ไปรษณีย์ไทย บู๊กลับคู่แข่งตัดราคา เล็งจับมือพันธมิตร ส่งของชิ้นเบิ้มๆถึงบ้าน

ไปรษณีย์ไทย บู๊กลับคู่แข่งตัดราคา เล็งจับมือพันธมิตร ส่งของชิ้นเบิ้มๆถึงบ้าน คาดปีนี้โกยรายได้ 500 ลบ.

เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม นายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เปิดเผยว่า บริการอีเอ็มเอสเป็นที่ยอมรับในด้านคุณภาพ ด้านความเร็ว ความสะดวก และครอบคลุม รวมทั้งไม่มีข้อจำกัดในด้านการให้บริการทุกที่ทั่วประเทศ โดยในปี 2565-2567 คาดว่าขนาดตลาดขนส่งด่วน จะมีอัตราเติบโตโดยเฉลี่ย 11.23% ต่อปี โดยปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของกลุ่มลูกค้าอีคอมเมิร์ซ โดยเฉพาะการขายผ่านโซเชียลมีเดีย ในรูปแบบโซเชียลคอมเมิร์ซ และผ่านอีมาร์เก็ตเพลส ไปรษณีย์ไทยจึงให้ความสำคัญกับความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้บริการ และพร้อมพัฒนารูปแบบการให้บริการให้สามารถตอบโจทย์

ขณะที่ การแข่งขันด้านค่าบริการอีเอ็มเอสนับวันยิ่งดุเดือด ไปรษณีย์ไทยจึงหันมาให้ความสำคัญเพื่อสร้างคุณภาพการให้บริการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ด้วยจุดแข็ง คือ สามารถส่งของได้ทุกประเภทตั้งแต่ชิ้นเล็กไปจนถึงชิ้นใหญ่ ขนาดและรูปร่างที่หลากหลาย ดังนั้น ที่ทำการไปรษณีย์จึงมีบรรจุภัณฑ์ให้เลือกหลากหลาย เหมาะสมกับสินค้าแต่ละประเภท เช่น กล่องสำหรับใส่ผลไม้, กล่องทำมือที่สามารถประกอบเข้ากับรูปร่างของสินค้า เป็นต้น เมื่อมีการบรรจุภัณฑ์ที่ดีช่วยให้การขนส่งมีคุณภาพ สินค้าไม่เสียหาย ส่วนสินค้าที่มีมูลค่าสูง จัดให้มีบริการคัดแยกแบบมีกล้องวงจรปิด และมีพนักงานเฉพาะ ทำให้ไตรมาสแรกปี 2565 มีปริมาณชิ้นงานร้องเรียน หรือตกค้าง เสียหาย ลดลง 46% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2564

“หลังรัฐบาลปลดล็อกมาตรการป้องกันโควิด ทำให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยนอกบ้านเพิ่มขึ้น กระทบต่อตลาดโลจิสติกส์เริ่มมีบทบาทลดลง ท่ามกลางการแข่งขันด้านราคารุนแรง ไปรษณีย์ไทยจึงใส่ใจเรื่องคุณภาพควบคู่กับการสร้างบริการใหม่ๆ โดยในเดือนตุลาคม 2565 จะร่วมมือกับผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอร์รี่ แต่ขอไม่เปิดเผยรายละเอียด นอกจากนี้ ยังเตรียมจับมือกับหน่วยงานรัฐ เพื่อใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในการขนส่งสินค้าร่วมกัน และเพื่อลดการทำงานซ้ำซ้อน เช่น การส่งสินค้ากับรถทัวร์ รถไฟ เรือ เป็นต้น โดยไปรษณีย์ไทยจะทำหน้าที่ขนส่งสินค้าจากสถานีปลายทางไปยังบ้านเรือน” นายดนันท์ กล่าว

นายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท)

นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยจะเร่งขยายจุดให้บริการ จากปัจจุบันมีกว่า 11,000 จุด ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยเน้นเพิ่มจุดให้บริกาอีเอ็มเอส พ้อยท์ ทั้งในย่านชุมขนและเขตเมือง โมเดิร์นเทรด ศูนย์บริการเอ็นที ซึ่งนำร่องไปแล้ว 60 แห่ง เพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมสินค้าในชุมชนมากที่สุด และลดอัตราการเข้ารับสินค้าถึงบ้าน

“สัดส่วนรายได้หลักของไปรษณีย์ไทย มาจากการส่งพัสดุ 40% คาดว่าปีนี้จะลดลง 3-4% จึงต้องเร่งหารายได้เสริม อาทิ จากกลุ่มรีเทล ที่เดิมมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 10% ให้เป็น 15% ในปีนี้ ผ่านการขายสินค้าชุมชนที่อยู่บนเว็บไซต์ไทยแลนด์โพสต์มาร์ท มีสัดส่วน 40% การขายสินค้าผ่านศูนย์ไปรษณีย์ไทย และการขายผ่านบุรุษไปรษณีย์ มีสัดส่วน 60% ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มรายได้ปีนี้จาก 300 ล้านบาท เป็น 500 ล้านบาท” นายดนันท์ กล่าว

ขณะเดียวกัน ยังวางแผนในการรุกตลาดอีวี โดยไปรษณีย์ไทยมีการนำรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 250 คัน มาใช้สำหรับการขนส่งไปรษณียภัณฑ์ ซึ่งคาดว่าจะช่วยประหยัดทรัพยากรได้เพิ่มขึ้นกว่า 30% และเชื่อว่าหากมีจำนวนการใช้ที่มากขึ้นในอนาคต จะช่วยสร้างระบบนิเวศน์ยานยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นต้นแบบของผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดย

ซึ่งล่าสุด จับมือกับ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (โออาร์) ดำเนินโครงการทดสอบยานพาหนะไฟฟ้าสำหรับขนส่งสินค้าและพัสดุ ระหว่างโออาร์ และไปรษณีย์ไทย นำร่องการใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อขนส่งสินค้าและพัสดุ กับฮอนด้า ดังนั้น เมื่อไปรษณีย์ไทยมีความเชี่ยวชาญ ก็พร้อมจะต่อยอดบริการเช่ามอเตอร์ไซต์ไฟฟ้ากับกลุ่มไรเดอร์ต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: ปณท ปรับลุค สู้แข่งเดือดโลจิสติกส์ไทย

QR Code LINE @Matichon

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก

Line @Matichon ได้ที่นี่

LINE @Matichon