ลองขับ AUDI รุ่นขายดี TT/ A5/Q3 ถามว่าชอบรุ่นไหน?

TT เป็นรถคันเล็กที่ค่อนข้างเบา มันมีชิ้นส่วนอะลูมิเนียมเพื่อลดน้ำหนัก และมีรูปทรงโค้งมนที่ทำให้ดูโฉบเฉี่ยว นอกจากนี้ มันยังมีภายในที่เรียบง่ายแต่ทันสมัยและสวยงาม (แม้จะออกขายมานานแล้วก็ตาม) ด้วยราคาที่สูงกว่า MINI Cooper John Cooper Works แต่ถูกกว่า BMW 430i G22 และ Mercedes-Benz C200 Coupe ห้องโดยสารที่ลงตัวกับจอแสดงผล TFT ขนาด 12.3 นิ้วที่มีเพียงแค่จอเดียว หลักการของ Audi ก็คือ ต้องการให้คนขับมีสมาธิกับการขับและมองตรงไปข้างหน้า มากกว่าจะมาคอยปรับแต่งระบบต่างๆผ่านจอกลางระบบสัมผัส จอเดียวของ TT ควบรวมการใช้งานหลักเอาไว้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลความเร็ว ระบบนำทางที่ค่อนข้างละเอียดและใช้งานได้ง่าย รวมถึงระบบเครื่องเสียงและความบันเทิง ทั้งหมดจะเป็นของคุณทันที่ที่ควักเงิน 3,449,000 บาท และตอนนี้ก็มีการอัดโปรฯจาก Audi Thailand ด้วยอัตราดอกเบี้ย 0.5% นั่นทำให้หลายคนอยากได้มาไว้ขับเล่นอยู่เหมือนกัน 

ไม่ต้องใช้เวลากันนานเกินไปสำหรับการขับทดสอบ เจ้า TT ก็สำแดงศักยภาพออกมา ในความเป็นจริง มันเป็นรถที่ดีและไม่ต้องใช้ความพยายามมากนักในการเข้าโค้งมุมแคบบนเขา จุดศูนย์ถ่วงต่ำและน้ำหนักที่เบาทำให้เครื่องสองลิตรเทอร์โบไม่ต้องแบกรับภารกรรมมากจนเกินไป Quattro ช่วยทำให้รถเกาะหนึบเป็นตุ๊กแก การกระจายน้ำหนักที่สมมาตรส่งผลให้คุณเข้าโค้งได้เร็วขึ้นมาอีกนิด Dynamic Mode ปรับการทำงานของเครื่อง เกียร์ พวงมาลัยให้ทำงานได้ดีขึ้นมากกว่าทุกโหมดซึ่งเหมาะกับการขับเร็วบนถนนที่รกร้างและห่างไกลความเจริญ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อทำงานอย่างฉับไว จริงๆแล้วมันทำงานล่วงหน้าด้วยซ้ำ เมื่อปรับโหมดไปที่ Dynamic เจ้า TT จะส่งแรงบิดส่วนหนึ่งไปที่ล้อหลังก่อนทันทีเมื่อผมเริ่มต้นการเลี้ยว Quattro ทำให้ TT เลี้ยวได้อย่างคล่องแคล่วและคงความเป็นกลางเอาไว้ได้ตลอดความยาวของโค้ง ทำให้การเดินคันเร่งช่วงปลายโค้งเป็นเรื่องที่สนุกมาก ระบบควบคุมการทรงตัวทำงานเฉพาะที่จำเป็นและไม่เข้ามาแทรกแซงแบบเลอะเทอะจนน่ารำคาญเหมือนรถราคาถูกบางรุ่น แรงบิดของล้อที่อยู่ในโค้งจะถูกควบคุมโดยระบบจะส่งถ่ายแรงบิดส่วนที่เหลือให้กระจายไปยังล้อที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ทำให้ TT วิ่งเกาะโค้งด้วยความเร็วสูงได้อย่างง่ายดาย Quattro ทำงานอย่างเงียบเชียบจนคุณแทบจะไม่รู้สึก แต่ก็มีบางครั้งที่ท้ายรถเริ่มออกอาการเพราะใส่มาเร็วเกินไปในโค้งมุมแคบ 

จังหวะการทำงานของเกียร์ S Tronic 7 สปีด มีความว่องไวในการเปลี่ยนอัตราทด พวงมาลัยให้ความรู้สึกถึงอาการต่างๆ ของยาง โดยมีการหน่วงน้ำหนักเพิ่มเติมในโหมด Dynamic ในขณะที่แชสซีและช่วงล่างพยายามทำให้รถอยู่ในแนวระนาบที่ถูกต้อง ช่วยสร้างจินตนาการถึงประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่างๆที่ผ่านการปรับตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับแต่งรถสปอร์ตอย่างแท้จริง TT 45 TFSI ไม่ได้เพอร์เฟกหรือเป็นรถสปอร์ตคันเล็กที่ดีที่สุด แต่มันเป็นยานพาหนะที่ขับได้สนุกทุกครั้งที่ต้องการ และมีอะไรใหม่ๆ ให้ค้นหาอยู่เสมอ การตอบสนองของพวงมาลัยที่เป็นกลาง เสียงท่อไม่ได้แผดสนั่นเหมือน TT RS กำลังมีให้เท่าที่ต้องการ ไม่ได้ทะลักมาจนล้นเหมือน RS4 Avant

