LONG TERM TEST DRIVE ทดสอบระยะยาว 35000 กิโลเมตร ใน SUBARU FORESTER 2.0iS EYESIGHT

This image is not belong to us
This image is not belong to us
This image is not belong to us

ลูกค้าที่ยังจงรักภักดีต่อรถยนต์ยี่ห้อ Subaru นั้นส่วนใหญ่มักเป็นคนที่รักการขับรถและชอบระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาแบบสมมาตร หรือ symmetrical all-wheel drive หากมองในอีกแง่มุมหนึ่ง กลุ่มลูกค้าเก่าของ Subaru Forester ก็คือคนที่ตกลงปลงใจเลือกรถ SUV จากแบรนด์หมู่ดาวโดยไม่แคร์ หรือไม่สนใจเรื่องของราคาขายต่อและศูนย์บริการที่มีอยู่เพียงน้อยนิด เป็นนักขับที่เบื่อสภาพการควบคุมของรถ PPV SUV ในประเทศที่ขับยังไงก็ไม่สามารถสลัดคราบเคราของช่วงล่างและแชสซีของรถปิกอัพออกไปได้ หลังจาก Subaru Forester ทำตลาดมานานเกือบ 10 ปี โมเดลบิ๊กไมเนอร์เชนจ์ของ New Forester 2020 รุ่นประกอบในประเทศ ถูกเปิดตัวในประเทศไทยช่วงปลายปี 2019 พร้อมๆ กับการลดราคาให้ต่ำลงมาจนอยู่ในเกณฑ์เดียวกับรถ PPV จากตัวเลขราคาของ New Forester Minor Change 2.0iS Eyesight ที่ 1,450,000 บาท พร้อมเครื่องสูบนอน 2 ลิตร หายใจเอง โดยไม่มีระบบอัดอากาศคอยช่วยเหลือ เกียร์ CVT แปรผันกับระบบขับเคลื่อนทุกล้อแบบสมมาตร 

This image is not belong to us
This image is not belong to us
This image is not belong to us
This image is not belong to us
This image is not belong to us
This image is not belong to us
This image is not belong to us

ขับยาวๆ ไปสามร้อยยอด ช่วงนี้ต้องอยู่ห่างผู้ห่างคนมากเป็นพิเศษ อุทยานสามร้อยยอด จึงเหมาะสมกับการขับรถทดสอบในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด เนื่องจากสามร้อยยอด มีพื้นที่ขนาดใหญ่ วิวสวย รถและผู้คนน้อยกว่าที่อื่นมาก ความตั้งใจในการขับทดสอบในช่วงนี้ก็คือ ไม่แวะในเขตชุมชน ไม่ติดต่อสื่อสารกับใคร และพยายามหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้กับผู้อื่นรวมถึงใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากรถ แม้จะอยู่กลางป่ากลางเขา หรือชายหาดที่ปราศจากผู้คนก็ยังต้องใส่เอาไว้ตลอดเวลา ผมขับเจ้าป่าซูบี้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็ยังคงหลงรักช่วงล่างของรถรุ่นนี้ ทั้งๆ ที่โดยพื้นฐานแล้ว ช่วงล่างของ Forester นั้นแสนจะธรรมดา แต่พอมารวมกับลักษณะการวางเครื่องยนต์และการกระจายน้ำหนัก รวมถึงระบบขับเคลื่อน symmetrical all-wheel drive ทำให้ Forester เป็นรถ SUV ที่มีการทรงตัวในย่านความเร็วสูงดีเอาเรื่อง ระบบรองรับของ Forester 2.0 i-S ช่วงล่างด้านหน้าใช้แบบแมคเฟอร์สันสตรัท สปริง โช้คอัพและเหล็กกันโคลง ส่วนระบบรองรับด้านหลังเป็นแบบดับเบิ้ลวิชโบน โช้คอัพสปริงและเหล็กกันโคลง ช่วงล่างและจุดยึดรวมถึงมุมทางเรขาคณิต Forester 2.0i-S Eyesight ถูกปรับตั้งมุมองศาและปรับค่ามาใหม่หมด เป็นการจูนช่วงล่างเพื่อส่งถ่ายความสบายในการนั่งโดยสาร ช่วงล่างแนวขับสี่ผสานความสมมาตรของการทดกำลังลงไปที่ล้อขับเคลื่อน ออกแบบมาเพื่อประสิทธิภาพของการควบคุม ทั้งการขับบนทางเรียบ และขับลุยพอหอมปากหอมคอ บนทางวิบากขรุขระ ช่วงล่างของ Forester มีความแข็งแกร่งทนทานรองรับการขับในสภาพทางที่มีความทุรกันดารและมีความเหมาะสมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลาภูมิประเทศที่เป็นเนินเขาสลับกับทางขึ้น-ลงเนินยาวๆ การทรงตัวในทางโค้ง รวมถึงการถ่ายเทน้ำหนักขณะขับเร็วทั้งเข้าและออกจากโค้งยาวๆ อยู่ในเกณฑ์ดี แม้รถทดสอบจะโดนกระทำชำเรา จากลูกค้าและสื่อมวลชนมามากว่า 35,000 กิโลเมตร ถ้าไม่นับริ้วรอยรอบตัวถังและความเยินของยาง การทรงตัวและการเก็บเสียง รวมถึงการตอบสนองของเครื่องยนต์และเกียร์ กับความเงียบในห้องโดยสาร โดยรวมก็ยังถือว่า แม้รถจะถูกใช้งานมาอย่างหนัก แต่ยังคงมีสภาพที่ดีพอสมควร เจ้าของซูบี้ส่วนใหญ่ที่ชอบขับเร็วก็มักจะมีการเปลี่ยนสปริงและโช้คอัพใหม่โดยใช้ของแต่ง เพื่อทำให้มีประสิทธิภาพการทรงตัวมากกว่าของเดิมติดมาจากโรงงาน และถ้าได้โช้คดีๆ สปริงแจ่มๆ ขับเร็วจี๋ก็อย่าลืมลงเบรก STi ไปด้วยเลยจะดีที่สุดละครับ

This image is not belong to us
This image is not belong to us

มาดูที่เครื่องยนต์กันบ้างละครับ หลายท่านที่เป็นลูกค้าซูบี้ อยากให้เครื่องสูบนอนหายใจเอง มีกำลังในรูปของแรงบิดมากกว่านี้ ในการเร่งความเร็วเพื่อแซงรถช้า แรงบิดไม่ถึง 200 นิวตันเมตร ในจังหวะของการแซง ไม่สามารถแซงแบบคาบลูกคาบดอกได้เลย คุณจะต้องกะระยะของการแซงให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย ไม่แซงตามรถคันข้างหน้า มองให้ไกลและต้องใช้แนวคิด เผื่อเหลือ เผื่อขาดเอาไว้ให้จงหนัก เพราะกำลังแรงบิดที่ไม่ได้มากมายอะไร การที่จะกระชากร่างหนัก 1.7 ตันให้ไปตามใจสั่ง ด้วยแรงบิดแค่ 196 นิวตันเมตรนั้นน้อยเกินไป เครื่องยนต์เบนซินสูบนอน ยังรับประทานเชื้อเพลิงเยอะ ถ้าคุณขับเร็วใช้โหมด S และใช้รอบสูงต่อเนื่อง อัตราสิ้นเปลืองก็จะหล่นลงเห็นๆ ถ้าขับเรื่อยๆ ที่ความเร็ว 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองของเจ้าป่าจะอยู่ที่ 13.5 กิโลเมตรต่อลิตร เมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดความคึกคะนอง อยากไปให้เร็วขึ้นในโหมดสปอร์ต อัตราสิ้นเปลืองในย่านความเร็ว 120-150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยืนพื้น 140 จะหล่นลงมาเหลือแค่ 9.2 กิโลเมตรต่อลิตร 

This image is not belong to us
This image is not belong to us

ลักษณะของการวางเครื่องยนต์ที่แทบจะกองอยู่บนพื้นเนื่องจากความต่ำเตี้ยและความแบนของเครื่อง Boxer เจ้า i-S Eyesight AWD วางเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบนอน Boxer ขนาด 2.0 ลิตร ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 1,995 ซีซี. จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดตรงแบบ Direct Injection พร้อมการออกแบบระบบไอดีที่มีความเหมาะสมเพื่อการตอบสนองที่ดี เครื่องยนต์ตัวนี้มีกำลังสูงสุดแค่ 156 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดไม่ได้มากมายอะไรแค่พอได้อาศัยแซงแบบต้องเผื่อระยะให้มากหน่อย แรงบิด 196 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ดูเหมือนน้อยเกินไป แต่พอขับแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่ารถอืดเกินทนหรือมีกำลังไม่พอ เครื่องยนต์สูบนอน 2.0 ลิตร ต่อเชื่อมกับระบบส่งกำลังซึ่งใช้เกียร์อัตโนมัติ Lineartronic CVT ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD Symmetrical All-Wheel Drive


จากบทความ จุดเด่นข้อดีของเครื่องยนต์สูบนอน Boxer ของ joh Burut อ้างอิง

http://johsautolife.com/index.php/2015-12-30-03-42-00/2015-12-30-03-43-37/23-boxerengine

This image is not belong to us

เครื่องยนต์ Boxer ถูกคิดค้นขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1896 โดยวิศวกรชาวเยอรมัน และได้ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนมีสมรรถนะเทียบเท่ากับเครื่องยนต์แบบสูบเรียง เครื่องยนต์บ็อกเซอร์สูบนอน ถูกนำมาใช้กับรถยนต์หลายรุ่นและหลายค่าย ไม่ว่าจะเป็นรถแข่งหรือรถโปรดัคชั่นคาร์ ยกตัวอย่างเช่น Alfa Romeo 33SC12 (1976-1977), Ferrari BB 512i (1981-1984), Porsche และ Subaru 

This image is not belong to us

Subaru เป็นค่ายรถยนต์ที่สามารถดึงเอาจุดเด่นของเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ออกมาปรับใช้ได้อย่างน่าสนใจ และทำให้รถมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยประสบการณ์ยาวนานในสนามแข่งทั้งทางเรียบและทางฝุ่น ทำให้ Subaru (ในอดีต) สามารถสร้างเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ที่มีสรรถนะสูงและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น หลักฐานชี้ชัดของความสำเร็จก็คือ รางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยม (Best Engine Awards) ที่ Subaru ได้รับหลายรางวัล ปัจจุบัน Subaru ได้พัฒนาเครื่องยนต์บ็อกเซอร์มาจนถึงเจเนอเรชั่นที่ 4 แล้ว เครื่องยนต์บ็อกเซอร์จึงเปรียบเสมือนเป็นหัวใจของรถยนต์ Subaru อย่างแยกจากกันไม่ได้

This image is not belong to us
This image is not belong to us

นอกจากเครื่องยนต์บ็อกเซอร์สมรรถนะสูงแล้ว รถยนต์ของ Subaru ยังมีความโดดเด่นในเรื่องการควบคุม ตามสโลแกนที่ว่า คอนฟิเดนท์ อิน โมชั่น (Confidence in Motion) แน่นอนว่า หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ได้มาซึ่งสมรรถนะในการควบคุมที่ดี ก็คือเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ ช่วงล่าง ระบบส่งกำลังและระบบช่วยขับกับระบบความปลอดภัย Eyesight เมื่อรถมีจุดศูนยต์ถ่วงต่ำ ถือเป็นข้อได้เปรียบในด้านของการทรงตัว เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ ที่มีลักษณะแบนและกะทัดรัด ทำให้ตัวเครื่องมีจุดศูนย์ถ่วงดีกว่าเครื่อยนต์แบบอื่น เมื่อเครื่องยนต์มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ จะส่งผลให้รถทั้งคันมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำลงเช่นกัน การที่รถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ จะทำให้มีการตอบสนองต่อการบังคับทิศทางดีขึ้น เมื่อปรับจูนอัตราทดของพวงมาลัยไฟฟ้าได้ดี และมีความแม่นยำ รถก็จะถูกควบคุมได้ง่ายขึ้นโดยเฉพาะการขับเข้าโค้ง เรียกได้ว่าผู้ขับสามารถควบคุมรถได้ดั่งใจมากขึ้นนั่นเอง การที่เราสามารถควบคุมรถได้อย่างแม่นยำ ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกรณีที่ต้องหักเลี้ยวหลบอย่างกระทันหัน รถจะตอบสนองได้ทันทีและไม่เสียการควบคุม (แต่ความเร็วที่ใช้ ต้องไม่สูงมากจนเกินไป ไม่งั้นก็เอาไม่อยู่) นอกจากจะช่วยเพิ่มสรรถนะในการควบคุมแล้ว การที่มีรถยนต์มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำยังช่วยลดโอกาสที่รถจะพลิกคว่ำในกรณีที่เกิดการชน ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้โดยสาร 

This image is not belong to us
This image is not belong to us

เครื่องยนต์บ็อกเซอร์มีขนาดและรูปทรงคล้ายสี่เหลี่ยม มีโครงสร้างที่มีความสมมาตร ลักษณะของการวางเครื่องยนต์และเกียร์ บนแชสซีที่ได้รับการออกแบบมาอย่างเข้าอกเข้าใจในระบบขับเคลื่อน ทำให้สามารถกระจายน้ำหนักลงสู่ล้อซ้าย-ขวา หน้า-หลัง ได้อย่างสมดุล การที่รถสามารถกระจายน้ำหนักได้อย่างสมดุลนั้น จะส่งผลดีต่อการทรงตัวในขณะเข้าโค้ง ช่วยเพิ่มความเสถียรในขณะวิ่งทางตรงด้วยความเร็วสูง  เนื่องจากการเคลื่อนที่ของลูกสูบของเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ จะเป็นการเคลื่อนที่ในแนวนอน โดยที่ลูกสูบจะเคลื่อนที่ออกไปด้านข้าง ทั้งซ้ายและขวาพร้อมๆ กัน การเคลื่อนที่แบบสวนทางกันของลูกสูบทั้งสองทิศทาง ช่วยหักล้างแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นภายในเครื่องยนต์ ส่งผลให้เครื่องยนต์มีการสั่นสะเทือนและเสียงรบกวนน้อยลง ยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ให้สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น แต่ก็ต้องไม่ลืมการใส่ใจดูแลของเหลวหล่อลื่นในระบบเกียร์ หมั่นตรวจเช็คเพื่อที่จะได้อยู่รับใช้กันไปนานๆ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์พร้อมกรองเกียร์จะช่วยทำให้ระบบส่งกำลังมีของเหลวท่ีสดใหม่เข้าไปหล่อลื่นในระบบ และช่วยยืดอายุการใช้งานของเกียร์ Subaru Lineartronic CVT 

เกียร์สายพานพร้อมกลไกเฟืองต่างขนาด ให้การเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวลไร้รอยต่อ แต่อาจติดย้วยไปนิดตามประสาเกียร์ CVT สายพานเกียร์ใช้โซ่โลหะผสมที่เน้นความคงทน ให้การตอบสนองเร็วในช่วงรอบต่ำสุด และรอบสูงสุดดีพอใช้ และถ้าดูแลกันดีๆ ก็มีค่าบำรุงรักษาไม่มาก จุดเด่นของ Lineartronic CVT ก็คือ ใช้ลูกรอกซึ่งถือว่าเชื่อถือได้มากที่สุด เนื่องจากความเรียบง่ายของระบบลูกรอก และความทนทานของโซ่โลหะ นอกจากนี้ระบบรอกโซ่โลหะโดยทั่วไปจะมีการทำงานที่เงียบกว่าเกียร์ CVT แบบอื่น 

This image is not belong to us
This image is not belong to us

Lineartronic ใช้ทอร์กคอนเวอร์เตอร์ที่ปรับเปลี่ยนเป็นพิเศษ เพื่อเชื่อมต่อระหว่างเครื่องยนต์กับชุดส่งกำลัง ทำงานไหลลื่นเหมือนระบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์แบบเดิม แต่ยังสามารถล็อกอัพได้ในทุกสภาวะ ยกเว้นเมื่อเดินทางด้วยความเร็วต่ำมาก สภาพการล็อคอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การเร่งความเร็ว ทำให้เกิดประสิทธิภาพของการควบคุมคลัตช์ ในขณะที่ระบบสายพานลูกรอกยังทำงานเหมือนกับเกียร์อัตโนมัติ planetary automatic transmission ผู้ขับสามารถควบคุมระบบเกียร์แบบแมนนวลได้ผ่านการผลักคันเกียร์ไปที่สัญลักษณ์ M และเปลี่ยนอัตราทดด้วยตัวเองผ่านแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift 

This image is not belong to us
This image is not belong to us
This image is not belong to us
This image is not belong to us

เนื่องจากเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ สามารถส่งกำลังไปชุดเกียรตรงๆ โดยที่ไม่ต้องมีการเปลี่ยนทิศทางในการส่งกำลัง ทำให้มีประสิทธิภาพในการส่งกำลังที่ดี เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ที่มีการติดตั้งในแนวขวางตัวรถ หรือรถยนต์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า (Transverse Engine) นอกจากนั้น การส่งกำลังแบบเป็นเส้นตรงตามแนวแกนรถ ยังช่วยให้รถมีความสมดุลและเสถียรภาพมากขึ้น ส่งผลให้มีอัตราเร่งดี และยังช่วยให้ประหยัดน้ำมัน ถ้าเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์สูบเรียง เครื่องยนต์บ็อกเซอร์นั้นมีขนาดกะทัดรัดและเล็กกว่า ส่งผลให้มีน้ำหนักน้อยกว่า สำหรับรถยนต์ที่วางเครื่องยนต์อยู่ที่ตำแหน่งด้านหน้ารถ เมื่อตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา จะส่งผลให้รถสามารถเปลี่ยนทิศทางได้อย่างง่ายและรวดเร็ว ทำให้ผู้ขับไม่ต้องใช้แรงในการหักเลี้ยว ซึ่งช่วยทำให้เกิดความคล่องตัว สามารถหักหลบสิ่งกีดขวางได้อย่างทันทีทันใด ในย่านความเร็ว 70-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแต่ถ้ามากกว่านั้นอาจทำให้รถเกิดเสียอาการควบคุมได้ 

This image is not belong to us
This image is not belong to us
This image is not belong to us
This image is not belong to us
This image is not belong to us
This image is not belong to us
This image is not belong to us
This image is not belong to us

เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า การสึกหรอของเครื่องยนต์จะเกิดขึ้นมากที่สุดในตอนที่เริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ เนื่องจากน้ำมันเครื่องไม่สามารถไปหล่อลื่นพื้นผิวของกระบอกสูบได้อย่างทันท่วงที ทำให้ลูกสูบเสียดสีกับผนังกระบอกสูบโดยตรง จึงเกิดการสึกหรอภายในกระบอกสูบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับเครื่องยนต์บ็อกเซอร์  ลูกสูบทั้งสี่จะนอนระนาบขนานไปกับแนวพื้นโลก แม้ว่าจะดับเครื่องยนต์เป็นเวลานานแล้ว แต่ก็ยังคงมีน้ำมันเครื่องบางส่วนเคลือบอยู่ที่บริเวณผนังกระบอกสูบ เพราะฉะนั้น ในทางทฤษฎีแล้ว เครื่องยนต์บ็อกเซอร์จะมีประสิทธิภาพในการหล่อลื่นในขณะสตาร์ทดีกว่าเครื่องยนต์โดยทั่วไป ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้เครื่องยนต์บ็อกเซอร์มีอายุการใช้งานที่นานกว่าเครื่องยนต์ปกตินั่นเอง ยังไงถ้าใช้น้ำมันเครื่องเกรดสูง ขับไม่เร็ว ดูแลระบบระบายความร้อนให้ทำงานปกติ เครื่องยนต์ก็จะมีอายุการใช้งานยาวนานจนลืมละครับ 

This image is not belong to us
This image is not belong to us
This image is not belong to us
This image is not belong to us
This image is not belong to us
This image is not belong to us
This image is not belong to us
This image is not belong to us
This image is not belong to us

งานตกแต่งภายในสไตล์อนุรักษนิยมของซูบี้ ที่ชอบก็คือแดชบอร์ดขึ้นรูปด้วยโฟมสังเคราะห์และหุ้มด้วยไวนิล พวงมาลัยสามก้านที่อุดมไปด้วยสวิตช์ปรับตั้ง มาตรวัดทรงโบราณย้อนยุค ในขณะที่รถคู่แข่งใช้มาตรวัดแบบจอภาพ TFT แต่ซูบี้ยังคงเล่นกับของเดิม ทั้งมาตรวัดรอบและมาตรวัดความเร็ว ที่เห็นมานานมากกว่า 10 ปี แต่ยังมีการเปลี่ยนแปลงแบบช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไป จุดที่ทำให้ต้องปรับกันมากหน่อย สำหรับเจ้าของ Forester ที่เพิ่งจะได้รถมาก็คือเบาะนั่ง เบาะนั่งคู่หน้านั้น มีตำแหน่งของเบาะรองต้นขาสั้นไปนิด ทำให้ต้องปรับขยับกันหลายครั้งกว่าที่การนั่งจะลงตัว เบาะค่อนข้างสูง เหมาะกับคนตัวเล็ก แต่คนตัวสูง พอกดปรับเบาะลงจนสุดมันก็ยังสูงอยู่ดี ใจจริงอยากเอาเบาะดูดวิญญาณของ CR-V มาใส่ให้มันหมดเรื่องหมดราวกันไป เพราะเบาะของคุณพี่ CR-V นั้นดีงามเกินหน้าเกินตารถคู่แข่งไปไกลพอสมควร ในด้านของความนั่งสบาย นั่งแล้วไม่ระคายเคืองต่อดาก! 

