ตำรวจภาค 7 ทลายแก๊งรถซิ่งพุทธมณฑลสาย 4 “NA ดิวะ” หลังนัดแข่งทางไลน์

เมื่อเวลา 10.30 น. ของวันที่ 29 มีนาคม 2565 ที่สถานีตำรวจภูธรกระทุ่มแบน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข รอง ผบช.ภ.7/ผอ.ศปข.ภ.7, พล.ต.ต.อภิชาติ วรรณภักดิ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พร้อม พ.ต.อ.เสรีฐกาญจน์ จันทร์ด้วง ผกก.สภ.กระทุ่มแบน ร่วมกันแถลงผลการจับกุม กลุ่มวัยรุ่นขับขี่รถยนต์ประลองความเร็วบนถนนพุทธสาคร ในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของ สภ.กระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ตามที่ปรากฏในคลิปของเพจข่าวดัง “เฮียขับรถ”

พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่า สำหรับการจับกุมแก๊งรถซิ่งสาย 4 นี้ เป็นการจับกุมแบบยกแก๊งที่ใช้ชื่อว่า “NA ดิวะ” มีผู้กระทำความผิดทั้งหมด 11 คน โดยถูกจับกุมแล้ว 10 คน อยู่ระหว่างการติดตามตัวอีก 1 คน พร้อมรถยนต์ของกลาง แต่ในจำนวนนี้มีผู้ต้องหาที่ยอมรับสารภาพ 7 คน ส่วนอีก 3 คน อยู่ระหว่างการสู้คดีในชั้นศาล ซึ่งก็เชื่อได้ว่าท้ายที่สุดแล้วศาลจะดำเนินคดีกับผู้ที่เหลือได้อย่างแน่นอน เพราะด้วยหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอยู่นั้นสามารถนำไปสู่การดำเนินคดีตามกฎหมาย และตรวจยึดรถของกลางไว้ได้ทั้งหมด

พล.ต.ท.ธนายุตม์ กล่าวอีกว่า ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี, รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในเรื่องการป้องกันปราบปรามเกี่ยวกับการแข่งรถในทางสาธารณะ ซึ่งสร้างความเดือนร้อนแก่รถที่สัญจรไปมาและประชาชนที่พักอาศัยในบริเวณดังกล่าว จึงได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรภาค 7 ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีตามที่มีข้อมูลปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ ที่ได้นำเสนอคลิปการขับขี่รถในลักษณะคล้ายเป็นการแข่งขันรถยนต์บนถนนพุทธมณฑลสาย 4 ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2565 เวลาประมาณ 01.30 น. บริเวณถนนพุทธสาคร กม.5+900 หน้าร้านโชคชัยวัสดุก่อสร้าง ถ.พุทธสาคร อ.กระทุ่มแบน

และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตลอดเส้นทางที่กลุ่มรถยนต์ดังกล่าวใช้แข่งขัน และรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบว่า กลุ่มวัยรุ่นได้มีการนัดหมายแข่งรถกันทางแอปพลิเคชันไลน์ LINE ชื่อกลุ่ม “NA ดิวะ” มีผู้ทำหน้าที่แอดมินชักชวนบุคคลในกลุ่มให้มาประลองความเร็วและนัดหมายสถานที่ในการแข่งรถยนต์ ทั้งนี้ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจพิสูจน์ทราบพบยานพาหนะที่ใช้ในการกระทำความผิดและบุคคลที่เกี่ยวข้อง จากนั้นติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีจำนวน 11 คน พร้อมยึดรถของกลาง และส่งฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลแขวงสมุทรสาคร

โดยผู้ต้องหาที่ 1 ทำหน้าที่เป็นแอดมินกลุ่ม, ผู้ต้องหาที่ 2 ผู้ทำหน้าที่เป็นผู้ก่อตั้งกลุ่ม ทำหน้าที่แอดมิน และขับขี่รถยนต์เข้าร่วมแข่งขันรถในทางกับให้สัญญาณกระบองไฟ, ผู้ต้องหาที่ 3 ทำหน้าที่ใช้กระบองไฟให้สัญญาณปล่อยรถแข่งขัน โดยทั้ง 3 คนถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “เป็นผู้จัดให้มีการแข่งรถในทางเดินรถโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน, จอดรถกีดขวางจราจร, ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น และชุมนุมการทำกิจกรรมหรือการมั่วสุมกัน ณ สถานที่ใดๆ หรือการกระทำดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบตามประกาศของจังหวัดสมุทรสาคร”

ขณะที่ผู้ต้องหาที่ 4-10 ขับขี่รถยนต์เข้าร่วมแข่งขันรถในทาง ถูกตั้งข้อกล่าวหา -ในความผิดฐาน “ร่วมกันแข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานจราจร, จอดรถกีดขวางจราจร, ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น และชุมนุมการทำกิจกรรมหรือการมั่วสุมกัน ณ สถานที่ใดๆ หรือการกระทำดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบตามประกาศของจังหวัดสมุทรสาคร” แต่ผู้ต้องหาที่ 8-10 ยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา อยู่ระหว่างการดำเนินคดีในชั้นศาล

นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องหาที่ 11 ผู้ขับขี่รถยนต์เข้าร่วมแข่งขันรถในทาง ยังอยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี สำหรับผู้ต้องหาที่ให้การรับสารภาพทั้งหมดนั้นถูกศาลแขวงสมุทรสาครสั่งพิจารณาคดีแล้ว โดยผู้ต้องหาที่ 1 กักขัง 1 เดือน 15 วัน, พักใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ 6 เดือน, ผู้ต้องหาที่ 2-3 กักขัง 1 เดือน 15 วัน, พักใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ 6 เดือน และริบรถยนต์ของกลาง, ผู้ต้องหาที่ 4-7 กักขัง 1 เดือน 15 วัน, พักใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ 6 เดือน และริบรถยนต์ของกลาง ส่วนผู้ต้องหาที่ 8-10 อยู่ระหว่างดำเนินคดี (เนื่องจากผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ)

พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 กล่าวอีกว่า จากกรณีการแข่งรถในทางนี้ ตนก็จะได้มีการสั่งการในภาพรวมของตำรวจภูธรภาค 7 ทั้ง 8 จังหวัด โดยจะสั่งให้ทุกจังหวัดในพื้นที่ความรับผิดชอบของภาค 7 ยกระดับการป้องกัน มีการสืบสวนก่อนเกิดเหตุ มีการเฝ้าระวังในแอดมินเพจต่างๆ และสิ่งสำคัญคือมีการประชาสัมพันธ์ในเชิงรุกให้กับประชาชนและพี่น้องทุกภาคส่วนทราบว่าหากพี่น้องประชาชนพบเห็นกลุ่มบุคคลที่มีการรวมกลุ่มกันหรือมีการนัดแนะกันเพื่อการประลองแข่งรถในทางเช่นนี้ สามารถแจ้งมาได้ที่สายด่วน 1599 หรือ 191 หรือสามารถส่งคลิปวิดีโอหลักฐานมาทาง เพจเฟจบุ๊ก “ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร.” ได้ตลอด 24 ชม. โดยจะมีเงินรางวัล 3,000 บาท ให้กับผู้แจ้งในกรณีที่มีการจับกุมได้ ขณะที่ภาคตำรวจเองก็มีแผนปฏิบัติการในการป้องกันการแข่งรถในทางทุกเส้นทางทั้งแผน 9 สกัดจับ และแผนเฝ้าระวังเหตุ

ผบช.ภ.7 กล่าวด้วยว่า ทางตำรวจยังมีการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ และการรับเรื่องร้องเรียนจากทุกช่องทางอีกด้วย พร้อมกันนี้ก็จะส่งฝ่ายสืบสวนไปทำการพิสูจน์ทราบตัวบุคคลโดยละเอียดเพื่อนำผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี และเรื่องนี้ถึงแม้ไม่ใช่อาชญากรรมร้ายแรง แต่ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญที่เป็นนโยบายในการดูแลความสงบสุขและความปลอดภัยทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่ ซึ่งถ้าผู้กระทำผิดเป็นเด็กนั้นทางผู้ปกครองจะต้องถูกดำเนินคดีด้วย และจะขอให้ศาลสั่งริบรถทุกรายถือเป็นมาตรการเด็ดขาดสำหรับผู้ที่กระทำความผิด จึงขอฝากถึงน้องๆ เยาวชน และกลุ่มวัยรุ่น รวมถึงผู้ที่กระทำความผิดด้วยการนำรถมาแข่งในทางสาธารณะสร้างความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนนั้น ให้เลิกพฤติกรรมดังกล่าว เพราะนอกจากจะสร้างความเดือดร้อนรำคาญ หรือก่อให้เกิดอันตรายต่อตนเองและผู้อื่นแล้ว ผู้ที่กระทำผิดยังจะต้องได้รับโทษทางกฎหมายและต้องถูกยึดรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์อีกด้วย.