‘สุพัฒนพงษ์’ลั่นยังตรึงดีเซล 30 บาท อุ้มมอเตอร์ไซค์ผ่านบัตรคนจน ชี้ก๊าซฯขึ้นแน่เม.ย.นี้ – Post Today

วันที่ 11 มี.ค. 2565 เวลา 14:15 น.

‘สุพัฒนพงษ์’ลั่นยังตรึงดีเซล 30 บาท อุ้มมอเตอร์ไซค์ผ่านบัตรคนจน ชี้ก๊าซฯขึ้นแน่เม.ย.นี้

รมว.พลังงานตั้งโต๊ะแจงมาตรการบรรเทาผลกระทบราคาพลังงาน อุ้มดีเซล 30 บาทไม่เกินพ.ค. เล็งตรึงค่าไฟกรณีใช้ไม่เกิน 300 หน่วย ส่วนแอลพีจีอั้นไม่อยู่ทยอยปรับเม.ย.นี้ถังละ 15 บาท

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน เปิดเผยถึง สถานการณ์พลังงานและมาตรการรองรับผลกระทบด้านพลังงานว่า จากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ได้ส่งผลกระทบให้ราคาพลังงานโลกสูงขึ้นทุกชนิด ส่งผลต่อราคาขายปลีกในประเทศไม่ว่าจะเป็น น้ำมันสำเร็จรูปอย่างเบนซินและดีเซล โดยเฉพาะราคาน้ำมันขึ้นที่สุดในรอบ 14 ปี ซึ่งส่งผลกระทบไปทั่วโลก

สำหรับการดูแลราคาขายปลีกน้ำมัน ยังคงตรึงดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อเนื่อง โดยขณะนี้ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงชดเชยราคาอยู่ลิตรละ 14 บาท  ซึ่งขณะนี้กองทุนน้ำมันฯมีสถานะติดลบ 2.3 หมื่นล้านบาท เมื่อได้วงเงินกู้มาเสริมสภาพคล่อง 4 หมื่นล้านบาท ยังมีเงินเหลือพอที่จะดูแลดีเซลได้ไม่เกินเดือนพ.ค. บนสมมติฐานราคาน้ำมันตลาดโลกเฉลี่ย115 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

ขณะที่กลุ่มผู้ใช้เบนซินจะช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งอยู่กระทรวงการคลังและกรมขนส่งทางบกต้องมาหารือร่วมกันว่าจะมีใครเข้าข่ายได้รับสิทธิ์บ้าง

สำหรับก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) จำเป็นต้องทยอยปรับราคาขึ้นบ้าง เนื่องจากตรึงราคามากว่า 2 ปี จากราคา 400 เหรียญต่อตันจนมาถึงขณะนี้ราคาอยู่ที่ 968 เหรียญสหรัฐต่อตัน แต่จะพยายามให้กระทบน้อยที่สุดในอัตรา 15 บาทต่อถัง (15ก.ก. )  จากราคา 318 บาทต่อถังเป็น 333 บาทต่อถัง แต่จะมีมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพิ่มวงเงิน ให้ 55 บาทในรอบ 3 เดือน

อย่างไรก็ตามมาตรการลดผลกระทบค่าไฟฟ้านั้น เดิมทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) มีแผนปรับขึ้นค่าไฟฟ้า16 สต.ต่อหน่วย ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาออกมาตการช่วยเหลือบางส่วน ในกลุ่มผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเดือนละ 300 หน่วย จะให้คงราคาเดิมที่เคยจ่ายไว้เดือนล่าสุด คาดจะเริ่มได้ในรอบเดือนพ.ค.-ส.ค.

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า ได้วางแนวทางการบริหารจัดการในแต่สถานการณ์ราคา ตั้งแต่ราคาน้ำมันดิบดูไบที่ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลไปจนถึง 150 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งมีรูปแบบการบริหารจัดการที่แตกต่างกัน โดยกระทรวงพลังงานจะมีแนวทางเพื่อบรรเทาผลกระทบกับประชาชนให้มากที่สุดในแต่ละกรณี

น.ส.นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า กรมธุรกิจพลังงานได้ประสานงานกับกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมอย่างใกล้ชิด ทุกรายได้แจ้งยืนยันว่ายังคงสามารถจัดหาน้ำมันดิบได้ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 2 เดือน

