คุยชิลๆ กับนักแสดงคู่ซี้ “มีน-ปิง” พาย้อนวันวาน อดีต(เคย)ตัวตึงครับจารย์

มีน นิชคุณ และ ปิง กฤตนัน สองหนุ่มนักแสดงน้องใหม่จากซีรีส์ อัยย์หลงไน๋ ที่กำลังขโมยหัวใจแฟนๆ ทางหน้าจอเวลานี้ กับด้วยรูปลักษณ์ความหล่อและความน่ารักแบบตะโกนที่มาพร้อมกัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสองหนุ่มคู่จิ้น มีน-ปิง ก็เป็นอีกหนึ่งคู่ที่น่าจับตาในวงการ

sanook.com เลยจับเข่าคุยสองหนุ่ม มีน-ปิง พูดคุยแบบสบายๆ (สบายจริงๆ) ชวนเปิดตัวตนย้อนวัยเล่าวีรกรรมสมัยเรียน ที่เรียกว่าเปิดหมดเปลือก ใครจะรู้ว่าก่อนจะมาถึงวันนี้ สองหนุ่มเรียกว่าเป็นตัวตึงผ่านจุดเป็นเด็กเกเรจนเกือบโดนไล่ออกจากโรงเรียนมาแล้ว อดีตของตัวตึงทั้งสองจะมีวีรกรรมวัยเด็กอะไรบ้าง และความฝันของพวกเขาคืออะไร มาล้วงลึกตัวตนของ มีน-ปิง ไปด้วยกันเลยดีกว่า!

 มีน-ปิง อัยย์หลงไน๋

แนะนำตัวเองสั้นๆ ให้แฟนๆ รู้จักหน่อย 

มีน: สวัสดีครับ มีน-นิชคุณ ขจรบริรักษ์ ผมเกิดวันพุธที่ 3 มีนาคม 2542 ตอนนี้อายุ 23 ครับ เป็นคนจังหวัดน่าน งานดิเรกชอบเล่นบาสครับ ผมเป็นนักบาสอาชีพอยู่แล้ว เรียนจบจากโรงเรียนอัสสัมชัน ธนบุรี เป็นทุนนักกีฬา จบจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ

ปิง: สวัสดีครับผม ปิง-กฤตนัน อัญชนานันท์ ตอนนี้อายุ 18 ปี เกิดวันที่ 6 กันยายน ปี 2547 ครับ เป็นคนกรุงเทพฯ ครับ จบจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ตอนนี้อยู่ปีหนึ่งที่มหาวิทยาลัยดุสิตธานีครับ

เข้าวงการมายังไง ผลงานแรกคืออะไร 

มีน: เริ่มต้นเป็นนายแบบอยู่ตอนอายุ 17-18 ตอน 19 มีผลงานการแสดงละคร, ซีรีส์ เรื่องแรกที่ถ่ายในชีวิตก็คือเรื่อง พราวมุก ของช่อง 3 รับบทเป็น เลขาภูมิครับ แล้วก็ซีรีส์ บังเอิญรัก ซีซั่น 2 เรื่องที่ 3 ก็เรื่องอัยย์หลงไน๋ ส่วนเรื่องที่ 4 กำลังถ่ายอยู่เรื่อง ดุจอัปสร รับบทเป็นคู่ที่สองครับ (ความรู้สึกที่ตื่นเต้นที่สุดตอนแคสงานได้) จะเป็นสมัยตอนเด็กมากกว่าครับ เพราะเรารู้สึกว่างานไหนที่ได้มาจะดีใจมาก เพราะเมื่อก่อนเราอยู่อัสสัมชัญธนบุรี มันจะอยู่ตรงแถวพุทธมณฑลสายสาม บางแค ซึ่งผมต้องเดินทางต่อรถเมล์ ต่อบีทีเอสอะไรมา ไปตรงทาวน์อินทาวน์บ้าง หรือตรงที่ไกลๆ บ้าง ต้องไปอย่างงี้ตลอด แล้วไปเป็นร้อยครั้งเลย ได้สองงานอะไรแบบนี้ (ยิ้ม) งานแรกที่ได้แล้วดีใจมากๆ ก็เป็นงานโฆษณาครับที่แบบดีใจมากครับ 

ปิง: ก่อนหน้านี้ผมมีเดินแบบครับ พี่ก้อง (Hive Salon) มาเห็นผมจากไอจีก็ชวนไปเดินแบบ หลังจากนั้นก็รู้จักกับพี่ก้องมาตลอด จนตอนนี้ได้อยู่กับ(สังกัด)พี่ก้องแล้วครับ (ความรู้สึกตอนที่ได้ผลงานแรก) ผลงานแรกเหรอ ผมดีใจมาก ก่อนหน้านี้ผมไปแคสที่ไหน ไม่เคยคาดหวังว่าตัวเองจะได้เลย คิดว่ามันไม่น่าได้หรอก มีคนที่ดีว่าเรา คิดแบบนี้เสมอเลย ก่อนหน้านี้ก็ไปแคสเป็นสิบที่เลย พอได้อันนี้ก็งงนะ ตอนแรกคืองง แล้วก็ดีใจที่ได้มาเล่น แล้วก็ยังได้เล่นกับพี่มีนด้วย ตอนนั้นทั้งอึ้งทั้งดีใจ พูดไม่ถูกเลยครับ

ทั้งสองคนมาจากสายนายแบบเหมือนกัน เคยร่วมงานเดินแบบด้วยกันหรือเปล่า

มีน: เคยครับ มันมีปีที่แล้วที่ก่อนร่วมงานกัน ก็เดินแบบด้วยกันครับ

ปิง: แต่ว่าตอนนั้นยังไม่รู้จักกันนะ แต่เห็นกันผ่านๆ ครับ (ยิ้ม)

ช่วยเล่าความรู้สึกตอนที่ได้รู้ว่าจะได้เล่นคู่กันหน่อย

มีน: คือก่อนหน้านี้ ผมเห็นปิงมาก่อนที่จะมาเล่นด้วยกัน ตอนแรกผมเกือบยกมือสวัสดี (หัวเราะ) เพราะสูงมาก มันจะมีช่วงที่เรายังใส่แมสก์อยู่ ยังเห็นหน้าไม่ชัด ก็แบบ เออ หวัดดี แต่พอดีว่าเขาหวัดดีก่อน เรายังไม่รู้อายุกัน ว่าเขาอายุเท่าไร แต่พอรู้ เห้ย 18 ปีเองเหรอ แต่ตอนนั้นผมก็กำลังจะเรียนจบ แต่น้องเขาสูงมาก นั่นคือที่ได้เห็นเขาครั้งแรก แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากครับ แล้วพอเรื่องนี้มาแคสด้วยกัน ผมก็เห้ย น้องคนนี้นี่หว่า เราเลยแบบ น้องอายุ 18 พอเข้ามาในคาแรกเตอร์ ต้องเล่นเป็นเฉินไน๋ เขาคือคนนี้เลย ทุกคนที่เป็นทีมงานแคสติ้ง ก็บอกเลยว่าคนนี้แหละเฉินไน๋ 

ปิง: เฟิร์สอิมเพรสชั่นที่ได้รู้ว่าได้เล่นกับพี่มีน ก็ดีใจมากครับ เอาจริงๆ ส่วนตัวปิงคิดว่าพี่มีนเป็นคนที่หล่อมาก (มีน:*หัวเราะ) ใช่ ส่วนตัวปิงมองว่าพี่มีนเป็นคนที่หล่อเลย คือตอนแรกเราคิดเอง เรายังไม่เข้าใจคำว่า เคมี ว่ามันคือยังไง แต่พอเราได้มาดูตัวเอง มันก็อ๋อ มันก็เคมีนี่หว่า มันก็ดูคลิกอยู่นะ ก็… ถามว่าอะไรนะครับ (หัวเราะ) 

