เส้นทางชุมชน ‘ผ้าทอ’ ภูมิปัญญาแห่ง ‘บุรีรัมย์’ | เดลินิวส์

“เมืองปราสาทสองยุค” คือคำจำกัดความของ “บุรีรัมย์” จังหวัดที่เป็นที่ตั้งของปราสาทหินโบราณทั้ง “ปราสาทหินพนมรุ้ง” ศาสนสถานสำหรับบูชาพระศิวะ ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู ลัทธิไศวะ และ “ปราสาทหินเมืองตํ่า” ศาสนสถานในศาสนาฮินดูอีกแห่งจากยุคขอมโบราณ ขณะที่ปราสาทยุคนี้คือ “สนามช้าง อารีนา” กับชื่อเล่นที่คุ้นหู “Thunder Castle Stadium” หรือ “ปราสาทสายฟ้า” สนามฟุตบอลที่ได้มาตรฐานระดับโลกแห่งแรกของประเทศไทยของทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

นอกจากสิ่งก่อสร้างสองยุคที่มีอยู่แล้ว บุรีรัมย์ถือเป็นอีกจังหวัดที่มีการสืบทอดภูมิปัญญาผ้าทอพื้นเมืองที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่น้อยหน้าใคร โดยมีเรื่องราวของชุมชนที่ผูกโยงกันอย่างแยกไม่ออก หนึ่งในชุมชนผ้าทอที่ว่าคือ “ชุมชนท่องเที่ยวบ้านสวายสอ” ชุมชนเกษตรอินทรีย์ที่มีการทอ “ผ้าก่วย” หรือ “ซิ่นก่วย” เป็นภูมิปัญญาที่อยู่คู่มากับชุมชน ด้วยอัตลักษณ์ของรูปแบบการทอที่ไขว้กันไปมา ทำให้ผ้าก่วยของบ้านสวายสอแตกต่างจากที่อื่น

ตัวผ้าสีนํ้าเงินเข้ม ตีนสีแดงสลับริ้วลายสีชมพู สีขาวและสีเหลือง จากผืนผ้าซิ่นสวมใส่ในงานมงคล ประเพณีที่สำคัญในชุมชน และรับแขกบ้านแขกเรือน พัฒนาไปสู่การแปรรูปผลิตภัณฑ์ชุมชน ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า พวงกุญแจ ฯลฯ โดยไม่เพียงมีสินค้าชุมชนให้ผู้มาเยือนได้ช้อปหลากหลายรูปแบบ แต่ยังมีกระบวนการผลิตก่อนจะเป็นผ้าทอแต่ละผืนให้ได้เรียนรู้ด้วย นอกเหนือไปจากการได้อิ่มอร่อยปลอดภัยด้วยข้าวหอมมะลิอินทรีย์กับเมนูดีอาหารเป็นยา สัมผัสวิถีชีวิตกับการเข้าพักโฮมสเตย์ของชุมชน เดินเล่นตลาดนัดอินทรีย์สารัชวิถีทุกเย็นวันศุกร์ ชมการแสดงรำนกกระเรียนพันธุ์ไทย หรือปั่นจักรยานรอบอ่างเก็บนํ้าห้วยจระเข้

ด้วยความเป็นชุมชนวิถีเกษตรอินทรีย์ที่มีเรื่องราวของการอนุรักษ์สอดแทรกอยู่ บ้านสวายสอจึงมีอีกหนึ่งจุดเด่นที่ไม่เหมือนใครอย่าง “นกกระเรียนพันธุ์ไทย” ณ ศูนย์เรียนรู้พื้นที่ชุ่มนํ้าและนกกระเรียนพันธุ์ไทย จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นอีกกิจกรรมต้อนรับผู้มาเยือน ทั้งการล่องเรือ ส่องนกกระเรียนพันธุ์ไทย และนกนานาชนิดด้วยกล้องส่องทางไกลบนหอคอยสูง 4 ชั้น

นกกระเรียนพันธุ์ไทยเป็นหนึ่งในสัตว์ป่าสงวน 19 ชนิดของประเทศไทย เป็นนกบินได้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีคอและขาที่ยาว ลำตัวสีเทาสวยงดงามจับตา จุดเด่นสีแดงสดบริเวณลำคอสียิ่งสดมากขึ้นช่วงฤดูผสมพันธุ์ มีความสูงขนาดเท่ากับคน ๆ หนึ่ง ตัวโตเต็มวัยอาจสูงถึง 1.80 เมตร มีลักษณะคล้ายกันทั้งเพศผู้และเพศเมีย เมื่อโตเต็มวัยเพศผู้จะมีขนาดใหญ่กว่านกเพศเมีย

จากอำเภอเมืองออกไปที่สตึก “ชุมชนท่องเที่ยวบ้านตาลอง” เป็นอีกชุมชนผ้าทอที่น่าสนใจ ผ้าไหมย้อมสีธรรมชาติแบบเรียบง่าย แตกต่างด้วยการประยุกต์มาเป็น “ผ้าไหมพิมพ์ลายเมล็ดข้าวดาวเรืองตาลอง” การพิมพ์ลายจากเมล็ดข้าวไรซ์เบอร์รี่ ผลผลิตการทำนาวิถีชุมชน และกลีบดอกดาวเรืองให้สีเหลืองถือว่าเป็นสีมงคล นวัตกรรมการย้อมสีจากธรรมชาติที่มีลวดลายผ้าสวยงามแปลกตา สามารถสวมใส่ได้ง่ายมากขึ้นในชีวิตประจำวัน

ชุมชนที่ยึดถือเศรษฐกิจพอเพียง เรียบเรียงภูมิปัญญาบรรพบุรุษแห่งนี้ เป็นหนึ่งในชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี นอกจากเรื่องราวของผ้าทอที่พร้อมให้สัมผัสและเรียนรู้แล้ว เมื่อนักท่องเที่ยวมาเยือนจะมีการทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ หากมาพักค้างแรมจะได้สัมผัสกับครัวเรือนต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง ดูการทอผ้า หรือการทำกระถางจากมูลสัตว์ พร้อมแซ่บนัวไปกับขนมจีนนํ้ายาไก่บ้านย่าง และไม่ลืมที่จะพาไปสักการะขอพรหลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอ พระพุทธรูปหินทรายปางมารวิชัย สีคล้ายดินลูกรังแดง ณ วัดโนนสูงทุ่งสว่างด้วย

และความที่บุรีรัมย์เป็นดินแดนแห่งภูเขาไฟที่ดับแล้ว ดินภูเขาไฟจึงถูกนำมาเป็นส่วนหนึ่งของภูมิปัญญาในการย้อมผ้าทอสีธรรมชาติด้วย ณ “ชุมชนท่องเที่ยวบ้านเจริญสุข” ชุมชนท่องเที่ยวผ้าภูอัคนี เจ้าของภูมิปัญญาผ้าย้อมสีดินภูเขาไฟ ซึ่งนำดินภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วมาประยุกต์ย้อมผ้าจนเป็นผ้าภูอัคนี หรือผ้าย้อมดินภูเขาไฟ จนได้ผ้าสีส้มนํ้าตาลอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสามารถย้อมได้ทั้งผ้าฝ้ายและผ้าไหม

ไม่ไกลจากชุมชนเป็นที่ตั้งของ “วัดเขาพระอังคาร” วัดที่ตั้งอยู่บนเนินภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว มีไฮไลต์อย่างพระอุโบสถรูปทรงแปลกตาสร้างทับโบราณสถานเดิม ด้านนอกมีพระพุทธรูปจำนวน 108 องค์ เรียงรายล้อมรอบพระอุโบสถไว้ ทั้งยังมีเจดีย์ 3 ยอด บรรจุพระอังคารธาตุ (เถ้ากระดูก) ภายในมีพระประธานปางมารวิชัยและจิตรกรรมฝาผนังบอกเล่าเรื่องราวพุทธชาดกเป็นภาษาอังกฤษ ภายในบริเวณวัดมีการค้นพบโบราณสถานเก่าแก่และใบเสมาหินทรายสลักภาพบุคคล สถูป ดอกบัว และธรรมจักรสมัยทวารวดีหลายชิ้นอยู่ในพุทธศวรรษที่ 13-14 รอยพระพุทธบาทจำลอง และจุดชมวิวปล่องภูเขาไฟด้วย

เรื่องราวที่เกี่ยวเนื่องกับภูเขาไฟยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ในเขตอำเภอเมืองมีพื้นที่ของ “เขตห้ามล่าสัตว์ป่าภูเขาไฟกระโดง” ด้านบนยอดเขากระโดงปล่องภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วประดิษฐาน “พระสุภัทรบพิตร” พระพุทธรูปปางสมาธิ ก่ออิฐถือปูน พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์ใหญ่คู่บ้านคู่เมืองของชาวบุรีรัมย์ ภายในพระเศียรบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จะเดินขึ้นบันได 297 ขั้นหรือนั่งรถขึ้นมาเลือกได้ตามความสะดวก ต่อด้วยการเดินสะพานแขวนลาวา แล้วไปชมวิวเมืองบุรีรัมย์พร้อมสูดอากาศบริสุทธิ์

จากนั้นไปสักการะ “พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 1” รูปปั้นทองสัมฤทธิ์ทรงช้างศึกสร้างขึ้นในปี 2539 เพื่อเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 1 ผู้ก่อตั้งบุรีรัมย์ ชาวบุรีรัมย์ร่วมกันจัดสร้างไฟฉัตร 9 ชั้น 360 ต้นขึ้นโดยรอบบริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์ เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณทั้งยังสื่อว่าบ้านเมืองแห่งนี้มีความสงบร่มเย็น ก่อนจะแวะไป “ศาลหลักเมืองบุรีรัมย์” หนึ่งศูนย์รวมศรัทธาของชาวบุรีรัมย์ แต่เดิมเป็นเพียงศาลเล็ก ๆ ก่อนรื้อสร้างใหม่ช่วง พ.ศ. 2548-2550 เป็นปราสาทหลังใหญ่ ลอกแบบสถาปัตยกรรมจากปราสาทพนมรุ้ง ภายในประดิษฐานเสาหลักเมือง 2 ต้น

หากยังมีเวลาและชื่นชอบแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ต้องไม่พลาด “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่” ส่วนหนึ่งของผืนป่า “เขาใหญ่-ดงพญาเย็น” ต้นนํ้าลำธารสำคัญแห่งสุดท้ายของสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ โดยมี “จุดชมวิวผาแดง” เป็นหนึ่งในไฮไลต์ห้ามพลาดโดยเฉพาะช่วงปลายฝนต้นหนาวที่จะได้สูดกลิ่นอายธรรมชาติพร้อมกับชมทะเลหมอก หรือจะไปสักการะ “พระเจ้าใหญ่” วัดหงส์ หรือ วัดศีรษะแรด พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบุรีรัมย์และจังหวัดใกล้เคียง มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ 19-20 นอกจากนี้ยังมีการพบพระพิมพ์รูปใบขนุนรวมปางสำริด อยู่ห่างจากชุมชนท่องเที่ยวบ้านหัวสะพานเพียง 6 กิโลเมตรด้วย

สอบถามเส้นทางท่องเที่ยวบุรีรัมย์เพิ่มเติมที่ ททท. สำนักงานบุรีรัมย์ โทร. 0-4463-4722-3 หรือ โทร. 1672 เพื่อนร่วมทาง.

MotoGP 2022 : OR Thailand Grand Prix

กลับมาอีกครั้งสำหรับมอเตอร์สปอร์ตอันดับหนึ่งของโลกอย่างการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก “MotoGP” (โมโตจีพี) ปีที่ 3 “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2022” (OR THAILAND GRAND PRIX 2022) ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เป็นสนามแข่งรถระดับมาตรฐานสูงสุดที่สามารถรองรับการแข่งขันรถแข่งระดับสุดยอดอย่างฟอร์มูลา 1 และโมโตจีพี ได้เป็นแห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทย สนามที่เต็มไปด้วยทางโค้งสุดท้าทายและทางตรงยาว ที่เค้นสมรรถนะของรถแข่งได้เต็มที่เป็นระยะทางรวมกว่า 4.5 กิโลเมตรแห่งนี้ สามารถทำให้คนรักความเร็วหัวใจเต้นแรงจากความตื่นเต้น

ภายในงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดพาวิลเลี่ยนภายใต้แนวคิด Amazing Thailand Festival at ThaiGP ศูนย์รวมข่าวสารด้านการท่องเที่ยว มีเจ้าหน้าที่สื่อสารไทย-อังกฤษให้บริการกับนักท่องเที่ยวตลอด 3 วัน แบ่งเป็นโซนต่าง ๆ อาทิ โซนเที่ยวไทย 5 ภาค, โซน Sport Event สนุกกับกิจกรรมกีฬาในรูปแบบเกม Interactive ที่ทันสมัย เช่น มาราธอน, ไตรกีฬา, จักรยานทางไกล ฯลฯ

“โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2022” จัดขึ้นวันที่ 30 กันยายน-2 ตุลาคม 2565 บัตรเข้าชมแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ Grand stand ราคา 4,000 บาท Side stand ราคา 2,000 บาท

พิเศษสุดกับบัตรเข้าชมโซนกิจกรรม (Admission Ticket) ราคา 100 บาท/วัน หรือ 3 วันในราคา 200 บาท ผู้ถือบัตรนี้ไม่สามารถเข้าชมการแข่งขันในสนาม แต่เข้าร่วมกิจกรรมใน OR Thailand Grand Prix Expo บริเวณด้านหน้าสนาม ทั้งชม ช้อป ชิม ร่วมสนุกกับกิจกรรมต่าง ๆ ในเทศกาลมอเตอร์สปอร์ตที่เกิดขึ้นโดยรอบ เช่น คอนเสิร์ต, มวย รวมทั้งกิจกรรม Meet & Greet นักบิดโมโตจีพีชื่อดังที่จัดโดยค่ายรถจักรยานยนต์และทีมแข่งยักษ์ใหญ่

ซื้อบัตรได้ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ allticket.com

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ : Chang Circuit Buriram

อธิชา ชื่นใจ