โจ๋ขับกระบะชนจยย.ดับ 1 สาหัส 1 ผกก.เมืองย่าโม เผยอุบัติเหตุชนแบบไม่ปกติ

ภูมิภาค

โจ๋ขับกระบะชนจยย.ดับ 1 สาหัส 1 ผกก.เมืองย่าโม เผยอุบัติเหตุชนแบบไม่ปกติ

วันอังคาร ที่ 06 กันยายน พ.ศ. 2565, 12.21 น.

ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

โคราชคืบหน้าโอละพ่อ วัยรุ่นขับรถกระบะชนรถจักยานยนต์เสียชีวิต 1 บาดเจ็บสาหัส 1 บนถนนในเขตอุตสาหกรรมสุรนารี ผกก.เมืองย่าโม เผยอุบัติเหตุชนแบบไม่ปรกติ คนขับรับสารภาพ ยืนยันมีใช่เหตุชนแล้วจ่อยิงซ้ำแน่นอน ชี้เป็นเรื่องที่พูดกันต่อๆกันว่ายิงกันตาย โดยไม่ใช่เรื่องจริง

 

 

นครราชสีมา วันนี้ (6 กันยายน 2565 ) ความคืบหน้ากรณีวัยรุ่นอายุ 17 ปี และเพื่อนอีก 2-3 คน จากเมื่อช่วงเวลา 01.00 น. วันที่ 5 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุวัยรุ่นขับรถชนรถจักรยายนต์จนมีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 ราย บนถนนภายในเขตอุตสาหกรรมสุรนารี ต.หนองบัวศาลา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งวัยรุ่นที่ก่อเหตุ อายุ 17 ปี  น่าจะมีปัญหาส่วนตัวกันมาก่อน จึงขับรถกระบะมิตซูบิชิ สตราด้า เลขทะเบียน 5569 นครราชสีมา ไล่ชนคู่อริ 2 คน ที่ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าสกู๊ปปี้ไอ สีดำ เลขทะเบียน 1 กท 460 นครราชสีมา หลังชนรถท้ายจักรยานยนต์อย่างแรงจนล้มเป็นเหตุทำให้เสียชีวิตคาที่ 1 ราย คือนายสุชาติ รัตนารักษ์ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ 5 ต.หนองระเวียง อ.เมือง จ.นครราชสีมา และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นชาย 1 ราย ตามที่มีข่าวไปแล้วนั้น

 

 

ล่าสุด พ.ต.อ.ประสิทธิ เปรมกมล ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีมีผู้เสียชีวิตเป็นเยาวชนอายุ 17 ปี 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 รายบนถนนภายในเขตอุตสาหกรรมสุรนารี ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองฯ ว่า เป็นเรื่องอุบัติเหตุโดยผู้ขี่รถยนต์กระบะขับรถพุ่งชนคู่กรณีอย่างแรงเท่าที่ตรวจสอบแล้วเป็นเรื่องเจตนามากกว่า ไม่ใช่เรื่องประมาทแต่อย่างใด โดยเรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายน่าจะมีปัญหาเรื่องส่วนตัวกันมาก่อนแล้วและพอมาเจอกันก็เลยได้โอกาสขับรถชน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 รายน่าจะเป็นซ้อนท้าย ส่วนผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยบริเวณเขตอุตสาหกรรมส่วนใหญ่เป็นเพียงร้านอาหารและสวนอาหาร ส่วนบาดแผลของผู้เสียชีวิตตากการตรวจสอบโดยเหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเป็นแผลจากการะถูกรถชนอย่างรุนแรง มีบาดแผลเต็มตัว และบาดแผลก็ไม่ใช่บาดแผลที่ปรกติ และที่สำคัญไม่มีเรื่องการใช้อาวุธปืนแต่อย่างใด และญาติฝ่ายผู้เสียชีวิตก็ไม่มีการพูดถึงเรื่องอาวุธปืนสักคำ ไม่มีเลย ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าไปพาดพิงเรื่องการใช้อาวุธปืนยิงมาจากไหน อาจจะเป็นเพราะมีคนในพื้นที่พูดต่อๆกันไปมาว่ามีเหตุยิงกันแล้วแต่เอามาพูดพัวพันไปหมด โดยผู้ก่อเหตุก็ให้การยืนยันว่าได้ขับรถชนคู่กรณีจริง โดยการขับพุ่งชนท้ายรถจักรยายนต์อย่างแรง ประกอบกับตัวถังของรถกระบะแข็งมาก พอเวลาพุ่งชนด้วยความเร็วด้วย ส่วนเรื่องปืนตำรวจเองก็งงเหมือนกัน

 

 

“คดีนี้เป็นเรื่องจราจรมันไม่ใช่เป็นเรื่องอุบัติเหตุปกติ แต่เป็นการที่คู่กรณีทั้งสองฝ่ายโกรธเตืองกันมาก่อน ซึ่งตำรวจก็จะต้องพิสูจน์ทราบให้ได้ข้อเท็จจริง โดยก่อนเกิดเหตุทั้งสองฝ่ายไปที่อื่นกันมาแล้วมาเจอกันในเขตอุตสาหกรรม ส่วนเรื่องร้านอาหารหรือสถานบันเทิงจากการตรวจสอบภายในเขตอุตสาหกรรมก็ไม่มีใครไปทะเลาะวิวาทกันในร้านอาหารหรือมีการทะเลาะอะไรกันในเกิดขึ้น สอบถามทุกร้านแล้วไม่มี โดยการก่อเหตุไม่ใช่เป็นถนนหลัก แต่เป็นถนนภายในเขตอุตสาหกรรม

 

 

พ.ต.อ.ประสิทธิ์ฯ กล่าวว่า ในส่วนที่มีข่าวที่คลาดเคลื่อนออกไปว่ามีการยิงอะไรกันนั้น ยืนยันว่าไม่มีใครถูกยิงเลยและที่เห็นว่าไปจ่อยิงก็ไม่มี แต่ว่าตำรวจได้ไปสอบถามคนแถวนั้นก็บอกว่ามีการยิงกันตายก็ถามว่าแล้วเห็นไหม๊ก็บอกกับตำรวจว่า เขาเล่าให้ฟัง บอกต่อๆกันมาจนเกิดเป็นกระแสข่าวต่างๆออกมา ซึ่งเราก็ได้รับรายงานให้ผู้บังคับบัญชาให้ทราบไปแล้ว ส่วนการตั้งข้อหาเยาวชนก้ทางพนักงานสอบสวนจะร่วมกับสำนักงานอัยการร่วมกับสหวิชาชีพจะสรุปก่อนแล้วถึงจะแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป

ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่