แนะรัฐขยายมาตรการส่งเสริมมอเตอร์ไซค์อีวีขนาดเล็ก อุดหนุนลดราคา 5-9 พันบาท – ไทยรัฐ

“ส.ส.ภาดาท์” เสนอภาครัฐ ขยายมาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) ครอบคลุมรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กความจุแบตเตอรี่ไม่เกิน 3 (KWh) ชี้ ปัจจุบันนิยมมากขึ้น หวังกระตุ้นการใช้ของภาคประชาชนเพิ่ม

วันที่ 26 ก.พ. 2565 นางสาวภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม. เขตพญาไท-ราชเทวี-จตุจักร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า จากมาตรการรัฐบาลที่ได้สนับสนุน อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อให้เกิดการผลิตและการใช้ในประเทศที่ครอบคลุมการลดภาษี และอุดหนุนให้กับผู้ประกอบการ ครอบคลุมทุกประเภททั้งรถยนต์ไฟฟ้า รถกระบะไฟฟ้า และจักรยานยนต์ไฟฟ้า นับว่าเป็นเรื่องที่ดี สำหรับภาคประชาชนได้มีโอกาสใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาถูกลง ควบคู่ไปกับการลดมลภาวะทางสิ่งแวดล้อม โดยขณะนี้ภาครัฐอยู่ระหว่างการจัดทำมาตรการและเงื่อนไขการส่งเสริมการอุดหนุนให้กับผู้ประกอบการ สำหรับรถยนต์และรถกระบะคันละ 70,000-150,000 บาทต่อคัน และรถจักรยานยนต์ 18,000 บาทต่อคัน ซึ่งเห็นว่าการอุดหนุนยังอยู่ในกลุ่มยานยนต์ขนาดใหญ่ ดังนั้นเสนอให้รัฐขยายการสนับสนุนให้ครอบคลุมรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่มีความจุแบตเตอรี่ไม่เกิน 3 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง (KWh) ด้วย เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงได้มากขึ้น

“การสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าควรขยายให้ครอบคลุม กลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก หรือประเภทรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ขนาดความจุแบตเตอรี่ไม่เกิน 3 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง (KWh) เพราะมาตรการที่รัฐประกาศเป็นการส่งเสริมในส่วนรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ที่ต้องใช้แบตเตอรี่ประเภท ลิเธียมไอออน หรือแบตเตอรี่ประเภทอื่น มีความจุแบตเตอรี่ 3 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง (KWh)ขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งเป็นราคาจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่มีมูลค่าสูง ทำให้กำลังซื้ออยู่ในวงจำกัด เพราะด้วยขนาดจักรยานยนต์ ที่มีขนาดต่ำกว่า 3 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง (KWh) จะเป็นจักรยานยนต์ที่ใช้ในหมู่บ้าน วิ่งระยะทางไม่ไกล ซึ่งปัจจุบันประชาชนนิยมหันมาใช้เป็นจำนวนมาก จึงต้องการให้รัฐบาลมีการพิจารณาเงินอุดหนุนให้กับผู้ประกอบการ หรือมีส่วนลดราคาให้กับประชาชน คันละ 5,000-9,000 บาท เพราะเป็น กลุ่มจักรยานยนต์ที่ราคาไม่แพงมากเมื่อเทียบกับประเภทอื่น” น.ส.ภาดาท์กล่าว

อย่างไรก็ตามเพื่อสร้างความปลอดภัยในยานยนต์ไฟฟ้าประเภท ต่ำกว่า 3 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง (KWh) รัฐควรมีมาตรการกำกับหรือข้อปฏิบัติ เพื่อบังคับใช้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ให้วิ่งได้เฉพาะในตรอก และซอย หรือในหมู่บ้านเท่านั้น ไม่ให้ออกมาวิ่งบนท้องถนน เนื่องจากเป็นรถที่มีความเร็วต่ำ ซึ่งมองว่าอาจเกิดอันตรายแก่ผู้ขับขี่และผู้ร่วมทางได้เพราะผู้ใช้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุ