โรลส์-รอยซ์ โกสต์ เปลี่ยนเถ้าแก่ให้เป็น…ไฮโซ – ประชาชาติธุรกิจ

เทสต์คาร์  อมร พวงงาม    

คุณพี่กฤษฎา สวามิภักดิ์ ผู้จัดการทั่วไป โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คารส์ แบงคอกชักชวนให้ไปลองสัมผัส โรลส์-รอยซ์ โกสต์ ตัวล่าสุดที่เพิ่งปรับปรุงใหม่

เที่ยวนี้เติมเต็มความต้องการของลูกค้าแบบล้นทะลัก

คืออยากจะบอกว่า ยนตรกรรมราคาตั้งเกือบ 40 ล้านบาท ของเดิมก็สุดยอดอยู่แล้ว แต่เจ้า “โกสต์” เจน 2 ซึ่งเป็นรุ่นฐานล้อยาว มีของดี ๆ ของอร่อย ของสนุก ใส่เข้าไปอีกเพียบ

ตามคอนเซ็ปต์ “เดอะเบสต์คาร์อินเดอะเวิลด์” หรือ “ยนตรกรรมที่ดีที่สุดในโลก” ของโรลส์-รอยซ์ ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่ปี 1904

วิศวกรของโรลส์-รอยซ์ ยึดมั่นหลักในการผลิตรถว่า ถ้ายังไม่ดีก็ต้องพัฒนาต่อไปให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น

จึงไม่น่าแปลกใจว่า โรลส์-รอยซ์ แต่ละคันใช้เวลาผลิตมากกว่า 6 เดือนตั้งแต่ลูกค้าเริ่มตัดสินใจซื้อ ทุกกระบวนการในการผลิตใช้มือล้วน ๆ

หลายคนที่เคยไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตที่เมืองกู๊ดวู้ด ประเทศอังกฤษ เดินเข้าไปในโรงงาน จะงง ๆ นึกว่าหยุดงาน เงียบราวป่าช้า แต่โรงงานสะอาดสะอ้าน พื้นขาว ไม่มีฝุ่น คนก็น้อย และแต่ละไลน์แต่ละจุดจะใช้เวลาทำค่อนข้างนาน เพราะต้องการงานคุณภาพ

ย้อนกลับไปดูไทม์ไลน์ของโรลส์-รอยซ์กันสักนิด

บีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ปได้สิทธิแบรนด์โรลส์-รอยซ์ เมื่อปี 1998

ปี 2002 ก็ไปสร้างโรงงานที่เมืองกู๊ดวู้ด โรงงานที่ทันสมัยใหม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปี 2003 เริ่มคลอด “แฟนธอม” เจเนอเรชั่นที่7 ออกมาก่อน พอ ปี 2010 มี “โกสต์” รุ่นแรกออกมาภายใต้โรงงานกู๊ดวู้ดแห่งนี้

ตอนนี้โรลส์-รอยซ์ มีด้วยกัน 5 รุ่น เมืองไทยเอาเข้ามาทำตลาดทั้งหมด
ตั้งแต่ โกสต์, เรธ, ดอว์น, แฟนธอม รวมทั้งอัครเอสยูวี “คัลลิแนน” และที่กำลังตามเทรนด์ของโลกเร็ว ๆ นี้ก็คือ “ไซเลน ชาร์โด” รถยนต์ไฟฟ้า 100%

ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โรลส์-รอยซ์ขายรถไปแล้วกว่า 1.5 หมื่นคัน

ตรงนั้นผมว่ายังไม่น่าแปลกใจ แม้ว่าราคาแต่ละคันจะทะลุ 30 ล้านอัพ แต่ที่น่าตกใจ คือ เจ้าของโรลส์-รอยซ์ ปัจจุบันมีอายุเฉลี่ยน้อยลง

จากการสำรวจล่าสุดพบว่า อยู่ราว ๆ 30 กว่า ๆ จากเดิม 55 ปีเป็นอย่างต่ำ

ดังนั้น อายุที่น้อยลงนี่เอง ที่ทำให้วิศวกรของโรลส์-รอยซ์ จำเป็นต้องหาของใหม่ ๆ มาเติมเต็มความต้องการลูกค้าจากเถ้าแก่มาเป็นไฮโซ

มาดูกันครับว่า อะไรที่เปลี่ยนไปบ้าง

รูปทรง ถ้าไม่เปรียบเทียบดูแทบไม่ออกว่าแตกต่าง

ตรงนี้เป็นความต้องการ ที่จะให้ลูกค้าที่ครอบครองก่อนหน้าไม่รู้สึกว่าที่ใช้งานอยู่ “เอาต์” ซะแล้ว

เริ่มจากฐานล้อยาวขึ้น 17 ซม. กระจังหน้า ไฟหน้า ปรับเปลียนมีเหลี่ยมมุมมากขึ้น มองผ่าน ๆ ดูไม่ออกว่าเปลี่ยน แต่ข้อมูลจากโรงงานบอกว่าเปลี่ยนไปเกือบ 100% ยกเว้น 2 อย่าง คือ นางฟ้ากับร่ม

สิ่งที่เปลี่ยนคือ กระจังหน้าเรืองแสง เวลาทำงานร่วมกันเดย์ไทม์รันนิ่งไลต์ ก็จะเรืองแสงไปทั้งด้านหน้าถ้าไม่ชอบ ปิดได้นะครับ มาพร้อมไฟเลเซอร์ ส่องสว่างได้ไกลและสวยด้วยไฟสูงส่องได้ไกลถึง 600 เมตร

นางฟ้าหน้ารถยังอยู่ แต่เปลี่ยนตำแหน่งมาอยู่ตรงฝากระโปรง รุ่นก่อนฐานนางฟ้าจะอยู่บนกระจังหน้า แต่รุ่นนี้รุ่นเข้าไปทำให้ดูเหมือนนางฟ้าลอยอยู่ตลอดเวลา แต่สามารถหดลงไปได้เหมือนเดิม ทำให้ฝากระโปรงดูเนียนขึ้น

ดีไซน์ หากมองจากด้านข้างจะเห็นเส้นสายที่มีอยู่ 3 เส้น เส้นแรก แนวหลังคา ลากจากด้านหน้ายาวมาพอถึงเสาซีจะลาดลงอย่างรวดเร็ว เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวของเจ้าของรถ และดูเป็นสปอร์ตมากขึ้น เส้นไหล่ เส้นนี้จะบอกบุคลิกของตัวรถ รถคันใหญ่จริงแต่มีความสง่างาม และเส้นสุดท้าย เริ่มตั้งแต่ไฟหน้า ผ่านข้างตัวถังไปจนถึงไฟท้าย กลมกลืนสวยงามลงตัว

แต่ถ้าลูกค้าอยากได้เพิ่มอีกสักเส้นก็สามารถทำได้ เส้นสายพวกนี้ต้องใช้พู่กันวาด ตอนนี้คนวาดของโรลส์-รอยซ์ มีอยู่ 1 คนครึ่ง สงสัยใช่ไหม ?? อีกครึ่งคือ ลูกชาย กำลังฝึกลูกอยู่ ตัวพ่อคุณมาร์คอตอายุเยอะแล้วมือเริ่มสั่น

ถัดมาโครงสร้างตัวถัง เป็นอะลูมิเนียม โกสต์เจนแรกก็ใช้ แต่ตัวใหม่นี้เป็นอะลูมิเนียมเกรดที่ใช้ทำอากาศยาน จริง ๆ โครงสร้างตัวถังนี้อยู่ในแฟนธอม แต่ตอนนี้เอามาใส่ในโกสต์ด้วย ถามว่าดีกว่ากันอย่างไร คำตอบคือ แข็งแกร่ง แข็งแรง ลดอาการบิดตัว

โรลส์-รอยซ์ น้ำหนักประมาณ 2.5 ตัน เวลาวิ่งจะมีแรงกด แรงกระแทกโครงสร้างตัวถังต้องทนทาน เกรดนี้เบาแต่ให้ตัว เพราะฉะนั้นช่วยลดอาการบิดงอ

ตัวบอดี้ก็เป็นอะลูมิเนียม ดังนั้น ขั้นตอนการผลิตต้องพิเศษจริง การเชื่อมอะลูมิเนียมต้องใช้เทคโนโลยีพิเศษ จึงทำให้การเคลื่อนที่นุ่มนวล เหมือนรถลอยได้ ขุมพลังยังเป็นตัวเดิม เครื่องยนต์ V12 ไดเร็กต์อินเจ็กชั่น ทวินเทอร์โบ 563 แรงม้า แรงบิดเพิ่มจาก 820 เป็น 850 นิวตัน/เมตร

แรงม้าไม่เปลี่ยนแต่แรงบิดเปลี่ยน รอบมาเร็วขึ้นที่ 1,600 รอบต่อนาที เกียร์แซดเอฟ 8 สปีด นุ่มนวลทุกจังหวะ เปลี่ยนฝาครอบเครื่องใหม่ หน้าตาไฉไลขึ้น เครื่องยนต์นิ่งมาก เอาเหรียญสิบวางไม่มีหล่น ที่เพิ่มเข้ามาอีกตัวคือ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ก่อนหน้านี้แค่ 2 ขับหลังอย่างเดียว

ความพยายามที่อยากจะให้รถนิ่งมากกว่าเดิม จำเป็นต้องเพิ่มแรงบิดที่ล้อหน้าด้วย จะไม่ทำให้ไม่เกิดอาการถ่ายน้ำหนัก ขับเท่ากันเลย 50/50 นิ่งตลอดเวลา

ความพิเศษอีกอย่างคือ เลี้ยว 4 ล้อ ล้อหลังเลี้ยวด้วย ถ้าความเร็วไม่ถึง 70 กม./ชม. เลี้ยวตรงข้ามเพื่อให้มุมเลี้ยวแคบมากขึ้น ส่วนถ้าเกิน 70 กม./ชม. เลี้ยวไปทิศทางเดียวกัน เพื่อการเปลี่ยนเลนที่ง่ายขึ้น

ระบบช่วงล่างเป็นถุงลม ของเดิมก็แจ๋วอยู่แล้ว แต่ตัวใหม่ดีขึ้นอีก มีอิเล็กทรอนิกส์เข้าไปควบคุม

เหล็กกันโครงเป็นไฟฟ้า ทำงานละเอียดขึ้น มีแซตเทลไลต์เอจ เลือกเนวิเกชั่นให้นำทางก่อน หลังจากนั้นมีจีพีเอสจับเส้นทางแล้วส่งกลับมาปรับทั้งช่วงล่างและเกียร์ ให้สอดรับกับสภาพการขับขี่

ยังมีเรดาร์หน้ารถ ผสมผสานกันใช้เวลาคำนวณเร็วมาก 0.025 วินาทีในการประมวลผล เพื่อปรับทุกอย่างให้สอดรับการสภาพถนน

ไม่มีโหมดให้ปรับเปลี่ยน ทุกอย่างอยู่ที่เท้าขวาอย่างเดียว

คอนโทรลด้วยเท้าขวา ถ้าคลิกดาวน์เมื่อไหร่ ทุกอย่างมาหมด กำลังความหนืดพวงมาลัย โรลบาร์ไฟฟ้าปรับได้หลายระดับ ช่วยดูดซับแรงกระแทก

ทำงานร่วมกับโช้กอัพไฟฟ้า ลดการสั่นสะเทือนจากแรงบิดของล้อหน้า

มาถึงความสะดวกสบาย ประตูเปิดแบบตู้กับข้าวเหมือนประตูรถไม้ก้าวขึ้นรถง่ายมาก ดูสง่างาม มือเปิดประตูเป็นไฟฟ้า ด้านในเป็นมือดึงปล่อยเมื่อไหร่หยุด มีตัวป้องกันเป็นเซ็นเซอร์ลดอุบัติเหตุ ส่วนด้านนอกออโตกดครั้งเดียว

แผงหน้าปัด สุดคลาสสิก ด้านขวาเป็นมาตรวัดที่เป็นเอกลักษณ์ 3 วง ด้านซ้ายติดตั้งดวงดาวบนคอนโซลหน้า

เป็นไฟเรืองแสง ตรงนี้ถือเป็นงานศิลปะชั้นเอกต้องฉลุกว่า 9 หมื่นรู ความเข้มของแสงที่เรืองออกมาไม่เท่ากัน

ปรากฏเป็นดาวจำนวน 850 ดวงดาว ทำด้วยไฟเบอร์ออปติก สามารถเลือกใส่ชื่อคนรัก หรือจะทำเป็นสัญลักษณ์ประจำราศี

แอบกระซิบให้ฟังนิดนึงราคาประมาณ 1.1 ล้านบาท ส่วนที่หลังคามีดวงดาวอยู่แล้ว 1,300 กว่าดวง แถมยังมีดาวตกอีก 25 แพตเทิร์นทุก ๆ 8 วินาที (ถ้าเบื่อหรืออารมณ์ไม่ดีปิดได้)

ลายไม้ มีให้เลือก เรียกว่า แบล็กวู้ดเปิดผิวดูโมเดิร์นขึ้น ไม่เหมือนแต่ก่อนที่เคลือบเงาอย่างเดียวดูแก่ไป

ภายในติดตั้งวัสดุดูดซับเสียงใส่รอบคันน้ำหนักประมาณ 100 กก. ปิดประตูเข้าไป เงียบกริบ เบาะด้านหลังอิสระซ้ายขวามีคอนโซลกลางพร้อมปุ่มควบคุมทุกอย่าง เอื้อมไปด้านหน้ามีวิสกี้บอกซ์ ด้านหลังมีถังแช่แชมเปญ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ครบถ้วน

เรียกว่าการเปลี่ยนโฉมครั้งนี้ ต้องการยกระดับความหรูหราไฮโซในรถให้มากขึ้น พื้นที่เก็บสัมภาระกว้างขวางจุได้ถึง 500 ลิตร

“โกสต์” เจนใหม่ มาพร้อมการรับประกันคุณภาพนาน 4 ปี รวมถึงอัพเกรดซอฟต์แวร์ฟรี ตลอดอายุการใช้งาน ตอนนี้มีโปรแกรมดูแลราคาขายต่อที่เป็นมาตรฐาน ราคาเริ่มต้น 32.7 ล้านบาทถ้าเป็นรุ่น Extended ราคาเริ่มต้น 36.8 ล้านบาท

น่าซื้อเป็นคอลเล็กชั่นทั้ง 2 รุ่นครับ