การปลอบใจเล็กๆ น้อยๆ สำหรับทำเนียบขาวนี้ไม่อาจปิดบังสัญญาณที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ว่าตำแหน่งประธานาธิบดีของไบเดนกำลังมีปัญหาหนักหนาแม้กระทั่งก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งคุกคามการตำหนิอย่างรุนแรงต่อพรรคประชาธิปัตย์ในบ้านของเขา การสำรวจทั่วประเทศของ New York Times/Siena College ที่ตีพิมพ์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เกิดขึ้นพร้อมกับเรื่องราวที่ไม่ประจบประแจงเกี่ยวกับอายุของ Biden และความสามารถทางการเมือง และการคาดเดาที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับโอกาสที่จะได้รับการเลือกตั้งใหม่ของเขา คำถามที่ว่าพรรคเดโมแครตคนใดกล้าท้าทายเขาในเบื้องต้นนั้นเป็นหัวข้อที่ร้อนแรงมากขึ้นแม้จะถูกไล่ออกโดยผู้นำผู้สมัครที่มีศักยภาพทางเลือก
อย่างไรก็ตาม ไบเดน ซึ่งได้รับคะแนนความเห็นชอบเพียง 33% ในการสำรวจ ยังคงอยู่ในเกมกับทรัมป์ การสำรวจแสดงให้เห็นว่าไม่มีผู้นำที่ชัดเจน โดยไบเดนมีรายได้ 44% แก่ทรัมป์ 41% ในหมู่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ลงทะเบียนภายในขอบเขตข้อผิดพลาดในการสุ่มตัวอย่างของโพล การสำรวจความคิดเห็นเป็นเพียงภาพรวมของช่วงเวลา แต่แทบจะไม่มีข่าวให้กำลังใจสำหรับอดีตประธานาธิบดี และแสดงให้เห็นว่าเขามีหนี้สินมหาศาลในเขตเลือกตั้งทั่วไป แม้จะมีความคาดหวังในหมู่ผู้สนับสนุนสื่อที่อนุรักษ์นิยมว่าเขาจะล่องเรือเพื่อแก้แค้นไบเดนผู้สูงวัยในปี 2024
แต่ความใกล้ชิดยังชี้ให้เห็นถึงประเด็นที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นซึ่งกำลังเกิดขึ้นในขณะที่ถังน้ำมันของสหรัฐฯ เข้าสู่ปี 2024 และมีความหมายมากกว่าตัวตนของผู้ที่นั่งในสำนักงานรูปไข่ในปี 2025 ประเทศที่ติดหล่มอยู่ในวิกฤตการณ์หลายครั้ง เหินห่างทางการเมืองภายในและเผชิญกับความเสี่ยง จุดวาบไฟระหว่างประเทศอาจได้รับการแข่งขันปี 2024 ระหว่างผู้สมัครสองคนที่คำตอบไม่ได้ผลในช่วงแปดปีที่ผ่านมาและผู้คนหลายล้านอยากเห็นการเกษียณจากเวทีเพื่อให้มีที่ว่างสำหรับใบหน้าที่อายุน้อยกว่าและสดชื่นกว่า
สถานการณ์ดังกล่าวจะเป็นข้อกล่าวหาของระบบพรรคที่หลอมรวมเป็นความผิดปกติโดยการเข้าข้างมากเกินไปและการโจมตีของทรัมป์ในการเลือกตั้งในปี 2563 มีแนวโน้มว่าจะออกจากผู้ชนะในปี 2567 โดยไม่ได้รับมอบอำนาจในเวลาที่วอชิงตันล้มเหลวในการตอบสนองต่อความต้องการระยะยาวของประเทศ และมันจะทำให้ศรัทธาของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกี่ยวกับระบบการเมืองตึงเครียดมากขึ้น
คุณลักษณะที่กำหนดของแคมเปญ 2024
ประเทศที่จุดชนวนทางการเมืองเป็นลักษณะเด่นของการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีมาหลายชั่วอายุคน อาจต้องทนกับความเกียจคร้านครั้งสุดท้ายระหว่างเด็กทารกในทศวรรษ 1940 ที่พยายามท้าทายเวลา
แต่ในความขัดแย้ง ประธานาธิบดีที่พรรคส่วนใหญ่ต้องการเกษียณอายุ และอดีตประธานาธิบดีที่ลาออกจากตำแหน่งด้วยความอับอายอย่างสุดซึ้ง อาจเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่จะขับไล่ โอกาสของการแข่งขันในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2567 ระหว่างชายคนหนึ่งที่อายุเพียง 82 ปีและอดีตหัวหน้าผู้ก่อความไม่สงบในวัย 78 ปีเป็นเรื่องจริงมาก
ไบเดนเป็นคนภาคภูมิใจ เขารอมาทั้งชีวิตเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดี และไม่พอใจที่ถูกมองข้ามไปเพราะเห็นชอบกับบารัค โอบามาและฮิลลารี คลินตันในการเสนอชื่อจากพรรคเดโมแครตก่อนหน้านี้ ทีมของเขายืนกรานว่าเขากำลังลงสมัครรับเลือกตั้งใหม่และเขามีประเด็นในการพูดคุยที่ดีที่สุด เขาเอาชนะทรัมป์ไปแล้วและสมควรได้รับโอกาสให้ทำซ้ำ
ในขณะเดียวกัน ทรัมป์ก็ต้องการเริ่มการรณรงค์แก้แค้น เพื่อนร่วมงานบอกกับซีเอ็นเอ็น แม้กระทั่งก่อนกลางเทอมเดือนพฤศจิกายน เขาอาจต้องการกระโจนเข้าไปเพื่อหยุดคู่แข่งของ GOP ที่มีศักยภาพ ใช้ประโยชน์จากคะแนนการอนุมัติที่ต่ำของ Biden และวาดภาพผู้อ้างอิงทางอาญาที่อาจเกิดขึ้นจากคณะกรรมการคัดเลือกของสภาเพื่อตรวจสอบความพยายามทำรัฐประหารของเขาว่าเป็นอุบายทางการเมืองที่เปลือยเปล่า
ความพยายามใด ๆ จากภายในพรรคประชาธิปัตย์และพรรครีพับลิกันในการผลักดันผู้สมัครคนใดคนหนึ่งออกไปอาจส่งผลย้อนกลับ และอาจต้องการให้ผู้ท้าชิงต้องวางอนาคตทางการเมืองของตนเองไว้ในการทำเช่นนั้น ซึ่งลดโอกาสที่การแข่งขันหลักที่แข่งขันกันอย่างแท้จริง โอกาสที่ไบเดนหรือทรัมป์จะล้มเลิกการแข่งขันเพื่อผลประโยชน์ของพรรคพวกที่อยู่ไกลขนาดนี้ดูเหมือนจะเบาบาง แม้ว่าเหตุการณ์และคำถามด้านสุขภาพจะยังสามารถกำหนดอนาคตของคู่แข่งทั้งสองได้
ไบเดนลดตำแหน่งประธานาธิบดี
ตำแหน่งประธานาธิบดีของไบเดนตกอย่างอิสระมาเกือบปีแล้ว นับตั้งแต่การถอนตัวของสหรัฐฯ ที่ยุ่งเหยิงและนองเลือดจากอัฟกานิสถานเมื่อฤดูร้อนที่แล้ว และคำสาบานของเขาที่ทำตามคำมั่นในวันที่ 4 กรกฎาคมปีที่แล้วว่าการระบาดของโคโรนาไวรัสได้สิ้นสุดลงแล้ว ทั้งสองบ่อนทำลายรายละเอียดงานที่ได้รับมอบหมายด้วยตนเองในฐานะผู้ให้บริการของอเมริกา
ไม่ใช่แค่รีพับลิกันที่เป็นอิสระและข้ามกลุ่มที่สูญเสียศรัทธาในไบเดน การสนับสนุนของเขาในพรรคของเขาเองก็ลดลงเช่นกัน ตามการสำรวจของ Times ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามากกว่า 60% ของพรรคเดโมแครตเลือกผู้ได้รับการเสนอชื่ออื่นในปี 2567 ผู้ที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงอ้างถึงอายุและผลงานของ Biden เป็นเหตุผลสองประการ นี่เป็นสัญญาณเตือนที่กะพริบสำหรับประธานาธิบดี
หากพรรคเดโมแครตทำผลงานได้ไม่ดีในช่วงกลางเทอม ซึ่งคาดว่าพวกเขาจะแพ้ในสภาแต่อาจยึดติดกับวุฒิสภา การเรียกร้องให้มีหน้าใหม่ที่ด้านบนของตั๋วปี 2024 จะเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน เอ็ดเวิร์ด-ไอแซก โดเวเรแห่งซีเอ็นเอ็นใช้เวลาช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาจัดการกับความไม่สงบในหมู่พรรคเดโมแครตเกี่ยวกับประธานาธิบดีของพวกเขา แต่เขาพบว่ามีแนวร่วมที่เป็นหนึ่งเดียวจากบุคคลสำคัญในพรรคที่เตือนขบวนการต่อต้านไบเดนสามารถปล่อยให้พรรครีพับลิกันชนะในปี 2567 ไม่มีใครต้องการเตือนว่า ส.ว. เอ็ดเวิร์ด เคนเนดีเป็นอย่างไร ความท้าทายในปี 1980 ประธานาธิบดีจิมมี่ คาร์เตอร์ที่อ่อนแอถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกระยะเดียวที่ไบเดนถูกเปรียบเทียบมากขึ้นเรื่อยๆ และประกาศ 12 ปีของพรรครีพับลิกันในสำนักงานรูปไข่ แต่การเลือกตั้งกลางภาคที่หายนะจะเพิ่มแรงกดดันต่อไบเดนอย่างทวีคูณ
ในขณะที่ทำเนียบขาวปฏิเสธคำถามเกี่ยวกับการเลือกตั้งครั้งต่อไปเนื่องจากการเก็งกำไรของสื่อ การสนทนาเกี่ยวกับอายุและโอกาสของไบเดนก็เพิ่มขึ้นในหมู่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจากพรรคเดโมแครตและชาวอเมริกันจำนวนมากขึ้นนอกฟองสบู่ประธานาธิบดี เนื่องจากไบเดนเป็นประธานาธิบดีที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในครั้งที่สองที่เขาสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ปัญหาเรื่องอายุของเขาจึงเกิดขึ้นเสมอ ปัญหาทางการเมืองของเขาอาจแค่ทำให้การสนทนาก้าวหน้า เหตุการณ์อย่างเช่นเมื่อเร็วๆ นี้ที่ไบเดนตกจากรถจักรยานของเขา ซึ่งอาจเกิดขึ้นกับประธานาธิบดีคนใดก็ได้ ได้รับการรายงานข่าวมากขึ้นเมื่อพิจารณาจากอายุของเขา และปฏิเสธไม่ได้ว่าประธานาธิบดีไม่ใช่นักการเมืองที่เฉียบขาด ปราดเปรียว และเป็นแก่นสาร แม้กระทั่งดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีก็ตาม เขาอายุมากอย่างเห็นได้ชัดในที่ทำงาน โชคร้ายของเขาที่แม้จะออกกำลังกายเป็นประจำและมีรายงานของแพทย์ว่าเขาเหมาะสมที่จะรับราชการ แต่เขาก็ต้องอดทนต่อการพิจารณาของสาธารณะอย่างไม่หยุดยั้ง แต่นั่นก็มาพร้อมกับงาน
ทำเนียบขาวต้องเตรียมพร้อมสำหรับคำถามอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับแผนการในอนาคตของไบเดน เจมส์ คาร์วิลล์ นักยุทธศาสตร์จากพรรคเดโมแครตกล่าวกับเอริน เบอร์เนตต์ของซีเอ็นเอ็นเมื่อวันจันทร์ “มันจะไม่หายไป ฉันสงสัยว่าพวกเขาไม่ชอบเรื่องนี้มาก แต่พวกเขาจะต้องจัดการกับมัน” คาร์วิลล์ผู้บงการชัยชนะของบิลคลินตันในปี 2535 กล่าว
โฆษกทำเนียบขาว Karine Jean-Pierre ในวันจันทร์ยืนยันว่า Biden มุ่งเน้นไปที่ปัจจุบันไม่ใช่อนาคต “โพลจะขึ้นและกำลังจะลง” เธอกล่าว “นี่ไม่ใช่สิ่งที่เรามุ่งเน้นเพียงอย่างเดียว”
ไบเดนจะพลิกมันได้อย่างไร
ปัญหาของไบเดนในหมู่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในพรรคเดโมแครตอาจสะท้อนถึงลักษณะการแบ่งแยกในพรรคของเขา – และแม้กระทั่งความสำเร็จของเขาเองในปี 2020 ชัยชนะของเขาในขั้นต้นของพรรคเดโมแครตก็ก่อตัวขึ้นในขณะที่เขาวิ่งเป็นเสียงรัฐบุรุษสำหรับเสียงข้างมากของฝ่ายกลางในงานปาร์ตี้ที่เพิ่มมากขึ้น ฐานที่อ่อนเยาว์และก้าวหน้า
แต่พันธมิตรที่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งนั้นได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นความรับผิดชอบในการปกครองในหลายกรณี แม้จะประสบความสำเร็จในช่วงแรกๆ เช่น ผ่านร่างกฎหมายบรรเทาทุกข์จากโควิด-19 ครั้งใหญ่ การขจัดความยากจนในเด็ก และการลงนามในกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานของพรรคการเมือง ความหวังในยุคของการปฏิรูปแบบก้าวหน้าของลินดอน จอห์นสัน ได้ก่อให้เกิดความคับข้องใจของสภาหัวก้าวหน้าที่โกรธจัดที่วุฒิสมาชิกระดับกลางอย่างโจ มันชิน แห่งเวสต์เวอร์จิเนียลดลง วาระการประชุมของไบเดน ไม่น่าจะเป็นไปได้ยากที่ผลักดันให้เกิดชัยชนะครั้งใหญ่ เช่น การใช้จ่ายด้านสังคมและสภาพภูมิอากาศ ก่อนที่ช่วงกลางภาคจะกระตุ้นผู้มีสิทธิเลือกตั้งจากพรรคเดโมแครตและปรับปรุงโอกาสของไบเดน แต่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ มีสัญญาณต่างๆ ที่สร้างความตื่นตระหนก รวมถึงการตอบโต้เบื้องต้นของทำเนียบขาวต่อศาลฎีกาที่ล้มล้างสิทธิตามรัฐธรรมนูญในการทำแท้ง ซึ่งเป็นไปตามร่างความคิดเห็นเสียงข้างมากที่เผยแพร่โดย Politico เมื่อสัปดาห์ก่อน
ทำเนียบขาวสะดุดกับการทำแท้งทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความคล่องแคล่วของปฏิบัติการไบเดนด้วยการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งใหม่หลังสอบกลางภาค การลงสมัครรับตำแหน่งประธานาธิบดีทำให้เกิดความท้าทายชุดใหม่ที่ไม่คุ้นเคยตั้งแต่แคมเปญแรก ผู้บัญชาการทหารสูงสุดถูกฉีกขาดระหว่างหน้าที่ของเขาในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศและมักจะเหน็ดเหนื่อยกับการรณรงค์ข้ามประเทศ เป็นเรื่องยากสำหรับประธานาธิบดีคนใดที่จะตามให้ทัน นับประสาใครที่จะอายุ 81 ปีในช่วงปีการเลือกตั้ง นี่คือเหตุผลที่นักยุทธศาสตร์บางคนยังคงคิดว่าในที่สุด Biden จะพิจารณาโอกาสของเขาในปี 2024 และตัดสินใจที่จะไม่ลงแข่งอีกครั้ง มันคงเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดหากเขาเลียนแบบจอห์นสัน ไม่ใช่ด้วยขอบเขตของโครงการปฏิรูปภายในประเทศของเขา แต่ด้วยการตัดสินใจที่จะไม่แสวงหาการเลือกตั้งใหม่หลังจากจบเทอมแรกท่ามกลางโอกาสทางการเมืองที่ย่ำแย่
ทว่า Biden มีไพ่ใบเดียวที่จะเล่นกับพรรคเดโมแครตที่สามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้ การเปิดตัวแคมเปญในช่วงแรกโดยทรัมป์จะทำให้ประธานาธิบดีเริ่มวาดภาพที่ตรงกันข้ามอีกครั้งกับทางเลือกที่เป็นไปได้ซึ่งพรรคเดโมแครตเกือบทั้งหมดมองว่าน่าสะพรึงกลัว และชาวอเมริกันอีกมากมาย
ตัวอย่างเช่น การสำรวจของ New York Times พบว่าหากตัวเลือกในปี 2024 อยู่ระหว่าง Biden และ Trump พรรคเดโมแครต 92% จะยึดติดกับประธานาธิบดี