มีน: (หัวเราะ) เป็นไงครับ เฉินไน๋ ไหมครับ กำลังตอบๆ อยู่เลย กลับมาถามคำถามใหม่

 มีน-ปิง อัยย์หลงไน๋

ไอยเรศ คนนี้ตรงคาแรกเตอร์สำหรับปิงไหม 

ปิง: สำหรับพี่มีนเป็นไอยเรศเหรอครับ ปิงก็รู้สึกว่าไม่มีใครมาเป็นไอยเรศแทนพี่มีนได้ละ แหน่~ (หัวเราะกับมีน) ไม่ๆ ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ว่าพี่มีนดูเหมาะกับอัยย์มาก ดูบท ดูลุค ของพี่เขาจริงๆ เขาดูเป็นอัยย์จริงๆ ก็เลยทำให้เรายิ่งอินไปด้วย ส่วนเฟิร์สอิมเพรสชั่นที่ได้เจอพี่มีน ตอนนั้นจำไม่ได้ว่าเป็นตอนไหน แต่มันมีครั้งหนึ่ง น่าจะเป็นครั้งแรก พี่เขาให้หยิบลูกอมให้ (เจอครั้งแรกก็ใช้น้องเลยเหรอ) พี่เขาก็ให้หยิบลูกอมให้ “น้องหยิบลูกอมให้หน่อย” ตอนนั้นผมกลัวมากเลย พี่เขาดูดุๆ ผมกลัวมากอ่ะ พี่จำได้ไหม? (หันไปถามมีน *มีนพยักหน้า) จำได้ด้วย (หัวเราะ) จำได้ว่าวันนั้นไปหาพี่ก้อง แล้วพี่มีนเขามาสายมากับใครอีกคนหนึ่งนี่แหละ ลุคเขาดูดุๆ เราก็เลยไม่กล้าคุย พอรู้ว่าได้มาเล่นด้วยกันก็ดีใจมาก แล้วพี่เขามีผลงานมาก่อนด้วย ส่วนเรายังใหม่ เป็นเด็กอ๊องๆ คนหนึ่งที่เดินเข้าไป (หัวเราะ) ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าพี่เขาจะคิดยังไงเหมือนกัน ตอนแรกเกร็งๆ แต่ตอนนี้สนิทกันแล้วเนอะ มีน-ปิง: ครับผม 

พูดถึงความเป็นไอยเรศและเฉินไน๋ จากมุมมองของพวกเรากันไปแล้ว มาพูดถึงสิ่งที่ชอบในตัวของ ไอยเรศ และเฉินไน๋ หลังจากที่เราได้เล่นเป็นเขากันหน่อย 

ปิง: ผมชอบที่เฉินไน๋มีความเบอะๆ ตลกๆ มันสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนได้ ผมชอบส่วนนั้นของเขา

มีน: ผมชอบไอยเรศตรงที่เขา ตรงต่อความรู้สึกของตัวเอง แบบที่เขาคิดอะไร ทำอะไรตรงกับใจตัวเองตลอด เขาจะไม่สนผลที่ตามมา เป็นคนลุยๆ ใจๆ ดีครับ 

แล้วถ้าให้เลือกเป็นเพื่อนกับตัวละครของเรา อยากเป็นเพื่อนกับไอยเรศและเฉินไน๋ไหม?  

มีน: อยากนะครับ ถ้ามีเพื่อนแบบเฉินไน๋ ชอบเพื่อนที่เฮฮา เป็นตัวปั่นมุกอะไรแบบนี้ จริงๆ พออยู่กับปิงตลกได้ทุกเวลา มันจะมีคอนเทนต์ของปิงเอง คอนเทนต์ที่ปิงไม่ได้คิดเอง แต่มันจะมาเอง เนี่ยอีกสักพักเดี๋ยวพี่ก็เห็นเอง (หัวเราะ) อย่างเช่นเมื่อกี้ “เมื่อกี้ถามว่าอะไรนะครับ” (หัวเราะ) ประมาณนี้ครับ ส่วนไอยเรศผมก็อยากเป็นเพื่อนด้วย ผมรู้สึกว่าไอยเรศเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับแต่ละระดับของเพื่อน เป็นคนเทคแคร์เหมือนกันครับ

ปิง: อยากเป็นเพื่อนกับไอยเรศครับ เพราะรวย (หัวเราะ) ไม่ใช่ๆ ก็คือไอยเรศเป็นคนเนี้ยบครับ เพอร์เฟกต์ทุกอย่าง ถ้าเรามีเพื่อนแบบนี้เขาก็อาจจะช่วยคุม คอยเตือนเรา อย่างเช่นเรื่องทำการบ้าน เขาก็อาจจะมาช่วยเตือน เฮ้ย ทำการบ้านหรือยัง เดี๋ยวครูด่านะเว้ย ช่วยให้เราจัดการกับชีวิตได้ดีขึ้น 

เหมือนชีวิตเราต้องมีเพื่อนแบบนี้สักคน 

ปิง: ใช่ๆ 

มีน: ใครก็ได้มาจัดเวลาให้ผมที (หัวเราะ) 

ถ้าเรามีเฉินไน๋ในชีวิตมันจะดีขึ้นหรือไม่ดี 

มีน: ตลกนะ 

ปิง: เออผมชอบนะ สมมติเวลาเราเครียดๆ อยู่ แล้วได้อยู่กับเฉินไน๋เขาจะทำให้ขำ ทุกคนได้ผ่อนคลาย เราก็จะรีแล็กซ์มากขึ้น ผมว่าเป็นเรื่องที่ดีมากนะ ชีวิตเราต้องมีเสียงหัวเราะ 

มีน: ถ้าวันไหนที่เราขาดเพื่อนคนนี้ไปมันจะเงียบนะ 

ปิง: เออ มันจะเงียบเลย 

 มีน-ปิง อัยย์หลงไน๋

ไลฟ์สไตล์เป็นยังไง เป็นคนติดบ้าน หรือ ชอบออกไปเที่ยวข้างนอก

มีน: มีนติดห้อง ติดบ้านมากครับ ตั้งแต่เด็กเราเป็นคนไม่ค่อยออกไปไหนอยู่แล้ว คนปกติเลิกเรียนเขาจะไปร้องคาราโอเกะ กินข้าวอะไรแบบนี้ แต่ของผม กลับบ้าน เปลี่ยนรองเท้า เปลี่ยนชุด ซ้อมบาส ซ้อมบาสเสร็จก็ 4 ทุ่มไม่ได้ออกไปไหนต่อแล้ว ก็อยู่แต่บ้านตลอดครับ แต่พอว่าง ผมก็ไปอยู่สนามบาสอีก เล่นบาสตลอด ชีวิตวนเวียนแต่กับบาส พอย้ายมาเรียนที่กรุงเทพฯ อัสสัมชัญธนบุรี ก็อยู่แต่หอนักกีฬาครับ เขาไม่ให้ออกไปไหนอีก ก็เลยอยู่แต่ หอ ซ้อม เรียน วนแบบนี้ครับ ช่วงมหาวิทยาลัยนี่แหละ ถึงเริ่มได้ออกไปข้างนอก เพราะเราทำงานด้วยเลยได้ออกไป ช้อปปิ้งซื้อของข้างนอกบ่อยๆ ครับ การเล่นบาสผมเลยน้อยๆ ลงครับช่วงนี้ 

ปิง: ผมเป็นคนติดบ้านเหมือนกันครับ ถ้าไม่มีเพื่อนชวนออกไปไหน ส่วนใหญ่ก็จะอยู่แต่บ้าน นอนเล่นทั้งวัน แต่ถ้าออกไปทำงานก็ออกได้ทุกวันนะครับ (หัวเราะ)

ถ้าได้เที่ยว อยากไปเที่ยวที่ไหนกัน มีที่อยากไปเที่ยวสักครั้งไหม

ปิง: ไปที่ไหนเหรอ ไปดาวอังคารครับ (หัวเราะ) หยอกๆ อยากไปอังกฤษครับ อยากไปดูบอลครับ (เชียร์ทีมไหนคะ) เชียร์แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดครับ! (หัวเราะ)

มีน: ของมีนก็เหมือนน้องครับ แต่ของมีนจะเป็นทางบาส อยากไปฝั่งยุโรป อเมริกาครับ ไปดูสักครั้งในชีวิต ไปดูในสนามว่าเป็นยังไง ไปเจอผู้เล่นที่เราชอบ ในสนามตัวจริงจะสูงตัวใหญ่ขนาดไหน (มีใครเป็นนักบาสในดวงใจคะ) เลอบรอน เจมส์ (LeBron James) ครับ ตอนนี้เขาอยู่ เลเกอร์ส (Los Angeles Lakers) เชียร์เลเกอร์สเพราะเลอบรอน เจมส์ นี่แหละครับ

 มีน-ปิง อัยย์หลงไน๋

มาพูดถึงช่วงชีวิตตอนเด็กกับตอนโตกันบ้างดีกว่า ตอนเด็กเป็นคนยังไง มีอะไรแตกต่างจากตอนโตไหม

ปิง: ตอนเด็กผมเป็นเด็กเกเรเลยครับ ช่วง ป.3 ครั้งหนึ่งมันจะมีงานที่เขามาจัดที่โรงเรียน ผมจะมีเพื่อน 2 คนที่สนิทกัน รวมกันเป็น 3 คนที่จะเกเรมาก ไม่ตั้งใจเรียน ตอนเขามาจัดงานที่โรงเรียน ผมก็ไปขโมยแว่นตาดำน้ำของเขา พอครูจับได้ก็เชิญผู้ปกครองมา กลายเป็นเรื่องใหญ่โตมากๆ ชีวิตวัยเด็กของผม ตั้งแต่ ป.1-ม.1 ไม่เคยได้ไปไหนกับเพื่อนเลย ไม่เคยไปเที่ยวกับเพื่อน เพื่อนคนอื่นเลิกเรียนก็จะไปเที่ยวห้างต่อ แต่ผมไม่เคยเลย เพราะบ้านผมอยู่ใกล้โรงเรียนมากๆ ตอนเด็กๆ ป๊าจะขับรถเข้ามารับในโรงเรียนเลย จนถึง ม.3 ป๊าก็ยังขับเข้ามารับในโรงเรียนนะ เราก็จะอายเพื่อน ฟีลแบบเด็กๆ ทำไมป๊าต้องมารับในโรงเรียน เรานั่งสองแถวกลับก็ได้ มันเป็นความคิด ณ ตอนนั้นนะครับ แต่ ณ ตอนนี้การที่มีป๊าไปรับไปส่งเป็นเรื่องที่ดีมากๆ เลย เราจะอายทำไม แต่ก็เกทฟีลตัวเองตอนเด็กในตอนนั้นนะ มันจะมีอารมณ์อายเพื่อน คนอื่นไม่เห็นมีป๊าม๊ามารับเลย เขาก็กลับกันเองไปเที่ยวนู่นนี่กันต่อ ทำไมป๊าต้องมารับด้วย ก็ฟีลเด็กๆ วัยรุ่นครับ แต่หลังจากนั้นช่วง ม.4 ม.5 ม.6 ป๊าจะไม่เข้ามารับในโรงเรียนละ ป๊าจะรอฝั่งตรงข้าม ปิงจะเดินข้ามสะพานลอยไปหาป๊าแล้วก็กลับบ้านครับ ส่วนการเที่ยวครั้งแรกของปิง คือเที่ยวสยามครั้งแรกตอน ม.2 ทั้งที่บ้านใกล้นะครับ นั่งรถไฟฟ้าก็ถึง แต่ก็ต้องกลับบ้านไม่เกิน 1 ทุ่ม แรกๆ จะเป็นเวลานั้น พอเริ่มโตขึ้นเวลาเริ่มขยับได้ เป็น 2 ทุ่มบ้าง 3 ทุ่มบ้าง 5 ทุ่ม ยันเช้าเลย หยอกๆ ไม่มีครับ (หัวเราะ) แค่ค่อยๆ ดึกขึ้นได้ครับ ป๊าเขาเริ่มไว้ใจว่าเราดูแลตัวเองได้มากขึ้น เขาก็เริ่มๆ ปล่อยเรา จะเข้มงวดตอนเด็กมากกว่าครับ โตแล้วเขาก็เริ่มปล่อย แต่ก็มีดุบ้างตามประสาผู้ใหญ่ แต่เขาเชื่อแล้วว่าเราดูแลตัวเองได้ครับ 

มีน: ตอนเด็กผมก็เกเรครับ เกเรมากๆ (ตัวตึงเมืองน่าน) ฟีลเด็กต่างจังหวัดปั่นจักรยานไปเที่ยวกับเพื่อน โอ้เย เลยครับ เราโตมากับย่า ย่าจะปล่อยไม่ค่อยตามอะไร ปล่อยไปเล่นกับเด็กข้างบ้าน เขาปล่อยเราเลยเกเร พอได้รู้จักบาสเราเลยได้รู้สึกมีอะไรทำ ไม่ได้ไปเกเรเหมือนเมื่อก่อน 

คำว่าเกเรในความหมายของเรา ช่วงที่อยู่ต่างจังหวัด มันมีวีรกรรมอะไรบ้าง

มีน: ตอนเด็กผมชอบแกล้งคนอื่น แกล้งเพื่อน และเป็นคนไม่ยอมใครง่ายๆ สมมติว่าเราเตะบอลกับเพื่อน ถ้าเพื่อนชนะเราจะไม่ยอม ไม่ได้ มึงต้องแพ้ ยอมไม่ได้เลยตอนเด็ก แต่พอโตมาเรารู้จักกีฬา การแพ้ชนะเป็นเรื่องปกติ พอได้กลับไปย้อนมองตัวเองตอนเด็ก ก็คิดนะ เราจะจริงจังอะไรขนาดนั้น ทำไมวะ ชนะได้ถ้วย ได้ตังค์หรือเปล่า ก็ไม่… ตอนเด็กมันฟีลเด็กต่างจังหวัดมันจะแบบ… บอกไม่ถูกเหมือนกัน มันจะแตกต่างเด็กในกรุง พอมาอยู่กรุงเทพ อยู่ได้สักพักหนึ่ง ผมคือเด็กต่างจังหวัดที่เข้ามาอยู่ในกรุงเทพ ผมใจแตกตั้งแต่ปีแรกเลย (ใจแตกเลยเหรอ) ใจแตกเลย ผมไม่เข้าเรียน เที่ยว จนเกือบโดนไล่ออกจากโรงเรียน โค้ชก็เรียกให้แม่มาคุย ว่าเราเป็นยังไง โดนแบนไม่ให้แข่ง ผมได้ทุนนักกีฬาแต่ก็โดนแบนไม่ให้แข่ง สรุปมารู้ว่าเกเรเขาเลยไม่ให้แข่ง ตอนอยู่ต่างจังหวัดเราเป็นนักกีฬา พอมาอยู่กรุงเทพผมรู้สึกว่าไม่อยากให้ใครมาดูถูกเรา ไม่ชอบเป็นขี้ปากใคร ผมก็เลยเลิกใจแตกแล้วก็กลับมาซ้อม มาฮึดเอาใหม่ ดีที่เราไม่ได้ไปไกลกว่านั้น เลยมีแรงฮึดอีกครั้ง ผมก็ซ้อมๆ ผมตั้งใจซ้อมมากๆ แล้วผมก็ติดทีมชาติ มันเป็นช่วงที่หลุดไปช่วงนึงของชีวิตแต่ก็กลับมาได้ครับ

 มีน-ปิง อัยย์หลงไน๋

มาพูดถึงความฝันกันหน่อย เริ่มที่มีนเลยแล้วกัน ตอนแรกเราก็เหมือนจะไปในเส้นทางนักกีฬา แต่ตอนนี้เข้าวงการบันเทิงได้

มีน: จริงๆ ความฝันของผมไม่ได้อยากติดทีมชาติอะไรขนาดนั้น ผมชอบบาส ผมก็เลยเล่น ก็เลยมาแข่ง แต่ด้วยผมมีพัฒนาการ มีสกิลที่ดี ผมก็เลยต่อยอดได้ สโมสรมาเห็นก็ดึงไปเซนสัญญา ไม่แน่ใจตอนนี้หมดสัญญาหรือยัง ก็ไม่ได้ไปแข่งให้เขาเหมือนกัน แต่ว่าเฮียเจ้าของสโมสรเขาก็เข้าใจ เฮียเขาก็ว่าเรามาทำงานด้านนี้ก็เลยปล่อย ไม่ได้มาพูดมาแข่งให้ได้ไหม เขาบอกว่าเออไปทำงานเลย ผมโชคดีที่มีผู้ใหญ่ที่เขาใจ (ตอนนี้เราเลือกได้แล้วหรือเปล่าว่าจะมาในเส้นทางของนักแสดง) ตอนนี้ผมก็มองเส้นทางการเป็นนักแสดงไว้เหมือนกัน แต่ทุกคนไม่ควรมีอาชีพเดียว ผมก็ยังอยู่ในช่วงเวลาที่คิดอยู่ครับว่าจะทำอะไร ส่วนทางสายกีฬาผมก็มีคิดๆ ไว้ว่าถ้าว่าง ก็จะกลับไปฟิตแล้วไปแข่ง ผมชอบแข่งบาสมากครับ ชอบมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ผมชอบแข่งขันครับ! (หัวเราะ)

ปิง: ความฝันของปิงเหรอครับ พี่รู้จักงิ้วไหมครับ งิ้วจีนๆ อ่ะครับ บ้านผมจะอยู่ใกล้ศาลเจ้า แล้วเขาจะมีงิ้วมาเล่น มาตั้งโรงไม้ จัดเวที ตอนเด็กๆ ผมบ้างิ้วมาก งิ้วจะเล่นตอนกลางคืนใช่ไหมครับ แต่ผมไปตอนกลางวัน ผมปั่นจักรยานไปเลย ไปดูโรงงิ้ว แค่ผมได้ไปนั่งกอดเข่าดูโรงงิ้วผมก็มีความสุขแล้วครับ (หัวเราะ) (เขายังไม่แสดงใช่ไหม) ยัง แต่ผมไปนั่งดูโรงงิ้วเฉยๆ จริงๆ (หัวเราะ) ปั่นจักรยานไปนั่งดู แดดร้อนๆ เลยนะ (มันไม่มีร่มให้เรานั่งดูเหรอ) มันก็มีร่มนะ แต่วิสัยทัศน์การมองมันจะแคบไง ผมยอมตากแดด ผมก็นั่งมองเวที มองชื่อคณะ ดูฉาก แค่นั้นผมก็มีความสุขมากแล้ว ตอนเด็กผมเลยอยากเป็นนักแสดงงิ้วครับ (ยิ้ม) กลับบ้านผมไปซื้อดาบมาฟันเล่น งิ้วเขาจะมีผ้าม่านสองฝั่งก่อนขึ้นแสดงใช่ไหมครับ แล้วบ้านผมมีม่านสองฝั่งพอดี ผมก็เลยไปอยู่ในม่าน (หัวเราะ) เวลาญาติมาที่บ้าน ผมก็จะมีฉากที่เตรียมไว้ มีกลอง มีฉาก อะไรต่างๆ ผมก็เล่นก็ตี โช้งเช้งๆ อะไรแบบนี้ครับ (หัวเราะ) ครับ อันนี้คือตอนเด็กๆ พอโตขึ้นมาหน่อย ผมอยากเป็นนักบอล ผมชอบเตะบอลมาก ชีวิตนี้ผมขาดบอลไม่ได้ ต้องดูบอลตลอด พี่มีนชอบบาสมากใช่ไหม ผมก็ชอบบอลมากๆ โตมาก็อยากเป็นนักบอล ชอบเมสซี่มากๆ ชอบตั้งแต่นิสัย ความสามารถ เขาดูมีความอ่อนน้อมถ่อมตน แล้วเขาเก่งแบบโคตรเก่ง พอโตมาอีกนิดนึง อยากเป็นนักพากย์บอล (หัวเราะ) (ความฝันคุณเยอะมากนะ) ผมมีไอดอลด้วยนะ ไอดอลผมคือน้าหัง อัฐชพงษ์ สีมา “ปั่นโค้งๆ” อะไรแบบนี้ สไตล์น้าหังเลย ผมชอบมาก (หัวเราะ) ถ้าไม่ได้เป็นนักแสดง ผมก็คงจะทำอาหาร ผมชอบทำอาหาร อืม… ไม่มีแล้วครับ (ยิ้ม) จริงๆ ผมก็ชอบพากย์บอลอยู่นะ ถ้ามีงานจ้างได้นะครับ (หัวเราะ) 

เป็นยังไงบ้างกับอดีตเคยตึงครับจารย์ของสองหนุ่ม แสบเซี้ยวไม่ใช่เล่นเลยใช่ไหม บอกเลยว่าเป็นสัมภาษณ์ที่ทีมงานขำจนเหนื่อย แต่ได้ดาเมจความสดใสของสองหนุ่มมาเพียบ ใครที่โดนสองหนุ่ม มีน-ปิง ตกเข้าอย่างจัง อย่าลืมไปติดตามผลงานล่าสุดของเขาได้ในซีรีส์ อัยย์หลงไน๋ จ้า