This image is not belong to us
This image is not belong to us
This image is not belong to us
This image is not belong to us
This image is not belong to us
This image is not belong to us
This image is not belong to us
This image is not belong to us

Subaru Forester ยังคงเป็น SUV ขับสี่ที่มีการควบคุมดีที่สุดในกลุ่มเมื่อเทียบกับรถคู่แข่งในด้านการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น MG HS ที่ขายดีสุด CR-V อดีตแชมป์สายแข็ง ที่มีเบาะนั่งแสนสบาย X-Trail ที่นิ่มนวล แต่ย้วยในย่านความเร็วสูง CX-5 และ CX-8 ที่มีดีทุกอย่าง แต่ศูนย์บริการยังขาดความแน่นอน และความรวดเร็วในการทำงาน ผมยังคงเลือกหยิบกุญแจของเจ้าป่า มากกว่าจะเดินไปที่รถคู่แข่ง มันไม่ใช่ความจงรักภักดีที่มีต่อแบรนด์ แต่เพราะมันเป็นรถที่ขับแล้วรู้สึกประทับใจ แม้จะวิ่งมาแล้วถึง 35,000 กิโลเมตร ทุกอย่างของมันยังคงอยู่ในสภาพดี โดยเฉพาะช่วงล่างและระบบส่งกำลัง เครื่องยนต์สูบนอนเอกลักษณ์ที่ขาดไม่ได้ของแบรนด์ดาวลูกไก่ ยังทำหน้าที่ได้ดี เงียบและถ่ายเทแรงบิดไปตามรอบเครื่องยนต์โดยไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น การเก็บเสียงก็ยังใช้ได้ อย่างที่บอกว่ารถทดสอบคันนี้ ผ่านมือผ่านเท้าทั้งลูกค้าและสื่อ ซึ่งมีทั้งขับแบบปกติและจัดหนักแบบไม่เกรงใจใคร เครื่องและเกียร์รวมถึงช่วงล่างกับงานภายในยังอยู่ในสภาพดี มีแต่ริ้วรอยภายนอก โดยเฉพาะดอกและแก้มยาง ที่พยายามบ่งบอกถึงสิ่งที่ผ่านเข้ามา ในช่วงต้นของอายุการใช้งาน เครื่อง Boxer ไม่มีระบบอัดอากาศ มีกำลังไม่มาก ต้องปรับปรุงหากจะยึดใจลูกค้าเก่าเอาไว้ให้ได้ เกียร์ CVT ที่ผสมผสานการขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ย้วยไปนิด แต่เนียนใช้ได้ในการตัดต่อ จุดนี้ถือว่าทำออกมาได้ดี แชสซีและส่วนผสมอันลงตัวของระบบขับเคลื่อน ผลักดันให้มันเกือบจะขึ้นถึงขีดสุดของออฟโรดสายพันธุ์ลุย หากไม่สนใจเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ซึ่งก็ไม่ได้มากมายอะไรจนทำให้ต้องคิดหนักจนปวดกระบาล เมื่อคุณใช้ล้อทุกข้างขับเคลื่อนรถ ก็ย่อมกินเชื้อเพลิงมากกว่าปกติ เป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปที่รถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาจะมีอัตราสิ้นเปลืองมากกว่ารถขับเคลื่อนสองล้อ แต่ไม่ได้กินจุดูดยับจนทำให้เงินหมดเพราะค่าเชื้อเพลิง สมรรถนะที่มีดีในหลายด้านและเหนือชั้นกว่า PPV SUV  ถ้าชอบ ลองไปขับเปรียบเทียบกับรถคู่แข่งดูเอาเองว่ามันถูกจริตต่อการใช้งานของคุณหรือเปล่า เท่านั้นเองแหละครับ.


Subaru Forester 2.0 i-S Eyesight 4WD ราคา 1,450,000 บาท

อุปกรณ์ภายนอก

ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/55 R18

ไฟหน้า Projector Lens แบบ LED

ไฟตัดหมอกคู่หน้า

ที่ฉีดน้ำล้างไฟหน้า Headlamp Washer

ไฟ Daytime Running Light แบบ LED

ไฟหน้า ปรับระดับสูง-ต่ำ อัตโนมัติ

ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้า แบบอัตโนมัติ

ระบบไฟหน้า ปรับตามทิศทางการเลี้ยว

ไฟตัดหมอกหลัง

ราวหลังคา

สปอยเลอร์หลังคา

เสาอากาศแบบครีบฉลาม Shark Fin

กระจังหน้า แบบเปิด-ปิด อัตโนมัติ

กระจกมองข้าง พร้อมระบบไล่ฝ้า

ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ Rain Sensor

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Special X-Mode

ระบบ SI-DRIVE

อุปกรณ์ภายใน

เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า

เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยไฟฟ้า

เบาะนั่งด้านหลัง แยกพับอิสระ 60 : 40

เบาะนั่งด้านหลัง ปรับเอนได้

เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง สีดำ

ระบบเปิด-ปิดฝาท้าย ด้วยระบบไฟฟ้า

ระบบกุญแจ Smart Keyless Entry

ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ Push Start Button

แป้นเหยียบ คันเร่ง – เบรก แบบอะลูมิเนียม

พวงมาลัย ปรับได้ 4 ทิศทาง (ขึ้น-ลง-เข้า-ออก)

แป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift

หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID

ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อมฟังก์ชัน Auto Hold

แผ่นปิดที่เก็บสัมภาระด้านท้าย แบบถอดเก็บได้

ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระ ซ้าย-ขวา Dual Zone

ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

หน้าจอเครื่องเสียง ขนาด 8.0 นิ้ว

ระบบนำทาง Navigation System

ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth

ช่องเชื่อมต่อ AUX / USB

ระบบเข้าสู่รถด้วยรหัส PIN

ระบบความปลอดภัย Eyesight

ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Warning

ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง SVRD

กล้องมองภาพมุมมองด้านข้าง บริเวณล้อหน้าซ้าย Side View Monitor

ระบบเบรกอัตโนมัติก่อนการชน Pre-Collision Braking

ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control

พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go

ระบบถอนคันเร่งก่อนการชน Pre-Collision Throttle Management

ระบบเตือนเมื่อออกจากเลน Lane Departure Warning

ระบบเตือนเมื่อขับรถส่าย Lane Sway Warning

ระบบเตือนเมื่อการจราจรเคลื่อนที่ Lead Vehicle Start Alert

ระบบความปลอดภัย

ระบบเบรก ABS / EBD / BA

ระบบ Brake Override System

ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว VDC

ระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ

ระบบควบคุมแรงบิดอัตโนมัติ เมื่อเข้าโค้ง Active Torque Vectoring

ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉินเมื่อเบรกกะทันหัน ESS

ระบบป้องกันรถไหล โดยไม่ต้องเหยียบเบรก AVH

ระบบความปลอดภัย Eyesight ประกอบด้วย

ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Warning

ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง SVRD

ระบบเบรกอัตโนมัติก่อนการชน Pre-Collision Braking

ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control

ระบบถอนคันเร่งก่อนการชน Pre-Collision Throttle Management

ระบบเตือนเมื่อออกจากเลน Lane Departure Warning

ระบบเตือนเมื่อขับรถส่าย Lane Sway Warning

ระบบเตือนเมื่อการจราจรเคลื่อนที่ Lead Vehicle Start Alert

ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง

ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง

ม่านนิรภัย 2 ตำแหน่ง

ถุงลมนิรภัยหัวเข่าคนขับ 1 ตำแหน่ง

เซนเซอร์กะระยะช่วยจอด ด้านหลัง

กล้องมองภาพด้านข้างตัวรถ

กล้องมองภาพขณะถอยจอด

จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX