HFTลุยพรีเมียมแบรนด์ บุกปากีสถาน2ล้อเพียบ

#HFT #ทันหุ้น – HFT ยิ้มบาทอ่อนค่า-ต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวลดลง เป็นผลบวกหนุนมาร์จิ้นในช่วงครึ่งปีหลังขยับขึ้น เดินหน้าขยายตลาดพรีเมียมแบรนด์ พร้อมรุกปากีสถานชี้ใช้มอเตอร์ไซค์เป็นอันดับ 4 ของโลก ส่วนสินค้าพรีเมียม Tubeless แล้วเสร็จในไตรมาส 4/2565

นายจวง จื้อ เหยา รองประธานกรรมการ บริษัท ฮั้วฟงรับเบอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ HFT ธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางจักรยาน และจักรยานยนต์ เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2565 อาจมีความแตกต่างจากไตรมาส 2/2565 ที่มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 907.62 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 119.05 ล้านบาท ไม่มากนัก แม้ว่าธุรกิจยอดคำสั่งซื้ออาจไม่สูงมากนัก ตามสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว แต่ด้วยการปรับขึ้นราคาขายทั้งในส่วนยางจักรยานและยางมอเตอร์ไซค์ และมองว่าไม่มีอะไรน่ากังวลใจเพราะได้ผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 1/2565 ไปแล้ว

*อัพมาร์จิ้น

อีกทั้ง บริษัทยังได้รับอานิสงส์จากปัจจัยเงินบาทที่อ่อนค่าในตอนนี้ ทำให้บริษัทได้รับผลดีจากการส่งออกสินค้า เนื่องจากปัจจุบันบริษัทไม่ได้ซื้อประกันความเสี่ยงค่าเงิน และเลือกใช้การป้องกันความเสี่ยงธรรมชาติ ซึ่งบริษัทมีสัดส่วนการส่งออกมากกว่าการนำเข้าดังนั้นอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าจึงส่งผลดี

นอกจากนี้ ด้วยราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลงในปัจจุบันยังทำให้บริษัทมีแนวโน้มมาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย เพราะการผลิตในขณะนี้ยังเป็นการใช้วัตถุดิบคงคลังล็อตเก่า และคาดว่าจะใช้วัตถุดิบล็อตใหม่ที่มีราคาต่ำกว่าในไตรมาส 4/2565 เป็นต้นไป ดังนั้นอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิในครึ่งปีหลังอาจดีกว่าครึ่งแรกที่17.04% และ11.88% เล็กน้อย

@ลุยพรีเมียมแบรนด์

ด้วยสถานการณ์สต๊อกของลูกค้าเพิ่มสูงมากเกินไป เนื่องจากยังคงติดปัญหารอชิ้นส่วนการผลิต ที่จะสังเกตได้ว่าสินค้าสำเร็จรูปยังคงออกมาน้อย ทำให้ในอนาคตอันใกล้ออเดอร์อาจจะลดลงบ้าง อัตรากำลังการผลิตลดลงมาเหลือที่ราว 80-90% จากปัจจุบันที่ใช้เต็มกำลังผลิตที่ 100% แต่มองว่าเป็นเรื่องที่ดี ทำให้ไม่ต้องมีการลงทุนใหม่ในระยะนี้ที่เศรษฐกิจยังไม่แน่นอน และจะใช้จังหวะนี้เดินหน้าขยายตลาดไปสู่พรีเมียมแบรนด์ที่ได้ติดต่อเข้ามายังบริษัท ซึ่งเป็นบริษัทที่จับตลาดระดับบนและยังมีการสำรองสต๊อกที่น้อยอยู่ โดยมูลค่าของสินค้าพรีเมียมแบรนด์นั้นจะสูงกว่าราคาสินค้าปกติตั้งแต่ระดับ 20-100% เลยทีเดียว

ขณะที่การขยายไปสู่ตลาดมาเลเซียมากขึ้นของยางที่ใช้ในรถมอเตอร์ไซค์นั้น ต้องยอมรับว่าปริมาณการการจำหน่ายอาจปรับตัวลดลงจากเป้าหมายเดิมที่วางไว้ประมาณ 20-25% แต่คาดว่าในปี 2566 จะกลับมามีการเติบโตได้อย่างโดดเด่น เนื่องจากบริษัทได้มีการกลยุทธ์รุกไปขยายไลน์ส่วนที่เป็นงานหลังการขายมากขึ้น รวมถึงได้มีการทำการตลาดใหม่ๆ เพิ่มเติมอีกด้วย ในส่วนของผลิตภัณฑ์ยางนอกจักรยานที่ไม่มียางใน (Tubeless) ซึ่งเป็นสินค้าที่ให้มาร์จิ้นที่ค่อนข้างสูง ปัจจุบันมีที่อยู่ระหว่างการพัฒนาหลายรายการ คาดว่าในไตรมาส 4/2565 จะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น และสามารถจำหน่ายได้ในไตรมาส 1/2566 เป็นต้นไป

**ขยายตลาดใหม่

พร้อมกันนี้ บริษัทยังคงมีความสนใจในขยายการลงทุนในธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักอย่างต่อเนื่อง โดยเปิดโอกาสในการศึกษาโปรเจ็กต์ใหม่ๆ ตลอด ไม่ว่าจะทั้งรูปแบบของการควบรวมกิจการ (M&A) การร่วมทุน (JV) หรือการหา Synergy ร่วมกันกับพันธมิตรที่มีศักยภาพใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยในตอนนี้บริษัทมีโปรเจ็กต์ที่อยู่ระหว่างพูดคุยกันอยู่ร่วมกับพันธมิตรรายใหญ่จากไต้หวัน ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สอดรับกับกระแสรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เบื้องต้นก็คาดหวังว่าอย่างน้อยในช่วงปลายปี 2565 อาจได้ข้อสรุปไม่น้อยกว่า 1 ดีล

ขณะเดียวกันบริษัทก็มีความสนใจเข้าไปขยายตลาดส่งออกประเทศใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะปากีสถาน ที่เป็นประเทศที่มีการใช้รถมอเตอร์ไซค์สูงติดอันดับที่ 4 ของโลก รองจากประเทศจีน อินเดีย และอินโดนีเซีย ทั้งนี้ ปากีสถานเป็นตลาดที่มีความน่าสนใจมาก เพราะมีผู้ผลิตและส่งออกไปยังตลาดดังกล่าวไม่มากนัก ผลิตภัณฑ์ยางล้อยังไม่หลากหลายเท่ากับประเทศอื่นๆ ทำให้มองว่ามีการแข่งขันที่น้อยกว่ากลุ่มประเทศหลัก 3 อันดับแรกที่กล่าวไป เบื้องต้นอยู่ในขั้นตอนของการศึกษา อาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งจึงจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน