เมื่อแอดมินมีโอกาสได้ควบ Yamaha WR155R ตะลุยทางฝุ่นชมพระอาทิตย์ขึ้นที่เขากระโจม อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ทางโหดให้ 7 กะโหลกแต่ความฮาเต็ม 10
ถือเป็นทริปแรกในปี 2022 กับทาง off-roadในปีนี้ของแอดก็ว่าได้ ที่ขับขี่ไปพร้อมกับพี่ๆ น้องๆ สื่อสายมอเตอร์ไซค์ กว่า 10 คัน จุดหมายปลายทางสำคัญคือการขึ้นไปให้ทันดูพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดเขากระโจมที่สายวิบากต้องไปสัมผัสให้ได้ซักครั้งในชีวิต
ก่อนวันจริงทางพี่ๆทีมงาน Yamaha ได้เตรียมเส้นทางอีกเส้นทางนึงไว้ให้ทุกคนได้คุ้นชินกับรถ Yamaha WR155R กันก่อน คือเส้นทางห้วยคอกหมู ที่ไม่ค่อยชันมาก พอให้ได้ปรับตัวกัน ส่วนตัวแอดเองก็ถือเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่ได้จับเจ้า Yamaha WR155R ไปลุย แต่ก็ต้องปรับตัวบ้างเพราะไม่ได้ขี่นาน ปัญหาคือนอกจากทางฝุ่นไม่ได้ขี่แล้ว ทางดำก็ไม่ได้ขี่ด้วย เนื้อตัวดูเกรงไปหมด เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาจัดท่าทางไม่เป็นกันเลยทีเดียว แต่ก็ด้วยความที่ใจสู้ก็ย่องๆตามพี่ๆน้องๆไป จนผ่านทางดำ ทางฝุ่นที่มีแต่หินลอยตลอดทาง ด้วยทักษะอันน้อยนิดก็ขี่ไปจนถึงจุดหมายปลายทางได้
เราทำเวลาได้ค่อนข้างดีเลยมีเวลาเหลือเยอะ พี่เจ้าถิ่นที่ไปนำทางก็บิ้วว่ามันจะมีจุดไฮไลท์บนเขานี้ถ้ามาแล้วต้องไปให้ถึง ประกอบกับทุกคนพละกำลังยังเหลือๆ จึงบิ้วกันขึ้นไป
จุดแรกเนินสวรรค์ เนินรับน้องที่มีความชันอยู่พอสมควร มีบ่อโคลนดักหน้าก่อนจะชู๊ตตัวขึ้นเนิน อาศัยพอขี่เป็นอัดคันเร่งอย่างเดียวรอดพ้นมาได้ ก็จอดรอกันบนเนิน ค่อยๆไหลขึ้นกันมาทีละคัน มีล้มกันบ้าง ขี่ชิวกันบ้าง วางยากันบ้าง พอขำๆเป็นน้ำจิ้ม
จุดที่2 ต้นไม้ตาย ระยะทางไม่ไกลมากแต่ถูกปกคลุมไปด้วย ร่องน้ำลึก ทราย โคลน ใบไม้หล่นปิดทาง และเนินชัน ด้วยความใจสู้เหมือนเดิม เปิดคันเร่งใส่อย่างเดียว บอกเลยว่า ช่วงล่างและพละกำลังของ Yamaha WR155R ทำให้เสียพลังงานน้อยมาก แค่คุมล้อหน้าได้ ทุกอย่างก็อยู่ที่จังหวะการขี่แล้ว
พอถ่ายรูปกันเสร็จสรรพ ก็ถึงช่วงขาลง พอหันกับไปดูเท่านั้นแหละ หนังชีวิตเริ่มบังเกิด ในใจแอดคิดว่า เราขี่กันขึ้นมาได้ยังไง คือทางชันมากทางแทบจะไม่มีสันดินหนาๆให้ขี่กันเลย มองไปมีแต่ร่องน้ำที่ถูกกัดเซาะไปด้วยฝน
ด้วยความที่วันแรกไม่อยากเสียชื่อ แอดสตาร์ทเครื่องเข้าเกียร์1ค่อยๆคุมเบรคหน้าไหลลง ระยะทางน่าจะประมาณ 30เมตร พอไหลได้มาซัก 20 เมตร สายตาเหลือไปเห็นหินก้อนเท่ากำปั้นไหลจากข้างทาง ลงร่องที่แอดเลือกมาแล้วกลิ้งต่อ หินเจ้าปัญหาก็หยุดกลางนินซะอย่างนั้น ปากอุทานขึ้นมาทันที “งานงอกแล้ว” เท่านั้นแหละ หน้ารถพับ แอดพยายามเอาขายันพื้น แต่คงจะยันไกลไปหน่อยเลยประคองรถไม่อยู่ สละยานก่อนเลย ก็ได้จุดเช็คอินไป 1 จุด พร้อมกับเดินแอ็คๆไปประคองรถ ดีที่มีพี่ๆ ทีมเจ้าถิ่นช่วยยก พร้อมกับสตาร์ทรถใส่เกียร์ เดินประคองไปอีก10เมตร หมดฟอร์มกันเลยทีเดียว
ก็ผ่านพ้นวันแรกไปแบบสมบูรณ์ไม่เจ็บตัว แลกกับจุดเช็คอินเนินชันไป 1 จุด พร้อมกับอาการของร่ายกายที่คิดว่าตัวเองพอไหวกับเส้นทางนี้ ถ้าไม่ขึ้นไปเสียดายแย่ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้มาเยือนอีก
วันที่ 2 เราต้องออกเดินทางกันตั้งแต่ตี 5 เพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นให้ได้ที่ยอดเขากระโจม ซึ่งแอดเองเคยไปมาแล้วครั้งนึงเมื่อหลายปีก่อน ก็คิดว่าคงจะจำฟิลลิ่งได้ จุดยากของเขากระโจมหลักๆจะมีประมาณ 3-4 ที่
จุดที่ 1 เนินเจ้าพ่อเขาคอด เป็นเนินหินชัน ระยะทางประมาณ 20 เมตร ถือว่าเป็นจุดวัดทักษะการขับขี่เลยก็ว่าได้ ลักษณะจะเป็นทางลงสั้นๆ ถูกดักด้วยแอ่งหินลอยยาวประมาณ 5 เมตร ต่อด้วยเนินหินชัน ต้องตัดสินใจเลือกไลน์ตั้งแต่อยู่บนสันเขาตรงศาลเจ้าพ่อ ประสบการณ์แอดเลยล้มบนเนินทางขวามือ แอดเลยเลือกไลน์ซ้ายมือ มีพี่สื่อขี่นำไปก่อน 1 ท่าน เราก็ตามรอยเลยด้วยความที่ทางค่อนข้างมือเลยอาศัยรถคันหน้าส่องทาง ใจแอดพยายามไปซ้ายแต่ไหงล้อมันมามาทางขวาซะให้ได้ พอล้อตามก้นรถคันหน้า กำลังจะขึ้นเนิน พี่ที่นำไลน์ เช็คอินข้างทางไปซะแล้ว ตัดสินใจฉับพลันเปิดคันเร่งต่อแบบทุลักทุเล พร้อมกับไฟหน้าที่ชี้ขึ้นบนยอดเนิน วินาทีนั้นบอกเลยว่าใจล้วนๆ ไม่ต้องเลือกไลน์ ตามใจล้อหน้าอย่างเดียว พร้อมกับตูดรดที่สะบัดไปมา เคยจำได้ว่า ครูเขม เขมรัฐ สุธรรมวาท ดีกรีมอเตอร์ไซค์วิบากระดับประเทศ สอนไว้ว่า ให้ทิ้งน้ำหนักไปที่ล้อหน้า จะได้มีแรงกดล้อ ล้อหน้าไปได้ ล้อหลังก็ไปได้ แอดก็ยืนก้มหน้าก้มตากางศอก กระแทกคันเร่งอย่างเดียวจนผ่านพ้น เนินเจ้าปัญหาไปได้ พร้อมกับจอดปาดเหงื่อคิดในใจรอดแล้วงานนี้
จุดที่ 2 ฐานตชด. ดาวเรือง บ่อวัดใจ ใครเคยไปเขากระโจมจะทราบว่าจะมี ลำธารเส้นนึงไหลผ่าน พวก offroad 4×4 หรือใครที่ไปก็จะมีภาพถ่ายขี่ข้ามน้ำกันอย่างสวยงาม แต่ด้วยความที่ฟ้ายังไม่สว่างเราเลยขี่ขึ้นสะพานไม้กันไป
จุดที่ 3 เนิน 800 ที่ได้ชื่อว่าเนิน 800 เพราะเป็น เนินชันระยะทาง 800 เมตร
มารอบนี้ถือว่าขี่ได้ง่ายมากเพราะพี่ๆเจ้าถิ่นที่นำทางบอกว่า ถนนถูกบดอัดใหม่ ไม่ยากแล้ว แต่ก็ต้องมีเหงื่อซึมกันทุกคน กว่าจะพ้นเนิน ในใจคิดว่าเมื่อไหร่มันจะพ้นเนินซักที ถือว่าตรงนี้ก็ได้ลองระบบ VVAในYamaha WR155Rกันอย่างเต็มที่ เกียร์3พอได้แต่เกียร์2กำลังขับขี่ได้สนุก พร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ที่หวานๆ
จุดที่ 4 เนิน 900 ต่อด้วยเนิน 1000 คือถ้าจะเรียกเนิน 1900 แอดก็ว่ามันคงไม่เท่ห์นะ เป็นเนินชันยาวๆ นอกจากเนินชันที่ยากแล้ว หินลอยดักนี่ทำให้ใจฝ่อได้เหมือนกัน แอดเองเป็นคนที่ใส่แว่นวิบากแล้วไม่ค่อยถนัด หรือขี่ไม่เป็นก็ว่าได้ ปัญหาคือ เวลาหายใจเยอะๆแล้วทำให้ชิวด์หน้าเป็นฝ้า ทั้งๆที่แอดเคลือบกันฝ้าไปแล้วยังเอาไม่อยู่ เรียกว่า 100 เมตรสุดท้ายนี่แทบจะปิดตาขี่ ครั้นจะจัดเปิดชิวด์ก็ไม่มีทางราบให้ได้ปล่อยมือเปิดกันเลย พร้อมกับท้ายรถที่ส่ายด๊อกแด๊กๆไปมา เมื่อเจอหินลอย แอดก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่ๆสื่อไหนขี่ตามแอดมาแต่คงเปิดหินลอยวางยาไว้ข้างหลังอีกเพียบแน่ๆ กราอบขออภัยไว้ณโอกาสนี้ด้วย 555
ในที่สุดเราก็มาถึงทันชมพระอาทิตย์ ครบทุกคัน อากาศบนเขากระโจมดีมาก แอดยังคิดว่าอยู่เชียงใหม่อยู่เลย ลมเย็นๆ ชิลๆ เหมาะกับการมาดูดาวแค้มป์ปิ้งมากๆ หลังจากพักผ่อน ถ่ายรูปจิบกาแฟ หนำใจก็ได้เวลาลง เรานัดกับช่างภาพไว้ที่บ่อวัดใจเพื่อที่จะขับขี่ ถ่ายรูปสวยๆกันเป็นที่ระลึกในทริป ก็ค่อยๆไหลลงมากัน
ก็จะมีแอ่งโคลนพอให้ได้เล่นก็สนุกๆ ตลอดทาง ก็ขับขี่กันลงไปเรื่อยๆ จังหวะข้ามสะพาน ก็ตกลงกันว่าเช้าอยู่ขี่ลงน้ำจะหนาวก็ตัดสินใจข้ามสะพานกลับไปรอช่างภาพ คันแรกผ่านไป คันที่ 2 ผ่านไป คันที่ 3 ผ่านไป คันที่ 4 ผ่านไป
และแล้วไฮไลท์แอดในทริปนี้ก็มาถึงแอดเป็นคันที่ 5 ก็เห็นตอนมาแล้วแหละว่า เป็นไม้กระดานรอยต่อไม่ค่อยเรียบเท่าไหร่ พอมาถึงกลางสะพาน ล้อหน้ารถแอดดันไปปีนแผ่นกระดานที่เหมือนวางดักเหยื่อเอาไว้ พร้อมกับล้อหน้าพับลงไป แอดพยายามพยุงรถไม่ให้ล้มตกสะพาน ด้วยแรงเหวี่ยงของรถทำให้แอดตัวหลุดไป แต่วินาทีนั้นสายตาแอดมองไม่เห็นแผ่นไม้บนสะพานแล้ว เห็นแต่ลำธารใสๆ ทองเห็นท้องน้ำรำไรๆ ในใจคิดอีกแล้ว สู่ความเฟ้งฟ้างอันไกลโพ้น พร้อมกับม้วนตัวเก็บคองอเข่าลงลำธารอย่างสบายใจ (ล้มมาเยอะ เจ็บมาแยะ) แน่นอนครับ รถรอด คนร่วง พอยันเท้าขึ้นมาเห็นน้องๆทหารที่เฝ้าฐานวิ่งมาในชุดกางเกงขาสั้นเสื้อทหาร วิ่งมาหาพร้อมกับถามว่าเป็นอะไรมั๊ยครับพี่ บอกยกนิ้วโป้ง บอกไม่เป็นไรแล้วหันไปดูพี่ๆ สื่อที่ขี่ข้ามไปก่อน พร้อมกับได้ยินเสียงหัวเราะมาแต่ไกล พอปีนสะพานขึ้นมาได้แอดนี่ขำตัวเองจนปวดท้องพร้อมกับลำดับเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากทุกคันมากันครบ เรื่องราวของแอดก็ได้รับรู้กันทุกคน
และด้วยความที่จะต้องข้ามกลับไปขี่เพื่อให้ช่างภาพนิ่งและวิดีโอได้เก็บภาพ ในใจแอดก็เริ่มจะแหยงๆนิดๆ กับสะพานลำธารเขากระโจม รอบแรกผ่านพ้นไปด้วยดี ช่างภาพบอกขออีกเทคพี่ ครับได้ครับจัดให้ พอรอบนี้ แอดออกตัวแทบจะท้ายขบวน และกำลังจะจัดท่าทางยืนขี่ พี่สื่อท่านหนึ่งที่ขี่นำหน้าแอด ได้ย้อนเหตุการณ์ให้แอดได้ชม กระดานแผ่นเดิม ร่องเดิม แต่แค่เปลี่ยนคน พุ่งลงน้ำต่อหน้าต่อตาแอดไป ปากแอดตะโกนออกไปว่า ที่เดียวกับผมเลย พร้อมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะแทนที่จะไปช่วยพี่เค้า ทุกในในทริปต่างก็พากันกรูมาช่วยทั้งคนทั้งรถขึ้นจากน้ำ ส่วนแอดเหรอยืนขำอยู่บนบกซะอย่างนั้น น้องทหารบอกพี่ๆไม่ใช่รายแรกที่ร่วง ตรงนี้ลงว่ายน้ำกันประจำ ถึงว่าสิ น้องๆสแตนด์บายขาสั้นรอกู้กันทุกนาย ก็ต้องขอบคุณน้องๆทหารฐานดาวเรืองมาณ.ที่นี้ด้วยครับ
หลังจากนั้นเราก็กลับมาที่พักเพื่อทานข้าวเช้าแล้วไปลุยต่อกันที่ห้วยนางงาม ที่เป็นลำธารไหลผ่าน ทางฝุ่น ทางซิงเกิ้ลแทรกในป่าไปห้วยโตโน่กันจนจบทริปพร้อมกับเรื่องราวที่ประทับใจแล้วเป็นเรื่องเล่ากันตลอดทั้งทริป
นี่แหละครับทริปโหดมันส์ฮาของพวกเราสื่อมวลชนสายรถจักรยานยนต์ ที่จัดทริปทีไรจะมีเรื่องสนุกเกิดขึ้นตลอด โดยครั้งนี้เป็นคิวของYamaha WR155Rที่พาพวกเรามาเพิ่มประสบการณ์ใหม่ๆกัน อ่านมาถึงตรงนี้คงจะพอเห็นภาพแล้วหละครับว่าเราพา รถ Yamaha WR155R ไปลุยกันยังไงบ้าง ทั้งทางดำ ทางดิน ทางฝุ่น ทางน้ำ เรียกได้ว่าครบจบในทริปเดียว Yamaha WR155R ก็พาเรามาจนจบทริปได้ เห็นเครื่อง 155 ซีซีอย่างนี้ก็ลุยได้เยี่ยมเลยทีเดียว ทั้งล้มทั้งตกน้ำ รถก็ขี่ต่อได้ทุกคัน แต่ต้องบอกก่อนเลยนะครับว่า ก่อนขับขี่ก็ควรจะทราบข้อมูลพื้นฐานของรถไว้ ศึกษาวิธีการแก้ปัญหาไปด้วย ไม่ใช่รถจมน้ำแล้ว สตาร์ทขี่เลย คันไหนก็พังแน่นอนครับ อีกอย่างที่สำคัญ รถเบาล้มแล้วยกง่ายแอดลองแกล้งล้มเพื่อยกละ แน่นอนอีกสิ่งหนึ่งที่แอดได้เรียนรู้จากทริปนี้ เวลารถตกน้ำก่อนสาร์ทให้เช็ครถว่า น้ำเข้าไปมากน้อยแค่ไหน ควรพยายามเอาน้ำออกจากรถให้ได้มากที่สุด ทิ้งรถไว้ซักพัก อย่ารีบร้อนเดี๋ยวเครื่องจะพังเอาได้
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางทีมงานยามาฮ่า ที่ได้ชวนแอดมินไปร่วมทริปในครั้งนี้ นอกจะจะสนุกสนาน ได้รับประสบการณ์ดีๆ ใหม่ๆแล้ว การที่ได้ร่วมทริปไปกับพี่ๆน้องๆสื่อด้วยกัน ทำให้สนุกสนานมากขึ้น แซวกันยับ ก็ต้องขอขอบคุณพี่ๆน้องๆที่ร่วมทริปไปด้วย ได้ความรู้ในสิ่งที่แอดไม่รู้อีกมากมายเลย
ส่วนเพื่อนๆท่านไหนที่ต้องการหาความท้าทายใหม่ๆ และยังไม่เคยไปขับขี่ที่เขากระโจม แอดว่าต้องมีซักครั้งในชีวิตที่ต้องได้ไป แอดเล่ามาไม่เท่าเพื่อนเพื่อนๆได้ไปลองขับขี่เอง และแน่นอนอย่าลืมควบ Yamaha WR155 ไปเช็คอินบนเขากระโจมให้แอดดูด้วยนะครับ
สำหรับใครที่สนใจรถ Yamaha WR155 สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยครับ โดยมีราคาค่าตัวเริ่มต้นอยู่ที่ 105,500 บาท พร้อมการรับประกันสุดคุ้ม 5 ปี หรือ 50,000 กม.