รีวิว Mercedes-Benz C220d (W206) ใหม่ ขุมพลังดีเซล Mild-hybrid แรง-ประหยัดสะใจ

     รีวิว Mercedes-Benz C-Class รหัสตัวถัง W206 ใหม่ ประเดิมตลาดด้วยรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลที่มีให้เลือกทั้ง C 220 d Avantgarde และ C 220 d AMG Dynamic กับราคาจำหน่าย 2,590,000 บาท และ 2,990,000 บาทตามลำดับ จะมีอะไรน่าสนใจบ้างไปติดตามได้ในบทความนี้ครับ

c_class_w206_30

     สำหรับบทความนี้จะเน้นหนักไปที่ Mercedes-Benz C 220 d AMG Dynamic ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดของตระกูล C-Class W206 ที่วางจำหน่ายอยู่ในขณะนี้ ซึ่งการทำตลาดโมเดล W206 ในครั้งนี้มีความแตกต่างจากที่เคยเป็นมา เพราะแทนที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย จะนำเอารุ่นนำเข้าทั้งคัน (CBU) มาทำตลาดในช่วงเริ่มต้นเหมือนแต่ก่อน แต่ครั้งนี้เลือกที่จะนำเอารุ่นประกอบในประเทศ (CKD) มาทำตลาดเลยจบๆ ซึ่งได้เปรียบในเรื่องอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครันกว่า

     ถึงกระนั้น หากใครหวังจะที่รอรุ่นเครื่องยนต์ Plug-in Hybrid คงต้องรอขึ้นไลน์ผลิตอีกทีช่วงปลายปีนี้ แต่หากใครชื่นชอบรถยุโรปหรูขุมพลังดีเซลเป็นทุนเดิมอยู่แล้วล่ะก็ สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ทันทีโดยไม่ต้องรอ

ภายนอก

     ดีไซน์ภายนอกของ Mercedes-Benz C-Class W206 ยังคงแนวคิดการออกแบบ Sensual Purity เช่นเดียวกับรุ่น W205 จึงจะเห็นได้ว่าทั้งคู่มีเส้นสายตัวถังที่ดูคล้ายกัน แต่ก็ได้มีการปรับโฉมให้มีความเป็น S-Class W223 ที่ถูกย่อส่วนลงมา ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าที่มีรูปทรงเรียวบางและเฉียบคมมากยิ่งขึ้น ไฟท้ายที่เปลี่ยนมาออกแบบในแนวยาวรับกับบั้นท้ายสุดจ้ำบ๊ะ เข้ากันได้ดีกับล้อขนาดเริ่มต้น 18 นิ้วในรุ่น Avantgarde และขนาด 19 นิ้วในรุ่น AMG Dynamic

c_class_w206_27

     สำหรับรุ่น Mercedes-Benz C 220 d AMG Dynamic มาพร้อมไฟหน้าแบบ LED High Performance ซึ่งหลายคนอาจคิดว่า เอ๊ะ ทำไมรุ่นท็อปถึงไม่ให้ไฟหน้า DIGITAL LIGHT แบบที่วางขายในเมืองนอกกันล่ะ เพราะก่อนหน้านี้ก็มีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ติดตั้งอยู่ในรุ่นท็อปๆ ของโฉม W205 กันอยู่แล้วหนิ อันนี้ก็ต้องยอมรับว่าปัญหาการขาดแคลนชิปที่เกิดขึ้นทั่วโลก ก็ส่งผลให้เมอร์เซเดส-เบนซ์จำเป็นจะต้องตัดอุปกรณ์บางอย่างไปอย่างน่าเสียดายเพื่อให้สามารถทำตลาดได้ตามแผนที่วางไว้นั่นเอง ถึงกระนั้นก็ยังมีระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist) และหลังคากระจกพาโนรามิกซันรูฟมาให้

     ในรุ่น AMG Dynamic จะได้กระจังหน้าแบบ Mercedes-Benz pattern ที่ประดับด้วยสัญลักษณ์ดาวสามแฉกขนาดเล็กจำนวนมาก เสริมด้วยชุดตกแต่ง AMG bodystyling ที่ตกแต่งกันชนหน้า-หลังด้วยวัสดุโครเมียม และล้ออัลลอย AMG multi-spoke ขนาด 19 นิ้ว ช่วยเพิ่มความสปอร์ตให้กับตัวรถ ทั้งยังเหนือกว่ารุ่น Avantgarde ด้วยช่วงล่างแบบสปอร์ต (Sports suspension) เพิ่มขึ้นมา

c_class_w206_22

ภายใน

     อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า Mercedes-Benz C-Class W206 รุ่นนี้ถูกประกอบขึ้นในประเทศทั้งหมด จึงสามารถจัดเต็มอุปกรณ์มาตรฐานได้แบบไม่ต้องกั๊กเหมือนกับรุ่นนำเข้าทั้งคัน โดย C 220 d AMG Dynamic จะถูกตกแต่งภายในห้องโดยสารแบบ AMG Line interior เน้นความสปอร์ตด้วยโทนสีดำไปจนถึงเพดานหลังคา ติดตั้งเบาะนั่งแบบ Sports ปรับระดับด้วยไฟฟ้าคู่หน้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำทั้งสองฝั่ง ซึ่งจะทำงานควบคู่ไปกับตำแหน่งพวงมาลัยและกระจกมองข้าง ทั้งยังมีระบบดันหลัง Lumbar Support ปรับ 4 ทิศทางมาให้ โดยตัวเบาะให้การโอบกระชับที่ดีไม่แพ้กับรุ่น W205 รองรับการขับขี่ทางไกลได้อย่างสบายหายห่วง

c_class_w206_16

     เบื้องหน้าของผู้ขับขี่เป็นหน้าจอแสดงข้อมูลขนาด 12.3 นิ้ว สามารถปรับการแสดงข้อมูลได้อย่างหลากหลายผ่านปุ่มสัมผัส Touch Control บนพวงมาลัย 3 ก้านแบบสปอร์ตหุ้มหนัง Nappa โดยบริเวณก้านฝั่งซ้ายและขวาจะถูกออกแบบให้มีลักษณะเป็นสองชั้น ซึ่งถือว่าเป็นดีไซน์ที่ค่อนข้างล้ำและมีให้เฉพาะในเมอเซเดส-เบนซ์เท่านั้น (แต่ต้องยอมรับว่าปุ่มสัมผัสที่มีลักษณะเงาๆ เช่นนี้ ย่อมก็ให้เกิดรอยนิ้วมือจากการใช้งานได้ง่ายเช่นกัน)

     Mercedes-Benz W206 ถือเป็นรุ่นแรกของ C-Class ที่มีการใช้ระบบปฏิบัติการ MBUX ซึ่งทำงานผ่านหน้าจอกลางแบบสัมผัสแนวตั้งขนาด 11.9 นิ้ว โดยหน้าจอที่ว่านี้จะถูกใช้สำหรับควบคุมฟังก์ชันต่างๆ แทบทั้งหมด โดยมีปุ่มช็อตคัตสำหรับปรับระดับเสียง, เมนูการตั้งค่ารถยนต์, กล้องมองภาพ และปุ่มเลือกโหมดการขับขี่ DYNAMIC SELECT เอาไว้บริเวณขอบล่างของหน้าจอ ทั้งยังมี Fingerprint scanner สำหรับใช้ฟังก์ชั่นจดจำโปร์ไฟล์ผู้ขับขี่มาให้

c_class_w206_10

     ขยับลงมาด้านล่างเล็กน้อยจะพบกับช่องเก็บของแบบมีฝาปิด โดยภายในจะถูกติดตั้งแท่นชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย (Wireless Charging) ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ระบบ Apple CarPlay และ Android Auto แบบ Wireless โดยไม่จำเป็นต้องเสียบสาย ในขณะที่โทรศัพท์มือถือก็ยังคงถูกชาร์จอยู่ตลอดเวลาไม่ต้องกลัวว่าแบตจะหมดแต่อย่างใด

     สำหรับระบบ MBUX ของรุ่น AMG Dynamic ยังเหนือกว่ารุ่น Avantgarde เนื่องจากมีระบบแผนที่นำทาง 3 มิติ (Hard-disc navigation) สามารถแสดงสภาพการจราจรแบบ Live Traffic Information ได้ และเติมเต็มคุณภาพเสียงด้วยระบบเสียงรอบทิศทางจาก Burmester ที่มีให้เฉพาะรุ่น AMG Dynamic เท่านั้น

c_class_w206_09

     ส่วนตำแหน่งท่านั่งของ C-Class W206 มีลักษณะใกล้เคียงกับ W205 คือจะให้ความรู้สึกเหมือนกับนั่งอยู่ในค็อกพิตของรถแข่ง ด้วยแผงคอนโซลกลางระหว่างเบาะนั่งคู่หน้าที่ออกแบบให้มีการแยกฝั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสารออกจากกันอย่างชัดเจน รวมถึงการใช้วัสดุต่างๆ ภายในห้องโดยสารก็ถือว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพอย่างที่คาดหวังจากแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งตรงนี้พูดได้เต็มปากว่าทำได้ดีกว่า BMW 3 Series G20 และ Audi A4/A5 อย่างไม่ต้องสงสัย

     ขณะที่ระบบความปลอดภัยของ Mercedes-Benz C 220 d AMG Dynamic ประกอบด้วย ระบบควบคุมเสถียรภาพ ESP, ระบบเบรกแบบ ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD (ค้างเบรกขณะติดไฟแดง) และช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill – Start Assist, ระบบช่วยเบรก Active Brake Assist, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control พร้อมฟังก์ชันจำกัดความเร็ว SPEEDTRONIC, ระบบแจ้งเตือนสถานะเข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, ระบบเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Assist, ระบบเตือนรถเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู Exit Warning Function

     อีกทั้งยังมีระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ Active Parking Assist พร้อมเซ็นเซอร์ช่วยจอด PARKTRONIC, กล้องมองภาพด้านหลัง (Reversing camera), ระบบไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน Adaptive brake light และถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ด้านข้างคู่หน้า, ม่านถุงลม และถุงลมนิรภัยหัวเข่าฝั่งผู้ขับขี่ (Kneebag) เป็นต้น

c_class_w206_03

เครื่องยนต์

     ขุมพลังของ Mercedes-Benz C 220 d AMG Dynamic เป็นเครื่องยนต์ดีเซล Mild-hybrid แบบ 4 สูบเทอร์โบชาร์จ ความจุ 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 200 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 440 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 – 2,800 รอบต่อนาที (เพิ่มขึ้นจาก W205 ที่มีกำลังสูงสุด 194 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร) ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย

c_class_w206_17

     กำลังที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 48 โวลต์ ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ พร้อมทั้งสร้างและจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในรถ อีกทั้งยังเสริมการทำงานของระบบ ECO start / stop เนื่องจากจะช่วยให้เครื่องยนต์ดับเร็วขึ้นในจังหวะก่อนที่รถจะหยุดติดไฟแดง ส่งผลให้การประหยัดน้ำมันทำได้ดีขึ้น และยังช่วยให้ระบบปรับอากาศยังคงสามารถทำความเย็นได้อย่างต่อเนื่องแม้ว่าเครื่องยนต์จะดับอยู่ก็ตาม

การขับขี่

     เราลองขับ Mercedes-Benz C 220 d AMG Dynamic คันนี้เป็นระยะทางไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าไปยัง จ.อยุธยา ซึ่งความรู้สึกในการขับขี่ C-Class W206 ใหม่ ต้องยอมรับว่าใกล้เคียงกับ W205 พอสมควรทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการตอบสนองของพวงมาลัยที่เฉียบคมและฉับไว และช่วงล่างที่เซ็ตมาค่อนข้างแน่นหนึบทีเดียว

c_class_w206_38

     การใช้งานในเมืองถือว่าทำได้คล่องตัว ด้วยแรงบิดสูงสุดถึง 440 นิวตัน-เมตร และเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC ที่เปลี่ยนอัตราทดได้อย่างไร้รอยต่อ สามารถซอกแซกตามการจราจรได้อย่างมั่นใจ แต่มีข้อสังเกตว่าระบบ ECO Start/Stop ในรถเครื่องยนต์สันดาปปกติ จะดับเครื่องยนต์ต่อเมื่อรถหยุดนิ่งสนิทแล้วเท่านั้น แต่ในเครื่องยนต์ Mild-hybrid มีมอเตอร์ไฟฟ้า 48 โวลต์เข้ามาช่วย ส่งผลให้เครื่องยนต์ดับก่อนที่รถจะหยุดสนิทเล็กน้อย ซึ่งในทางทฤษฎีจะช่วยเพิ่มความประหยัดน้ำมันได้ก็จริง แต่ในภาวะการขับขี่จริงนั้น อาจมีจังหวะที่ต้องไหลตามคันหน้าอย่างช้าๆ แต่เครื่องยนต์กลับดับลงดื้อๆ เสียอย่างนั้น ทำให้เกิดความไม่ต่อเนื่องในการขับขี่จนต้องกดปิดระบบ ECO Start/Stop เพื่อตัดความรำคาญแทน

     ทันทีที่การจราจรเริ่มเปิดโล่ง ก็สามารถสนุกกับแรงบิดของเครื่องยนต์ดีเซลได้อย่างเต็มที่ ด้วยพละกำลังของเครื่องยนต์บวกกับความนิ่งของห้องโดยสาร ทำให้ผมเผลอกดคันเร่งเกิน 120 กม./ชม. แบบไม่รู้ตัวอยู่บ่อยครั้ง โดยขณะรถเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 110 กม./ชม. จะใช้รอบเครื่องยนต์เพียง 1,350 รอบต่อนาทีที่ตำแหน่งเกียร์ 9 จึงแทบจะไม่รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนและเสียงรบกวนของเครื่องยนต์เลย จึงเรียกได้ว่าเป็นรถที่เหมาะสมกับการขับขี่ทางไกลได้อย่างสบายๆ

     เมื่อมาถึงจุดหมายใน จ.อยุธยา อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยบนหน้าจอปรากฏตัวเลข 5.0 ลิตร ต่อ 100 กิโลเมตร หรือประมาณ 20 กม./ลิตร เทียบกับการใช้ความเร็วในการเดินทางยืนพื้นอยู่ที่ประมาณ 110 กม./ชม. จึงถือว่าเป็นรถยนต์หรูที่ทำอัตราสิ้นเปลืองได้น่าประทับใจทีเดียว

c_class_w206_32

สรุป

     Mercedes-Benz C 220 d AMG Dynamic รหัสตัวถัง W206 ยังคงเป็นรถยนต์หรูที่โดดเด่นในด้านความหรูหรา สง่างาม มีอุปกรณ์มาตรฐานมาให้อย่างเพียบพร้อม แม้ว่าจะขาดออปชันบางอย่างที่ ซี-คลาส รุ่นท็อปควรจะมี เช่น ไฟหน้าแบบ Digital Light, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ DISTRONIC และอื่นๆ แต่เมื่อแลกกับสมรรถนะเครื่องยนต์, ช่วงล่าง บวกกับความประหยัดน้ำมันแบบไม่ต้องง้อปลั๊กไฟ แถมยังให้อารมณ์การขับขี่ที่มีกลิ่นอายดิบๆ ตามฉบับเครื่องยนต์ดีเซลแล้วล่ะก็ เชื่อว่าแฟนๆ ที่ชื่นชอบเมอร์เซเดส-เบนซ์ก็คงไม่ต้องคิดนานแล้วล่ะครับ

ราคาจำหน่าย Mercedes-Benz C-Class 2022 (W206)

รุ่น C 220 d Avantgarde ราคา 2,590,000 บาท

รุ่น C 220 d AMG Premium ราคา 2,990,000 บาท