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งที่ต้องพูดถึงก็คือ งานประกอบภายใน คุณภาพของชิ้นส่วนพลาสติก รอยต่อและความแน่นหนานั้น Audi ทำออกมาได้อย่างน่าชมเชย ระบบควบคุมอุณหภูมิภายในออกแบบให้รวมอยู่ในช่องแอร์ทรงกลมสามช่องที่กว่าจะปรับทิศทางได้อย่างคล่องแคล่วก็ต้องเรียนรู้กันพอสมควร จอภาพเดี่ยวของมันแสดงผลได้อย่างหลากหลาย พวงมาลัยฐานที่ตัดสวยงามและมีขนาดที่กำลังพอดี ไม่ใหญ่เกินไปจนดูขัดกับขนาดของห้องโดยสาร แต่แป้น Paddle Shift น่าจะเป็นโลหะมากกว่าพลาสติกสีดำ เบาะและแผงประตู หุ้มหนังกลับ Alcantara สลับกับหนังแท้ที่ดูแลรักษายากแต่ถ้าเป็นคนรักรถก็ไม่ใช่ปัญหา เบาะหลังเอาไว้ให้ชิวาวาหรือหมาปั๊กนั่งไปเที่ยวด้วยกันจะดีกว่าเอาคนลงไปนั่ง ผมเคยโดนเพื่อนด่าเพราะเรื่องนี้มาแล้ว ซึ่งการเข้า-ออกจากเบาะหลังนั้น คุณต้องใช้วิชาตัวเบาเพื่อเอาตัวรอดในการออกจากห้องโดยสารที่มีขนาดเล็กของมัน 

TT เป็นรถที่อยู่ตรงกลางระหว่าง BMW 430i M Sport  และ Mercedes-Benz C200 Coupe AMG Dynamic เป็นรถเล็กที่เร็ว ขับสนุกและมีราคาที่พอจะรับกันได้ โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยใหม่ 0.5% นั้นดีงามจริงๆ 

มาที่ Audi A5 Sportback 40 TFSI S Line รถ 5 ประตู ทรงสปอร์ต ราคามิตรภาพ แค่ 2.79 ล้านบาทกับการนำเข้ามาทั้งคันจากเยอรมัน A5 Sportback 40TFSi ค่าตัว 2,799,000 บาท ถูกกว่า A5 Coupe 45TFSI Quattro S Line Blackedition ถึง 900,000 บาท สิ่งที่คุณจะได้ใน A5 รุ่นขายดี ก็คือ มันไม่มี Quattro และใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า บวกกับงานตกแต่งภายในที่ด้อยกว่า (เล็กน้อย) มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตัวคุณเอง ว่าจะประหยัดกับรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า หรือเพิ่มอีก 9 แสน เพื่อสนุกกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อพร้อมแรงม้าแรงบิดที่เหนือกว่า ส่วนต่างดังกล่าว ทำให้ A5 Sportback 40TFSI กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับคนชอบ Audi แต่มีเงินไม่มากพอ ถึงแม้จะเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ ในตลาดรถหรูของไทย แต่การผลิตรถยนต์ที่มีความประณีตและมีประสิทธิภาพที่เหมาะสมกับค่าตัว ทำให้ Audi อยู่ในใจของนักขับหลายๆคนที่ย้ายหนีมาจาก BMW และ Mercedes-Benz

ภายในของ New A5 40TFSI S-Line ติดตั้งระบบ MMI Plus พร้อมจอภาพที่สั่งงานด้วยฟังก์ชันใหม่ในระบบสัมผัส เทคนิค Virtual Cockpit ทำให้ห้องโดยสารของมันแตกต่างไปจาก BMW และ Mercedes-Benz โดยเฉพาะความหรูหราเรียบง่ายที่ Audi เน้นเป็นพิเศษ แดชบอร์ดคอนโซลที่ขึ้นรูปด้วยโฟมแล้วหุ้มด้วยวัสดุไวนิลที่มีคุณภาพ จอมอนิเตอร์กลางใช้ฟังก์ชันสั่งงานแบบใหม่ แผงควบคุมอุณหภูมิแบบปุ่มหมุนที่ใช้งานได้ง่าย คอนโซลซุ้มเกียร์ของ A5 ยุคใหม่ ตัดแผงควบคุมแบบเก่าออกไป แล้วใช้การสัมผัสที่หน้าจอภาพในการสั่งงาน เบาะนั่งทั้งสี่ตำแหน่ง หุ้มหนังแท้ปรับด้วยไฟฟ้าทั้งหมด ค่ายสี่ห่วงยกระดับความหรู ด้วยการจัดเบาะนั่งคู่หน้าแบบ Sports หุ้มด้วยหนังสีน้ำตาลเพื่อทำให้ตัดกับภายในสีเทาดำ เบาะไฟฟ้าของมัน ออกแบบคล้ายเบาะของ BMW Series-3 G20 มีฟังก์ชันบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งผู้ขับขี่มาให้ 2 ตำแหน่ง เบาะผู้โดยสารด้านหลังออกแบบให้สามารถพับได้ มีพื้นที่มากพอสำหรับการนั่งโดยสารทางไกล ทั้งพื้นที่วางเท้าและพื้นที่เหนือศีรษะ new A5 มีภายในที่แสดงออกถึงตัวตนของยานยนต์จาก Audi อย่างชัดเจน โดยไม่มีกลิ่นของรถคู่แข่งโผล่ออกมาให้เห็น เอกลักษณ์ของมันก็คือ ความเรียบง่ายจากการจัดวางอุปกรณ์เท่าที่จำเป็น และความหรูหรามีระดับอย่างที่รถประกอบนอกราคา 2.79 ล้านควรจะมี ราคาที่ขึ้นมาอีกหนึ่งแสนบาท เกิดจากการเพิ่มขึ้นของชิ้นส่วนที่ใช้ในการประกอบพวกชิปคอมพิวเตอร์และชิ้นส่วนพวกสายไฟ รวมกับราคาค่าขนส่งและอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้นมาหลังสถานการณ์โควิด-19 และสงครามในยูเครน  

Audi New A5 รุ่น 40TFSI S Line วางเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 กระบอกสูบ พ่วงกลไกระบบไฟฟ้าเสริม mild hybrid (MHEV) ขนาด 12 โวลต์ เครื่องยนต์เบนซินขนาดเล็ก ความจุ 2 ลิตร 1,984 ซีซี 4 วาล์วต่อสูบ พร้อมกลไกวาล์วแปรผัน Audi Valvelift system อัดอากาศด้วยเทอร์โบลูกเดี่ยวโดดๆ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลัง 190 แรงม้า แรงบิดเทลงไปที่ล้อหน้า ด้วยตัวเลข 320 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ออโต้ S-Tronic 7 สปีด สำหรับตัวเลขสมรรถนะนั้น A5 Sportback 40TFSI เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 7.5 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุด 239 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือว่าเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ส่วนเกียร์คลัตช์คู่ S-tronic 7 speed transmission มีการตอบสนองของชุดส่งกำลัง 3 ระดับ คือ D – ออโต้เต็มระบบ S – สปอร์ต เกียร์ทำงานเร็วขึ้น มักคาอยู่ในเกียร์ 4 นานกว่าปกติ ในลักษณะลากรอบ M – เกียร์แมนนวล สำหรับคนที่ชอบเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเอง (ใช้บ่อยๆ ดูแลน้ำมันเกียร์ให้สดใหม่อยู่เสมอด้วยนะ) การใช้เกียร์ S หรือ M ให้เหมาะสมกับเส้นทาง หรือสไตล์การขับ ทำให้สนุกขึ้น ส่วนตัว แค่คาอยู่ที่เกียร์ D ในเกียร์ที่มีคลัตช์ถึงสองชุด ก็เหลือรับประทานแล้ว

การตอบสนอง ม้า 190 ตัว กับแรงบิด 320 นิวตันเมตร พร้อมกลไกขับหน้า ทำให้มันดูด้อยไปนิดเมื่อเทียบกับคู่แข่งขับเคลื่อนล้อหลังที่พ่วงระบบปลั๊กอินไฮบริดอย่าง BMW 330e M Sport G20 และ C220d W206 สิ่งที่น่าสนใจก็คือ รูปแบบของตัวรถ อุปกรณ์ที่ให้มา (บางคนบ่นเรื่องออปชันที่น้อยเกินไป) กับความสามารถของระบบขับเคลื่อน แรงบิด 320 นิวตันเมตร เมื่อเทลงล้อหน้าเต็มๆ ทำให้เกิดอาการขืนตัวของพวงมาลัยหรือที่เรียกกันว่า อาการทอร์คสเตียร์ แรงดึงขืนของพวงมาลัยเมื่อแรงบิดถูกเทลงล้อหน้าอย่างฉับพลันทันทีอาจทำให้นักขับหน้าใหม่ไม่ชอบ แต่แรงดึงขืนตัวดังกล่าวทำให้พวกมือเก๋ารู้สึกสนุกที่ได้สัมผัสกับแรงบิดเต็มๆ ด้วยอาการดึงข้างของพวงมาลัย ผมเคยขับ A5 Coupe รุ่น 45TFSI ที่มีระบบ quatto with ultra technology เมื่อลงคันเร่งจนสุดในช่วงออกตัว รถจะพุ่งออกไปตรงๆด้วยความเสถียร เนื่องจากแรงบิดถูกเฉลี่ยลงไปที่ล้อทั้งสี่มุมอย่างสมดุล แต่ A5 Sportback 40TFSI ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าจะปรากฏอาการดังกล่าวอย่างชัดเจนทุกครั้งที่ต้องการออกตัวอย่างรวดเร็ว

A5 40TFSI รุ่นประหยัด ทำทุกอย่างเพื่ออยู่ตรงกลาง และกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนที่ไม่ต้องการจ่ายเงินเยอะกว่า เพื่อแลกกับรุ่น 45TFSI กำลังจากเครื่องยนต์เทอร์โบเดี่ยวส่งผลให้มันเป็นรถขับหน้าที่ร้อนแรงใช้ได้ โหมด Auto เหมาะสมกับทุกสภาวะการ ไม่ว่าจะขับในเมืองหรือโลดโผนโจนทะยานออกทางไกล ส่วนโหมดประหยัดหรือ Efficiency คันเร่งไฟฟ้าจะลดการตอบสนองลงมาเพื่อทำให้ประหยัดเชื้อเพลิง โดยภาพรวม Comfort และ Auto ในโหมดของ A5 40TFSI มีลักษณะการทำงานที่คล้ายคลึงกัน ส่วน Dynamic เครื่องยนต์ เกียร์ และพวงมาลัยจะตอบสนองได้ไวที่สุดสำหรับการขับที่ต้องการความคล่องตัวสูงสุด ธรรมเนียมการเซ็ตช่วงล่างของ Audi ไม่ว่าจะขับหน้าหรือขับสี่ มักจะถ่ายเทคาร์แลคเตอร์ของรถรุ่นนั้นๆได้อย่างชัดเจน ช่วงล่างที่สื่อบางคนไม่ชอบแต่ผมชอบ โดยเฉพาะการขับบนไฮเวย์ข้ามจังหวัดที่ต้องนั่งอยู่ในรถนานกว่าการขับสั้นๆในเมือง ระบบรองรับของ A5 Sportback 40TFSI ให้ความรู้สึกหนึบแน่นและมั่นใจ บางจังหวะที่ต้องเหินผ่านคอสะพานสูงชันก็ทำได้ดี โช้คและสปริงทำหน้าที่รักษาอาการส่วนหน้าและส่วนท้ายได้อย่างที่ควรจะเป็น เมื่ออัดเข้าโค้งแรงๆ ยาง Pilot Sport 4S ที่ควรจะอยู่ใน RS5 มากกว่า ยางมีประสิทธิภาพสูงในด้านการยึดเกาะ โดยเฉพาะกับรถขับหน้าที่มีแรงบิด 320 นิวตันเมตรแบบนี้ อาการหน้าดื้อไม่ปรากฏออกมาให้เห็น เนื่องจากใช้ความเร็วในโค้งให้พอดีกับสภาพของโค้ง ไม่ได้ยัดมาเร็วเหมือนกับ Audi ที่มี Quattro การถ่ายเทมวลขณะขับเข้าโค้งค่อยข้างเป็นกลาง ส่วนหน้าที่ไวทำให้ขยับพวงมาลัยแค่นิดเดียวหน้ารถก็เลี้ยวตามอย่างว่านอนสอนง่าย คุณต้องอัดแบบไม่ยั้งและใช้ความเร็วในโค้งเกินมากๆ ถึงจะทำให้ A5 รุ่นขับหน้าออกอาการอันเดอร์สเตียร์

สีดำ Mythos Black Metallic ของ Audi มีประกายในเนื้อสีที่ดูฉ่ำและเงางามกว่าสีดำทั่วไป มันเป็นสีดุ ไม่ได้ดูโดดเด่นเหมือนสีเขียว District Green Metallic หรือสีเทาที่กำลังฮิตอย่าง Quantum Grey Solid ล้ออัลลอย ลายก้านคู่ขอบ 19 นิ้วพอดีกับซุ้มล้อ จะเอาใหญ่กว่านี้ก็ต้องตะกายไปที่ล้อ 20 นิ้วของ RS5 เส้นสายท่ีเฉียบคมของตัวถังถูกปรับปรุงให้ดูทันสมัยมากกว่า A5 รุ่นที่แล้ว รวมถึงบานประตูแบบไร้กรอบกระจกที่โดนใจคนชอบรถสปอร์ต เมื่อขับด้วยความเร็วเดินทาง A5 รุ่นเด็กเล็ก ให้ความรู้สึกสบายและผ่อนคลายใช้ได้ เครื่อง 2.0 ลิตร เทอร์โบ ทำงานเงียบกริบในรอบต่ำ ถ้าคุณใช้ความเร็วเฉลี่ย 80-110 อย่าให้เกินไปกว่านั้น ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองจะออกมาสวยหรูดูดี ด้วยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 15 กิโลเมตรต่อลิตร แต่ถ้าขับแบบรีบเร่ง เจ้า A5 40TFSI จะกินขึ้นมาเป็น 10.8 กิโลเมตรต่อลิตร ในโหมด Dynamic พร้อมการจมคันเร่งยาวๆ หรือเร่งในจังหวะที่กำลังไต่ขึ้นเนินชัน หรือขับเร็วบนเส้นทางภูเขา ตัวเลขการกินน้ำมันจะผกผันไปกับองศาของคันเร่งไฟฟ้าและลักษณะของเส้นทางกับความเร็วที่ใช้

A5 Sportback 40TFSI คือรถที่คุณสามารถจ่ายเงินซื้อได้อย่างมั่นใจ แต่ก็ยังมีคู่แข่งที่มีราคาพอๆกัน และมีกำลังมากกว่าอย่าง BMW330e M Sport และ Mercedes-Benz C300e AMG Dynamic (W205) รอเสียบอยู่ห่างๆ หากพลาดหวังจาก Audi ในเรื่องของออปชัน! รวมไปถึงรถขับหลังช่วงล่างดีแต่กำลังไม่ค่อยจะแรงอย่าง Lexus IS300h Premium ถ้าคุณรับกับอาการของ Audi รุ่นขับหน้าได้ และไม่สนออปชันที่โดนหั่นเพื่อการทำราคา A5 Sportback 40TFSI ก็ไม่น่าจะทำให้คุณรู้สึกผิดหวัง แต่ถ้าถามความเห็นส่วนตัวของผม เอาแบบตรงๆ ผมยอมเพิ่มอีก 9 แสน แล้วเดินไปหยิบกุญแจของ A5 Coupe 45TFSI พร้อม quatto with ultra technology ที่วิ่งได้เนียนและแรงกว่าเห็นๆ ละครับ 

ทุกวันนี้เราจะเห็นได้ว่า รถอเนกประสงค์นั้นมีให้เลือกอย่างหลากหลาย รถอย่าง BMW X1 และ X2 เปรียบเหมือนห้องเก็บของขนาดกะทัดรัดที่เคลื่อนที่ได้ และ X1 ใหม่ก็ได้รับการพัฒนามาเป็นอย่างดี แต่ต้องรออีกปีกว่าที่รถรุ่นใหม่จะเดินทางมาถึงประเทศไทย ส่วน Mercedes-Benz ก็กำลังขาย New GLA รุ่นใหม่ ที่ออกมาขายในตลาดรถพรีเมียมของไทยเมื่อเร็วๆ นี้ ส่วน Volvo เองก็ยังมี XC40 ที่สวยงามและใช้งานได้ดี สำหรับ Lexus UX250h ยานครอสโอเวอร์ของสายหรูที่มีสไตล์การขับ ช่วงล่างและพวงมาลัยคล้าย Audi Q3 Sportback มากที่สุด  Q3 รุ่นใหม่ เป็นยานพาหนะอเนกประสงค์ที่มีให้เลือกถึงสองรูปแบบ (ตัวถังปกติและตัวถังแบบ Coupe ในรุ่น Sportback) Q3 ก็คือ A3 ในรูปแบบของรถครอสคันทรี่หรือครอสโอเวอร์ ตัวถังยกสูงมีระยะห่างจากพื้นถึงใต้ท้องรถสำหรับการลุยฝ่าทางวิบากเล็กๆน้อยๆ ไม่ได้ทำมาเพื่อการลุยหนักแต่อย่างใดทั้งสิ้น เครื่องยนต์ขนาดเล็ก กับความปราดเปรียวที่มาพร้อมกับความหรูหรา ภายในมีการจัดพื้นที่ใช้สอยอย่างชาญฉลาด ห้องโดยสารออกแบบให้คนขับและผู้โดยสารรับรู้ได้ถึงความทันสมัย คุณภาพของวัสดุและงานประกอบห้องโดยสารไม่เป็นสองรองใคร ไม่ว่าจะเป็น BMW หรือ Mercedes-Benz ทั้งหมดทั้งปวงถูกห่อหุ้มอย่างดีมาจากเยอรมนี และถึงมือคุณในราคา 2,649,000 บาท

Compact SUV Coupe มักจะมีบั้นท้ายที่ชวนมอง ไม่ว่าจะเป็น BMW X2 / Lexus UX หรือ Audi Q3 Sportback ทั้งคู่ต่างมีงานออกแบบส่วนท้ายที่ลงตัว ความเฉียบคมของเส้นสายที่บรรจบกันอย่างกลมกลืน Q3 มีฝาท้ายไฟฟ้า มาพร้อมระบบเปิด-ปิดฝาท้าย โดยไม่ต้องใช้มือ Hands-Free Tailgate ซึ่งทำงานอย่างเงียบเชียบ ไม่ว่าจะยกตัวขึ้นเมื่อกดเปิด หรือค่อยๆ พับลงตอนปิด กระจกบานฝาท้ายมีขนาดเล็กกว่า Q3 รุ่นตัวถังมาตรฐาน ไฟท้าย LED สวยงามโดนใจ พร้อมกับการยกไฟเลี้ยวที่คุณจะสังเกตได้ว่าไฟเลี้ยวกะพริบไล่เรียงออกจากด้านในไปด้านนอก กันชนหลังเต็มไปด้วยรายละเอียดของเส้นและขอบมุม ครีบรีดอากาศบริเวณชายล่างของกันชนหลัง เส้นพลาสติกสีเงินคาดกลางดูแปลกตา เมื่อเปิดฝาท้าย คุณจะมีพื้นที่ในการขนของโดยยังไม่พับเบาะหลัง 530 ลิตร และเมื่อพับเบาะหลังราบลงกับพื้น จะมีพื้นที่ในการขนสัมภาระมากถึง 1,400 ลิตร กึ่งกลางของหลังคาส่วนท้ายมีเสาอากาศเล็กๆ คล้ายครีบฉลาม ส่วนไฟเบรกดวงที่สามติดตั้งอยู่ด้านบนของขอบกกระจกบานฝาท้าย ตามสไตล์การออกแบบของ Audi ที่ใช้เส้นคมๆ ตัดกันอย่างงดงาม Audi Q3 ใหม่ มีสีตัวถังให้เลือก เช่น สีเทา Chronos Grey, metallic / สีเงิน Dew Silver metallic / สีขาว Glacier White metallic / สีดำ Mythos Black metallic (คันทดสอบ) / สีส้ม Tango Red metallic นี่ถ้าเป็นสีฟ้า Turbo Blue Solid จะดีกว่านี้มาก

เอกลักษณ์ของรถยนต์ Audi คืองานตกแต่งภายในที่เรียบง่าย มีอุปกรณ์เท่าที่จำเป็น เพื่อลดภารกรรมของคนขับ แต่ยังคงยึดโยงกับวัสดุคุณภาพสูง และงานประกอบที่ประณีต เพื่อยกระดับความน่าใช้งาน แดชบอร์ดด้านบนทำจากโฟมฉีดขึ้นรูปห่อหุ้มด้วยวัสดุกประเภทไวนิลคุณภาพสูง ส่วนด้านล่างเป็นพลาสติกเกรดดี แดชบอร์ดของ Q3 ใหม่ออกแบบในลักษณะสองชั้น เพื่อเพิ่มมิติของความสวยงาม ช่องแอร์ทรงเหลี่ยม ล้อมกรอบด้วยงานพลาสติกสีเทาเข้ม ตัดกับสีดำของแดชบอร์ด กึ่งกลางของคอนโซลมีชิ้นงานพลาสติกสีเงิน ที่มีลักษณะคล้ายกับอะลูมิเนียมแปะติดอยู่ เบาะแบบสปอร์ต ปรับระดับด้วยไฟฟ้า เบาะคู่หน้าออกแบบให้นั่งได้สบายตัว เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง พร้อมสัญลักษณ์ S-Line ค่าย Audi ยังติดตั้งระบบปรับดันหลังไฟฟ้า Lumbar Support เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ส่วนเบาะนั่งด้านหลัง ออกแบบให้สามารถพับได้ 40 : 20 : 40 หรือปรับเอน เลื่อนหน้า-ถอยหลังได้ พื้นที่เหนือศีรษะและพื้นที่วางเท้าของผู้โดยสารเบาะหลัง เมื่อนั่งสองคนก็จะรู้สึกได้ถึงความโปร่งโล่งที่อยู่ในเกณฑ์ดี เบาะหลังที่ปรับเอนได้ ทำให้ผู้โดยสารตัวใหญ่ นั่งทางไกลได้สบายตัวมากยิ่งขึ้น

มาตรวัดแบบจอภาพกำลังเป็นที่นิยม เนื่องจากความทันสมัยและสามารถใส่รายละเอียดลงไปในมาตรวัดได้อย่างหลากหลาย Audi นั้นทำมาตรวัดแบบจอภาพออกมานานแล้ว เริ่มตั้งแต่ Audi TT เจเนอเรชั่นที่สาม ส่วนมาตรวัดใน Q3 ใหม่ รุ่น Sportback ติดตั้งจอมาตรวัด Virtual Cockpit ขนาด 10.25 นิ้ว คุณสามารถปรับเปลี่ยนจอมาตรวัดให้มีขนาดที่ใหญ่แบบปกติ หรือมีขนาดที่เล็กลง เพื่อใช้จอบริเวณกึ่งกลางทำหน้าที่แจ้งข้อมูลที่สำคัญต่างๆ เช่น อัตราสิ้นเปลือง มีหน่วยเป็นลิตรต่อกิโลเมตร ตำแหน่งเกียร์ ระดับเชื้อเพลิงในถังต่อระยะทางที่สามารถวิ่งไปถึง อุณหภูมิภายนอก เวลาและวันที่ ทริปมิเตอร์ อุณหภูมิของน้ำมันเครื่องฯ เรียกว่าเป็นสมองกลส่วนกลางที่เชื่อมโยงกับจอมอนิเตอร์กลางสำหรับการใชังานที่มีความหลากหลายมากกว่า Q3 รุ่นที่แล้ว

Audi Q3 Sportback 35TFSi ใช้เครื่องยนต์เบนซินแบบแถวเรียง 4 กระบอกสูบ ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ป 4 วาล์วต่อสูบ พร้อมระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบฉีดตรง (direct injection) เทอร์โบชาร์จและเทคโนโลยี cylinder on demand เครื่องยนต์เล็กขนาด 1.4 ลิตร 1,395 ซีซี จ่ายเชื้อเพลิงแบบยิงตรง Direct Injection พ่วงเทอร์โบ และควบคุมการทำงานด้วยสมองกลไฟฟ้า กำลังสูงสุด 140 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,500-3,500 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติ S Tronic 6 สปีด ไม่มีแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift แต่ใช้การผลักคันเกียร์ไปทางซ้าย เพื่อเข้าสู่โหมดเกียร์ธรรมดา โดยใช้การโยกคันเกียร์ขึ้น-ลงในตำแหน่ง +/- เพื่อปรับอัตราทดเกียร์ด้วยตัวของคุณเอง เครื่องยนต์วางตามขวาง ขับเคลื่อนล้อหน้า ระบบรองรับของ Q3 Sportback ด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพและกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงก์ ระบบห้ามล้อใช้ดิสก์เบรกสี่ล้อ พร้อมช่องระบายความร้อนที่จานเบรก

Audi เป็นแบรนด์รถยนต์สัญชาติเยอรมันที่ใส่ใจใน Dynamic มากที่สุด วิศวกรของค่ายสี่ห่วงพยายามนำเสนอ Q3 ด้วย Dynamic ของการขับที่ดี ในรูปแบบของรถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์ขนาดเล็ก การปรับแต่งเครื่องยนต์ 1.3 ลิตร กับชุดส่งกำลังให้สอดรับกับการใช้งาน ทำให้ Audi Q3 Sportback 35TFSi เป็นรถที่น่าใช้และมีการขับที่สูสีกับ Mercedes-Benz GLA200 ในเมือง ขนาดที่เล็กของ Q3 ทำให้เกิดความคล่องตัว สามารถสอดแทรกตัวเองเข้าไปในตรอกซอกซอยที่คับแคบ มันเป็นรถที่มีพวงมาลัยไฟฟ้าอย่างเริ่ด ทำให้เลี้ยวกลับลำได้อย่างคล่องแคล่ว เครื่องเบนซินตัวเล็ก เร่งได้เร็วพอใช้ได้ และเป็นรถที่มีช่วงล่างดี ทำให้เกิดความสบายจากค่าของการปรับเซตช่วงล่างที่ออกมาในลักษณะเน้นความนุ่มนวลและกระชับ การออกแบบเบาะนั่ง ช่วงล่างและชุดบังคับเลี้ยวไฟฟ้า เพื่อความง่ายและสบายในการควบคุมหรือนั่งโดยสาร เป็นเอกลักษณ์ของ Audi ที่ยากจะลอกเลียนแบบ

Audi ยุคใหม่ กลายเป็นแบรนด์ที่ใส่ใจใน Dynamic ของตัวรถมากเป็นพิเศษ ในระดับสูงสุดก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหน จะเล็กหรือใหญ่ ก็เป็นยานพาหนะที่ขับได้อย่างคล่องแคล่ว โดยเฉพาะการเซตช่วงล่างและชุดบังคับเลี้ยว ระบบรองรับแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพและกันโคลง กับมัลติลิงก์ที่ด้านหลัง ทำให้มันเป็นรถครอสโอเวอร์ที่ทรงตัวได้ดีในย่านความเร็วสูง การเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 9.3 วินาที ทำได้ดี ไม่ได้เร็วจี๋เหมือนรุ่น 2.0 ลิตร ในรุ่น 40TFSI แต่ก็ง่ายในการควบคุม เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ ความจุ 1.3 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบ กับเกียร์อัตโนมัติ S tronic 6 สปีด ผสมผสานการทำงานร่วมกันได้อย่างเนียน มันไม่มีระบบนำทางด้วยดาวเทียม ไม่มีแป้น Paddle Shift และไม่มีระบบส่องสว่างแบบอัตโนมัติ หรือ Adaptive LED แต่การไม่มีอุปกรณ์ดังกล่าวก็ไม่ได้บั่นทอนการขับที่ดีของมัน เครื่องยนต์จูนมาดี เดินเรียบและนิ่ง ไม่ส่งเสียงดังจนน่ารำคาญ และมีการตอบสนองในโหมด Dynamic ดีที่สุด ส่วนโหมด Comfort และ Auto ก็เป็นโหมดที่ใช้สำหรับการขับแบบทั่วไป เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ทำงานอย่างไหลลื่น แม้จะเป็นเกียร์ขับหน้าตัวเล็กนิดเดียว แต่การเซตอัตราทดที่ครอบคลุม ช่วยส่งเสริมให้สมรรถนะของครอสโอเวอร์เล็กรุ่นนี้ให้ขับได้ดีเทียบเท่ากับรถคู่แข่งได้อย่างสบาย โดยเฉพาะอัตราสิ้นเปลืองเมื่อขับเรื่อยๆ ทำได้ 12.1 กิโลเมตรต่อลิตร 

ผมชอบการผ่อนสั้นผ่อนยาวของ Lexus UX250h รวมถึงการเลี้ยวที่คมกริบของ BMW X2 ทั้งคู่เป็นรถครอสโอเวอร์พรีเมียมที่เนี๊ยบจัด ส่วน XC40 T5 มีกำลังมากกว่าทั้งคู่และวิ่งได้เร็วจี๋บนไฮเวย์ สำหรับ Q3 Sportback อาการที่เป็นกลางในโค้งทำให้คนขับไม่ต้องคอยกังวนว่าพวงมาลัยจะไม่เชื่องมือ อาการหน้าดื้อหรืออันเดอร์สเตียร์ เมื่อขับเข้าสู่หัวโค้งด้วยความเร็วสูง จะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป แก้ได้ง่ายๆ ด้วยการยกคันเร่ง ส่วนช่วงล่างของมันก็ไม่ได้เป็นรองรถคู่แข่งราคาแพงอย่าง Lexus UX250h Luxury ทั้งในด้านของความหนึบนุ่มและการทรงตัวในย่านความเร็วสูง แต่การยึดเกาะกับผิวถนนและความสบายนั้นสูสีกันมาก อารมณ์ของรถขับหน้าแบบ Q3 จะโผล่ออกมาเมื่อเข้าโค้งเร็วจี๋เท่านั้น เมื่อวิ่งทางตรง หากผิวถนนเรียบพอ Audi ปรับจูนรายละเอียดต่างๆ อย่างแม่นยำ ทำให้สามารถกลบเกลื่อนความรู้สึกของรถขับหน้าออกไปได้อย่างสิ้นเชิง พูดง่ายๆ ก็คือ มันคล้ายกับรถขับเคลื่อนล้อหลัง แต่จริงๆ แล้วมันเป็นรถขับหน้า!

ขอปรบมือให้กับทีมออกแบบและพัฒนาของ Audi ซึ่งมีแผนก Audi Sport คอยดูแลปรับตั้งการขับให้อยู่ในระดับแนวหน้า! Audi ทั้งสามคันเป็นรถหรูไซส์เล็กที่ขับแล้วปราศจากข้อติติง เมื่อต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันนาน 1 อาทิตย์ในการขับทดสอบรถแต่ละรุ่นของแบรนด์สี่ห่วงซึ่งใช้สถานที่แตกต่างกันออกไป แต่เป้าหมายของเส้นทางทดสอบก็คือ การทำให้รถสำแดงประสิทธิภาพที่แท้จริงออกมาจนหมดเปลือก ขับดีหรือไม่ เส้นทางที่ผมเลือกใช้จะทำให้รถออกทุกอาการ แม้ TT /A5 และ Q3 จะเป็นรถหรูราคาแพง เนื่องจากเป็นรถนำเข้า อุปกรณ์ต่างๆ มีให้เท่าที่จำเป็นเพราะต้องทำราคาแข่งกับรถเล็กชั้นดีที่กล่าวมาทั้งหมด การขับที่ดีของ Audi ทั้งสามรุ่น ทำให้ค่าตัว 2.69-3.49 ล้านบาท ไม่ได้แพงมากจนเกินไป ทั้ง TT A5 และ Q3 เป็นรถเล็กที่ขับได้ดี (มาก) ช่วงล่างและพวงมาลัยถือว่าเหนือชั้นกว่ารถคู่แข่ง และมี Dynamic ที่ดีงาม ขับแล้วให้ความรู้สึกถึงความเป็นยานยนต์รุ่นขายดีของ Audi ได้อย่างชัดเจน วัสดุที่เลือกตกแต่งห้องโดยสารเกรดสูง ความสบายของเบาะนั่ง ความเงียบจากการเก็บเสียง ที่เป็นมาตรฐานของยานยนต์จากแบรนด์ Audi การซึมซับแรงสั่นสะเทือนจากการปรับจูนโช้คอัพ การตอบสนองของเครื่องยนต์ เกียร์และพวงมาลัยที่ถือเป็นหัวใจของระบบขับเคลื่อน รวมถึงการเลือกใช้ขนาดของล้อและยางที่ลงตัว นอกจากรูปลักษณ์ที่สวยงามทันสมัย การขับใช้งานที่โดนใจ ทำการเป็นเจ้าของ Audi ทั้งสามรุ่นนั้น ขึ้นอยู่กับตัวของคุณเอง ที่จะยอมเปลี่ยนทัศนคติความจงรักภักดีจากแบรนด์เยอรมันอย่าง BMW หรือ Mercedes-Benz ตลอดจนของหรูอย่าง Lexus มาเป็นเจ้าสี่ห่วงหรือเปล่าเท่านั้นเองล่ะครับ.

อาคม รวมสุวรรณ

E-Mail [email protected]

Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom

https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/