบบช่วงล่างหน้า อิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง และคอยล์สปริง พร้อมช็อคแอบซอร์บเบอร์ เฉพาะรุ่น GR Sport

ระบบช่วงล่างหลัง ทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง และคอยล์สปริง พร้อมช็อคแอบซอร์บเบอร์ เฉพาะรุ่น GR Sport

เหล็กค้ำตัวถังด้านล่าง เฉพาะรุ่น GR Sport

ล้อและยาง (ขนาด) ล้ออัลลอย 18 นิ้ว เฉพาะรุ่น GR Sport พร้อมยางขนาด 225/50 R18

เบรกหน้า ดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน

เบรกหลัง ดิสก์เบรก

พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering) ปรับแต่งเฉพาะรุ่น GR Sport

อุปกรณ์ภายนอก

หลังคามูนรูฟแบบไฟฟ้า

กันชนด้านหน้า, สเกิร์ตข้าง, กันชนด้านหลัง พร้อมชุดตกแต่งเฉพาะรุ่น GR Sport

กระจังหน้า สีดำเงา เฉพาะรุ่น GR Sport

ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED

ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) LED แบบ Light Guiding

ไฟเลี้ยวด้านหน้า LED

ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow-Me-Home

ไฟท้าย LED แบบ Light Guiding เฉพาะรุ่น GR Sport

สัญลักษณ์ GR Sport บริเวณประตูท้าย

กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ปรับไฟฟ้าและพับเก็บอัตโนมัติ พร้อมระบบ Reverse Link สีดำ เฉพาะรุ่น GR Sport

กระจกบังลมหน้าแบบกันเสียงรบกวน (Acoustic Glass)

ไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED

เสาอากาศแบบครีมฉลาม

ราวหลังคา

มือจับประตูด้านนอก สีเดียวกับตัวรถ

คิ้วขอบกระจกประตู โครเมียม

แผ่นกันความร้อนใต้ฝากระโปรง

อุปกรณ์ภายใน และอุปกรณ์อำนวยความสะดวก

สีภายใน สีดำ

วัสดุหุ้มเบาะ เบาะหนังและวัสดุสังเคราะห์ ดีไซน์พิเศษพร้อมสัญลักษณ์ GR

พวงมาลัย หุ้มหนังตกแต่งด้วยด้ายสีเงิน และวัสดุตกแต่งแบบ Piano Black เฉพาะรุ่น GR Sport

หัวเกียร์ หุ้มหนัง เฉพาะรุ่น GR Sport

วัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าแบบ Piano Black เฉพาะรุ่น GR Sport

วัสดุตกแต่งคอนโซลกลางแบบ Piano Black

มือเปิดประตูด้านใน โครเมียม

พรมปูพื้นรถยนต์ พร้อมสัญลักษณ์ GR

เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง

เบาะนั่งด้านหลังแยกพับได้แบบ 60:40

พนักพิงเบาะด้านหลังปรับเอนได้ 1 จังหวะ

พนักวางแขนด้านหน้าปรับเลื่อนหน้า-หลัง

พนักวางแขนด้านหลัง พร้อมที่วางแก้ว

กระเป๋าหลังเบาะนั่งด้านหน้า เบาะผู้โดยสาร

กระจกหน้าต่างไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบ 4 ตำแหน่ง

กระจกแต่งหน้า บริเวณแผงบังแดดคู่หน้าพร้อมไฟส่องสว่าง

ไฟส่องสว่างบริเวณประตูคู่หน้าและที่วางแก้วน้ำ

ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า

ไฟในห้องโดยสาร

แผงกั้นสัมภาระด้านท้าย

ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบ

เซนเซอร์เปิด-ปิดฝาท้ายไฟฟ้าแบบ Kick Activated

ระบบสตาร์ตอัจฉริยะ (Push Start) พร้อมสัญลักษณ์ GR

ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ (Smart Entry)

ราวมือจับ 4 ตำแหน่ง (Assist Grip) พร้อมราวแขวนเสื้อด้านหลัง

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ปรับอิสระแยกซ้าย-ขวา

ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

ช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง 2 ตำแหน่ง

ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและจอแสดงข้อมูลการขับขี่ที่พวงมาลัย

ที่ปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลาและปรับตั้งเวลาได้อัตโนมัติ

ระบบ EV Mode

ระบบ Sport และ ECO Mode

จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ MID (Multi Information Display) 7 นิ้ว

กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ (Electro Chromic)

ระบบความปลอดภัย

ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Brake System)

ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-force Distribution)

ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist)

ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control)

ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control System)

ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill-Start Assist Control)

ระบบป้องกันการออกตัวฉุกเฉิน (Drive Start Control)

สัญญาณไฟฉุกเฉินขณะเบรกกะทันหัน (Emergency Brake Signal)

ไฟตัดหมอกหน้า แบบ LED

ไฟตัดหมอกหลัง แบบ LED

เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบดึงรั้งกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ ELR 3 จุด 2 ที่นั่ง

เข็มขัดนิรภัยด้านหลัง ELR 3 จุด 3 ที่นั่ง

ถุงลมเสริมความปลอดภัย ระบบ SRS คู่หน้า

ถุงลมเสริมความปลอดภัย ระบบ SRS ด้านข้าง

ถุงลมเสริมความปลอดภัย ระบบ SRS ม่านด้านข้าง

ถุงลมเสริมความปลอดภัย ระบบ SRS หัวเข่าฝั่งคนขับ

จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISO-FIX and Top Tether)

กล้องมองภาพขณะถอยหลัง –

กล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor) พร้อมมุมมองแบบ 3D View

ชุดซ่อมยางฉุกเฉิน

ระบบแจ้งเตือนลมยาง (Tire Pressure Monitoring System)

ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert)

ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor)

ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System)

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) พร้อมระบบ Dynamic Radar Cruise Control แบบ All-Speed Range

ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High Beams)

ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ (Lane Departure Alert)

ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน (Lane Tracing Assist)

ระบบเตือนการโจรกรรม

สัญญาณเตือนการโจรกรรม TDS

ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer

ระบบเครื่องเสียงและเชื่อมต่อ

จอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Bluetooth และ USB

ระบบ Apple CarPlay

ระบบโทรออกด้วยเสียง

ระบบ T-Connect

ลำโพง 6 ตำแหน่ง

หมายเหตุ