จากกรณี เมื่อเวลา 00.05 น. ของวันที่ 9 ก.ย.65 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คลองตัน ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงด้วยอาวุธปืนบาดเจ็บบริเวณขา ภายในซอยเอกมัย 30 ในชุมชนนวลจิต แยก 2 ซึ่งชาวบ้านคาดว่าเป็นคู่อริของกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้
วันที่ 12 ก.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี มีโอกาสเข้าไปพูดคุยกับนายหรั่ง (นามสมมติ) เพื่อนร่วมงานผู้บาดเจ็บ บอกกับทีมข่าวว่า นายแม็คเคยทำงานกับตนมานานกว่า 2 ปี ซึ่งที่ผ่านมาก็นับถือกันเหมือนพี่น้อง ในมุมมองของการทำงาน นายแม็ค ผู้บาดเจ็บ ก็เป็นคนขยันทำงาน และค่อนข้างอัธยาศัยดี ซึ่งปกติแล้วก็ไม่เคยเห็นว่ามีเรื่องบาดหมาง หรือทะเลาะวิวาทกับใคร และแม้ว่าจะออกจากที่ทำงานไปแล้ว ก็ยังแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนกันเป็นประจำ
ส่วนประเด็นเรื่องที่นายแม็ก ผู้บาดเจ็บถูกยิงที่บริเวณขา ตนก็เพิ่งทราบข่าวแล้วก็รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากการดูภาพกล้องวงจรปิดที่พบว่ามีผู้ก่อเหตุมากกว่า 3 คน ถือปืนเข้ามายิงก็มองว่าอุกอาจ และน่ากลัวเกินไป และก็ยังไม่ได้ติดต่ออะไรกัน เพราะเหมือนว่าโทรศัพท์ของนายแม็คจะเสีย ส่วนปมสาเหตุของการลงมือยิงของกลุ่มวัยรุ่น ตนไม่ทราบว่านายแม็คหรือไม่ แต่คาดว่าอาจจะเป็นการยิงผิดตัว
ขณะที่นางสาวมาลี (นามสมมติ) ญาติผู้ก่อเหตุ เปิดใจว่า ยอมรับว่าผู้ก่อเหตุ ที่ไปบุกยิงกลางซอยเอกมัย 30 คือลูกหลานของตน ซึ่งยอมรับว่าทำผิด แต่อยากให้ฟังถึงเหตุผล และสาเหตุของการไปยิง เนื่องจากก่อนเกิดเหตุยิงที่ซอยเอกมัย 30 มีกลุ่มวัยรุ่นแต่งตัวเป็นไรเดอร์ขี่รถมอเตอร์ไซค์มา 2 คัน คันละ 2 คน ซึ่งมาถามร้านค้าแถวนี้ว่ามีคนชื่อแดงกับมาร์คหรือไม่ ซึ่งในชุมชนนี้มันก็มีหลายคนที่ชื่อมาร์คกับแดง ตอนนั้นตนกำลังยืนล้างจานอยู่ แต่พอเหมือนกลุ่มวัยรุ่นรู้ว่าคือบ้านหลังที่ตนอยู่ ก็มีการยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัด
ตอนนั้นทุกคนตกใจ และวิ่งหนีหลบเข้าบ้านกันหมด โดยกลุ่มคนก่อเหตุ รัวปืนมาทางบ้านตน ประมาณ 11 นัด แล้วขี่มอเตอร์ไซค์หนี ซึ่งโชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่กระสุนปืนถูกเสาอากาศหัก และตนก็เก็บปลอกกระสุนบางส่วนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว หลังจากนั้น กลุ่มวัยรุ่นในชุมชนก็เริ่มมารวมตัวกัน เพราะวงสัยว่าใครมายิง แต่พอถามนายแดงกับนายมาร์คว่าเคยมีปัญหาหรือมีคู่อริกับใครหรือไม่ เจ้าตัวก็บอกว่าเคยมีเรื่องเขม่นกันในผับ กับกลุ่มวัยรุ่นซอยเอกมัย 30 คือนายบอมกับนายแก้ว แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกัน
แต่ครั้งนี้จึงเชื่อได้ว่าคือคนกลุ่มนี้ เด็กวัยรุ่นมันเลยไปเอาคืนที่ซอยเอกมัย 30 โดยตั้งใจจะไปเคลียร์กับนายบอมว่ามายิงทำไม แต่ตอนไปถึง พวกคนเจ็บก็เหมือนมีกันหลายคน และเหมือนรู้ว่าฝั่งพวกซอยปรีดีพนมยงค์ 45 จะไปเอาคืน หลังจากเกิดเหตุ ตนก็รีบเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ทางตำรวจก็มาเค้นถามถึงผู้ก่อนเหตุยิง แต่ไม่มีการสืบหาผู้ก่อเหตุที่มากราดยิงในชุมชนซอยปรีดีพนมยงค์ 45 ก็มองว่าไม่ได้รับความยุติธรรม เพราะก็ผิดด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย ถ้าฝั่งซอยเอกมัย 30 ไม่มาเปิดฉากยิงก่อน ฝั่งนี้ก็คงไม่มีใครไปทำอะไร แล้วตำรวจยังมาพูดกับตนอีกว่าที่เหตุรัวยิง 11 นัด ก็ไม่มีคนเจ็บหรือคนตาย ตนก็มองว่าพูดแบบนี้ไม่ถูกต้อง วันนั้นก็มีคนเฒ่าคนแก่และเด็กอยู่ แต่เขาหลบทัน ถ้าสมมติมาก่อนเหตุตอนหัวค่ำ ก็เชื่อว่าจะต้องมีศพเกิดอย่างแน่นอน เพราะรัวยิงตั้ง 11 นัด
ในส่วนของผู้ก่อเหตุ ตอนนี้ยังติดต่อหลาน ๆ ไม่ได้ ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน ซึ่งอยากให้ตำรวจเร่งติดตามคนที่มากราดยิงที่บ้านมาดำเนินคดีด้วย แล้วตนจะช่วยประสานผู้ก่อเหตุเข้ามอบตัว โดยหลังเกิดเหตุยังคงมีความหวาดกลัว เพราะคิดว่าพวกซอยเอกมัย 30 จะต้องมาเอาคืนแน่ ๆ จึงอยากบอกวันรุ่นกลุ่มนั้นว่าให้ต่างฝ่ายต่างอยู่ และด้วยเศรษฐกิจแย่ ๆ เดี๋ยวนี้เขาแข่งกันทำมาหากิน ไม่มีใครเขามาแข่งยิงนับศพกันแล้ว
พ.ต.อ.สมศักดิ์ มงคลคุณากร ผกก.สน.คลองตัน ให้ข้อมูลวว่า เบื้องต้นได้มีการเตรียมออกหมายจับ ผู้ก่อเหตุ 2 คน ตามภาพกล้องวงจรปิด ส่วนผู้ก่อเหตุอีก 1 คน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบเพื่อระบุตัวตนก่อนที่จะออกหมายจับตามทีหลัง ซึ่งหมายจับจะออกในวันพรุ่งนี้ คือนายแดง กับนายมาร์ค
ในส่วนของผู้บาดเจ็บตอนนี้อาการดีขึ้นปลอดภัยแล้ว ทางพนักงานสอบสวนจะมีการประสานไปยังโรงพยาบาล เพื่อติดตามอาการบาดเจ็บและขอเข้าสอบปากคำ แต่ทางตำรวจยังไม่ได้รายงานผลการสอบปากคำว่ามีปมสาเหตุมาจากเรื่องอะไร ประเด็นเรื่องญาติผู้ก่อเหตุออกมาโต้กรณีถูกฝั่งผู้บาดเจ็บมาก่อเหตุกราดยิงในพื้นที่ซอยปรีดีพนมยงค์ 45 ก่อนที่จะมีการเปิดฉากยิงในซอยเอกมัย 30 นั้น ทางเจ้าที่ตำรวจขอให้ชุดสืบสวนเป็นผู้ตรวจสอบว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่มีรายงาน
ส่วนข้อหาที่จะมีการแจ้งผู้ก่อเหตุ ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ร่วมกันมีและครอบครองอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพกพาอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรและไม่ได้รับอนุญาต, รวมกันยิงปืนใช้ดินระเบิดปืน ในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรและไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนรู้ตัวแล้วซึ่งคาดว่าจะได้ตัวในวันพรุ่งนี้