ตำรวจ ย้ำ จยย.ขับขี่อันตราย ทำผู้ใช้ถนนเดือดร้อน ดำเนินคดีและยึดรถแน่ – ไทยรัฐ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันที่ 10 พ.ย. 64 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจํานงค์ โฆษก ตร. เผยว่า จากกรณีที่มีการจับกุมแก๊งจักรยานยนต์ที่มาจากหลายพื้นที่มารวมตัวร่วมขบวน “ทริปไม่อาบน้ำ” ไปเที่ยวเขาค้อ-ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ ห้วง 6-7 พ.ย. 64 ที่ผ่านมา โดยแก๊งรถจักรยานยนต์กลุ่มดังกล่าว จะขับขี่เกาะกันมาเป็นกลุ่มๆ บางกลุ่มจะขับขี่ด้วยความเร็ว และขับขี่ด้วยความประมาทหวาดเสียวเต็มท้องถนน ส่งเสียงดังสนั่น แบบไม่สนใจใคร สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ร่วมใช้รถใช้ถนน อีกทั้งทำให้เกิดอุบัติเหตุ ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะหนึ่งในอุบัติเหตุนั้นก็คือ การที่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ (Big Bike) ได้ขับขี่ด้วยความเร็ว และเกิดการเฉี่ยวชนกัน จนทำให้รถเกิดเสียหลักไปชนท้ายรถยนต์เก๋งจนได้รับความเสียหาย ส่วนรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ถึงกับขาดออกจากกันเป็น 2 ท่อน ซึ่งหลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนที่มาด้วยกัน ได้ยกซากรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุขึ้นรถยนต์กระบะหลบหนีไป โดยไม่รอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ ส่วนผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 คน นั้น

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษก ตร. กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้คำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ผู้ใช้รถ ใช้ถนน โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการกำชับไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศหากพบการกระทำผิดกฎหมาย ให้ดำเนินคดีอย่างเข้มงวด เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และได้จัดตั้ง “ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปข.ตร.)” ขึ้นมาเพื่อปฏิบัติภารกิจที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องดังกล่าวให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และทันต่อสถานการณ์ โดยมี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. เป็น ผู้อำนวยการศูนย์

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการจับกุมดำเนินคดีกับกลุ่มรถจักรยานยนต์ไปแล้วหลายกลุ่มและบางคดีศาลยังมีคำพิพากษาให้ริบรถอีกด้วย จึงขอแจ้งเตือนไปยังกลุ่มผู้ขับขี่จักรยานยนต์ ที่มีพฤติกรรมสร้างความเดือดร้อนบนท้องถนน ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน และขอเตือนไปยังผู้ปกครอง ว่าอย่าได้ปล่อยปละละเลย และขอให้ช่วยทางเจ้าหน้าที่เป็นหูเป็นตาดูแลบุตรหลานของท่าน อย่าให้ออกมาสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น เพราะไม่ใช่แค่ ผู้ขับ และ ผู้ซ้อน ที่จะมีความผิดแต่กฎหมายยังเอาผิดกับตัวผู้ปกครองอีกด้วย

โดย “คนขับ” มีความผิดตาม มาตรา 43 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ – ผิด “ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย” จำคุก 3 เดือน ปรับสูงสุด 10,000 บาท, คุมประพฤติ, ทำงานบริการสังคม

“คนซ้อน” มีความผิดตาม มาตรา 86 ประมวลกฎหมายอาญา – ผิด “สนับสนุน” รับโทษ 2 ใน 3 ของคนขับ, คุมประพฤติ, ทำงานบริการสังคม

“ผู้ปกครอง” มีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ มาตรา 26(3) – บังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติ เสี่ยงต่อการกระทำผิด ผู้ปกครองอาจได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับสูงสุด 30,000 บาท


“ยึดรถ” ตามคำสั่ง คสช.ที่ 22/2558

ข้อ 1 ห้ามมิให้ผู้ใดรวมกลุ่มหรือมั่วสุมหรือจัดให้มีการรวมกลุ่มหรือมั่วสุมในลักษณะหรือโดยพฤติการณ์ที่น่าจะเป็นการนําไปสู่การแข่งรถในทางอันเป็นความผิดและต้องรับโทษตามกฎหมายว่าด้วยจราจรทางบกในกรณีที่มีเหตุตามวรรคหนึ่ง ให้เจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยจราจรทางบกหรือเจ้าพนักงานตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทาง มีอำนาจเข้าระงับ ยับยั้ง หรือดำเนินการใดๆ เพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำดังกล่าวได้ตามที่เห็นสมควรอำนาจเช่นว่านี้ให้รวมถึงการนํารถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่สงสัยว่าจะใช้ในการแข่งรถในทางมาเก็บรักษาไว้เป็นการชั่วคราวเพื่อการป้องกันหรือรักษาไว้เพื่อความปลอดภัยสาธารณะ จนกว่าลักษณะหรือพฤติการณ์ดังกล่าวจะสิ้นสุดลง

ทั้งนี้ หากท่านพบการกระทำความผิด ขอให้ท่านรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจในพื้นที่ใกล้ท่าน หรือ โทร.สายด่วน 191 หรือสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.