ปัจจุบันมีปริมาณน้ำมันดิบคงเหลือ (รวมที่อยู่ระหว่างการขนส่ง) อยู่ที่ 5,686.44 ล้านลิตร และมีปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปคงเหลืออยู่ที่ 1,703.61 ล้านลิตร ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำมันของประเทศได้ถึง 61 วัน ขณะที่บริษัท ปตท. ยังมีมาตรการเตรียมพร้อมจัดหาน้ำมันดิบเพิ่มเติมอีก 635.94 ล้านลิตร (4 ล้านบาร์เรล) จะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำมันสำรองเป็น 66 วัน ส่งผลให้ประเทศมีน้ำมันใช้เพียงพอไม่ขาดแคลน

นอกจากนี้ได้เตรียมมาตรการรองรับเหตุวิกฤต Supply Disruption ตลอดจนได้รับมอบหมายให้ประสานผู้ค้าน้ำมันเตรียมประกาศเพิ่มอัตราสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมาย น้ำมันดิบเป็นร้อยละ 5 และน้ำมันสำเร็จรูปเป็นร้อยละ 2 ตามลำดับ จากปัจจุบันอัตราสำรองน้ำมันดิบร้อยละ 4 และน้ำมันสำเร็จรูปร้อยละ 1 ซึ่งจะช่วยให้มีปริมาณน้ำมันสำรองเพิ่มขึ้นอีก 7 วัน เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะสามารถรักษาเสถียรภาพพลังงานได้โดยไม่กระทบกับการดำรงชีวิตของประชาชน

นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กล่าวว่า ได้เปิดแคมเปญ “รวมพลังคนไทย ลดใช้พลังงาน หาร 2” โดยความร่วมมือของทุกหน่วยงานทั้งในสังกัดกระทรวงพลังงาน และ กฟน. กฟภ. ร่วมงานจัดนิทรรศการเผยแพร่ให้ความรู้เรื่องการประหยัดพลังงานสำหรับประชาชนทั่วไป และข้อแนะนำการประหยัดพลังงานทั้งผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งกำหนดให้หน่วยงานเพิ่มความเข้มข้นในการประหยัดพลังงานมากขึ้นจากเดิม 10% เป็น 20%

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท.จัดแคมเปญ “ก๊อดจิชวนใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและประหยัด” สื่อสารรณรงค์ประหยัดพลังงานด้วยสื่อหลายรูปแบบในทุกช่องทาง พร้อมทั้งจัดให้มีการตรวจเช็กสภาพเครื่องยนต์ โดย บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ เพื่อให้เครื่องยนต์มีความสมบูรณ์ ช่วยลดการใช้เชื้อเพลิง พร้อมด้วยโปรโมชั่นต่างๆ จนถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้ ณ FIT Auto สถานีบริการน้ำมัน PTT Station ที่ร่วมรายการทั่วประเทศ

ดร.จิราพร ศิริคำ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า กฟผ. พร้อมรวมพลังชวนคนไทยประหยัดพลังงานของประเทศ ด้วย 2 แคมเปญ คือ แคมเปญ “ล้างแอร์ช่วยชาติ (Clean your air, Clean your life)” มอบ 10,000 สิทธิให้ประชาชนทั่วประเทศล้างแอร์ฟรี โดยสามารถลงทะเบียนรับสิทธิได้ที่เว็บไซต์ www.egat.co.th ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. 2565 เป็นต้นไป  และแคมเปญ “ส่วนลด 500 บาท สำหรับซื้อผลิตภัณฑ์เบอร์ 5” มอบอีก 10,000 สิทธิให้กับประชาชนทั่วประเทศที่ซื้อผลิตภัณฑ์เบอร์ 5 มูลค่า 1,000 บาท ขึ้นไป โดยเริ่มใช้สิทธิได้ที่ห้างสรรพสินค้าและร้านค้า Green Shop ที่เข้าร่วมกิจกรรม ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. – 30 มิ.ย. 65

ทั้งนี้ การล้างแอร์สามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ถึง 10% ประหยัดพลังงานได้ถึง 1.3 ล้านหน่วย/ปี และทั้ง 2 แคมเปญนี้ยังช่วยลดการปล่อย CO2 รวมประมาณ 804 ตัน/ปี พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจากการจ้างงานและการซื้อผลิตภัณฑ์เบอร์ 5 รวมมูลค่ากว่า 21 ล้านบาทอีกด้วย