ในฐานะประธานของ Toyota Motor Corporation Mr.Akio Toyoda เชื่อว่า ภารกิจของ Toyota คือการสร้างรถยนต์ที่สมบูรณ์แบบ เมื่อมีเวลามากพอ ประธาน Toyota มักจะลงไปขับทดสอบรถยนต์ต้นแบบก่อนที่จะผลิตออกขาย หรือแม้แต่ลงไปทำการแข่งขันร่วมกับทีมแข่งของ Toyota ด้วยตัวเองอยู่บ่อยครั้ง ความรักในโลกแห่งมอเตอร์สปอร์ตของท่านประธานฯ ทำให้ Toyota ผลิตรถดีๆ ออกมาขายอย่างต่อเนื่อง จากประสบการณ์ในโลกแห่งความเร็ว Mr.Akio ได้รวบรวมปรัชญาของ Toyota ที่ว่า “ถนนสร้างคน และผู้คนสร้างรถยนต์” มาปรับใช้กับรถยนต์ Toyota ที่ผลิตออกขายทั่วโลก
13 ครั้ง ที่แบรนด์สามห่วงเข้าร่วมการแข่งขัน 24 Hours of Nürburgring Endurance Race ในปี 2019 TOYOTA GAZOO Racing ส่งรถแข่งสองคันพร้อมทีมงาน ซึ่งประกอบด้วย Lexus LC และ GR Supra รวมไปถึง Toyota Corolla Altis ของทีมไทย (Gazoo Racing Team Thailand) ทีม Gazoo Racing กลับมาประสบความสำเร็จหลังจากหายหน้าหายตาไปจากสนามแข่งระดับโลกนานถึง 17 ปี ในปี 2019 รถแข่ง GR Supra จบด้วยอันดับที่ 41 โดยรวม (อันดับที่ 3 ในคลาส SP8T) และ Lexus LC วิ่งเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 54 โดยรวม (ที่ 1 ในคลาส SP-PRO) ส่วน Corolla Altis ของทีมไทย ในปีนี้ (2021) วิ่งเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 1 และ 3 ในรุ่น SP3 บนสนามที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความท้าทายและอันตรายที่มีอยู่รอบด้าน
ในทุกวันนี้ ดูเหมือนว่าอะไรก็ตามที่มีสี่ล้อและแปะตรา Toyota ก็จะถูกทำออกมาโดยมีรุ่น GR Sport เสมอ ล่าสุด แม้แต่รถกระบะยกสูง หรือรถกระบะตัวเตี้ยกับ PPV ร่างโย่งก็ไม่มีการยกเว้นแต่อย่างใดทั้งสิ้น GR Sport ที่ปรากฏยู่บน Hilux REVO Double Cab 4×4 A/T ด้วยเรือนร่างที่แข็งแกร่ง มีการเสริมอุปกรณ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับพร้อมกับความสวยงามดุดัน จุดกำเนิดของมันเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Toyota ลงทำการแข่งขันแรลลี่ชิงแชมป์โลก WRC ด้วยรถ GR Yaris สมรรถนะของรถแข่ง ถูกนำมาดัดแปลงใช้งานในรถกระบะที่ผลิตออกขายในประเทศไทย Toyota Hilux REVO GR Sport 4×4 6AT ติดตั้งชุดแต่ง GR Sport ราคา 1,299,000 บาท มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
กระจังหน้าสีเดียวกับตัวรถ เมื่อรถคันทดสอบสีดำ กระจังหน้า GR ของมัน ก็เลยมีสีดำเงา พร้อมอักษร Toyota และสัญลักษณ์ GR เป็นอีกจุดที่ทำให้ด้านหน้าของ Hilux รุ่นพิเศษนี้มีความน่ามองมากกว่าเดิม
กันชนหน้าพร้อมชุดแต่ง กันชนหลังสีดำเมทัลลิก ความแตกต่างจาก REVO Rocco ก็คือ กันชนของ GR Sport ที่บึกบึนมากกว่าเดิม มุมด้านข้างของกันชนหน้าทั้งซ้ายและขวา ติดตั้งไฟตัดหมอก LED เพื่อเพิ่มความชัดเจนด้านมุมมองขณะขับท่ามกลางสภาพอากาศไม่ดี
ชุดแต่งซุ้มล้อสีเดียวกับตัวถัง ซุ้มล้อขนาดใหญ่ของ Hilux REVO GR Sport หุ้มด้วยชิ้นงานตกแต่งที่คล้ายกับ Rocco แต่พ่นสีกรอบซุ้มล้อ โดยใช้สีเดียวกับตัวถังเพื่อความกลมกลืน
กระจกมองข้างสีดำเมทัลลิก มีเลนส์ไฟเลี้ยว LED ในกรอบไฟเลี้ยวด้านข้าง กระจกมองข้างปรับและพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า มาพร้อมระบบ Wecome Light
เสาอากาศทรงครีบฉลาม นำมาจากรถเก๋งด้วยทรงที่ฮอตฮิตติดลมบนมานานแสนนานกับเสาอากาศที่เปลี่ยนจากยางมาเป็นพลาสติกทรงครีบฉลาม
สัญลักษณ์ GR และ GR Sport บริเวณด้านข้างและฝากระบะท้าย
สปอร์ตบาร์สีดำเมทัลลิก ติดตั้งไฟส่องสว่าง LED กับพื้นปูกระบะท้ายกันกระแทก
ล้ออัลลอยลายใหม่ ล้างยากเอาเรื่องแต่สวยงาม ห่อรัดด้วยยาง A/T Bridgestone Dueler 265/60R18 110H เบรกคาร์ลิปเปอร์ ตราสัญลักษณ์ GR สีแดงที่เบรกหน้า
สติกเกอร์สีดำ แดง ขาว ด้านข้างตัวถังและฝากระบะท้าย กาบบันไดด้านข้าง
กุญแจรีโมต Smart Key ดีไซน์เฉพาะรุ่น GR Sport
ขนาดตัวถังของ Toyota Hilux REVO GR Sport มิติภายนอก ยาว 5,325 มิลลิเมตร กว้าง 1,900 มิลลิเมตร สูง 1,865 มิลลิเมตร ความยาวช่วงล้อ 3,085 มิลลิเมตร ความกว้างช่วงล้อหน้า 1,535 มิลลิเมตร ความกว้างช่วงล้อหลัง 1,550 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 217 มิลลิเมตร กระบะภายใน ยาว 1,555 มิลลิเมตร กว้าง 1,540 มิลลิเมตร สูง 480 มิลลิเมตร
ภาพรวมของงานปรับแต่งตัวถังภายนอกของ Hilux GR Sport จุดที่ดูดีตามความคิดเห็นของผมก็คือ การนำตัวอักษร Toyota กลับมาใช้บนกระจังหน้าอีกครั้ง กระจังใหม่ยิ่งทำให้รถดูบึกบึนมากขึ้นกว่าเดิม ความกลมกลืนของซุ้มล้อกับล้ออัลลอยลายใหม่ที่ดูดี ส่วนยางติดรถยังคงเป็นยาง A/T กึ่งเรียบกึ่งลุย ชุดเบรก GR Sport ด้านหน้าใช้คาร์ลิปเปอร์สี่พอต พ่นสีแดง ประทับตราสัญลักษณ์ GR ส่วนเบรกหลังยังคงใช้ดรัมเบรกเหมือนเดิม อยากได้ดิสเบรกหลัง ที่น่าจะทำให้กระบะ GR (Gazoo Racing) คันนี้มีประสิทธิภาพการเบรกที่ดีขึ้น สำหรับกาบบันไดด้านข้าง หากคิดจะเอาไปลุยหนักๆ ก็ควรจะถอดออก เพราะเส้นทางออฟโรดที่ต้องลุยฝ่าในช่วงหน้าฝนจะลื่นสุดๆ กาบบันไดข้างอาจไปกระแทกเข้ากับหินหรือดินแข็งๆ จนทำให้เกิดความเสียหายได้
ภายในห้องโดยสาร แม้จะมีความคล้ายคลึงกันอยู่บ้าง แต่งานตกแต่งภายในของ Hilux GR Sport ฉีกหนีชิ้นงานตกแต่งออกไปจาก Hilux REVO Rocco โดยหันไปคบหากับความสปอร์ตมากกว่าเดิม เบาะคนขับปรับไฟฟ้า หุ้มหนังสังเคราะห์แบบไมโครไฟเบอร์ คล้ายกับหนังกลับ Alcantara เบาะสีเทา-ดำ เย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีแดง หนังสังเคราะห์ไมโครไฟเบอร์เจาะรูพรุนทั้งพนักพิงหลังและในส่วนของเบาะรองนั่ง เพื่อลดความอับชื้นด้วยการระบายอากาศที่ดีกว่า ส่วนเบาะคุณภรรยาหรือเบาะผู้โดยสารตอนหน้ายังใช้การปรับด้วยมือเหมือนเดิม ราคาระดับนี้ก็น่าจะให้เบาะคู่หน้าไฟฟ้ามาได้แล้วละครับ! เบาะหลังหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์เช่นเดียวกับเบาะหน้า ส่วนพนักเท้าแขนที่พับเก็บได้ ออกแบบสำหรับวางแก้วเครื่องดื่มได้สองตำแหน่งช่วยเพิ่มความสะดวกในการเดินทางไกล พื้นที่ของเบาะหลังมีพอเพียงสำหรับผู้โดยสารสองคน พื้นที่วางเท้าและพื้นที่เหนือศีรษะมีพอสมควร โดยไม่สร้างความรู้สึกอึดอัดคับแคบ แต่ถ้านั่งหลังเต็มๆ สามคนก็อาจเกิดความอึดอัดคับแคบเมื่อเดินทางไกล
แผงคอนโซลหน้าและช่องปรับอากาศด้านหน้า ตกแต่งด้วยพลาสติกสีเงินที่ Toyota เรียกว่า Smoke Silver กับสีดำเมทัลลิก ความใส่ใจในงานดีไซน์เพื่อสร้างความแตกต่างที่เหนือกว่ารุ่นมาตรฐาน ทำให้ Hilux REVO GR Sport อุดมไปด้วยของแนวๆ ที่เชื่อมโยงกับวงการมอเตอร์สปอร์ต นอกจากแดชบอร์ดคอนโซลที่คล้ายกับ Rocco แต่แตกต่างกันในด้านชิ้นงานตกแต่งแล้ว
พวงมาลัย GR Sport หุ้มด้วยหนังแท้อย่างดีจับแล้วให้ความรู้สึกที่กระชับ หนังที่หุ้มรอบวงพวงมาลัยเย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีแดง ก้านวงพวงมาลัยติดตั้งสวิตช์มัลติฟังก์ชันสำหรับการปรับตั้งค่าต่างๆ โดยเฉพาะระบบอินโฟเทนเมนท์ ด้านซ้ายเป็นสวิตช์สั่งงานด้วยเสียง ปุ่มควบคุมความดังของลำโพง ปุ่มเลือกฟังก์ชันการเล่นเพลง ปุ่มสั่งงานด้วยเสียงและปุ่มรับหรือวางสายโทรศัพท์บลูทูธ ด้านขวาก้านพวงมาลัย เป็นปุ่มเลือกกดูข้อมูลบนจอภาพ MID บริเวณกึ่งกลางของมาตรวัดทั้งสองข้าง ปุ่มควบคุมระบบความปลอดภัย ส่วนระบบปรับตั้งความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control เป็นก้านสวิตช์ด้านขวามือที่ใช้งานได้ง่าย พวงมาลัยปรับสี่ทิศทาง ขึ้น-ลง หรือใกล้-ไกล หลังวงพวงมาลัยมีแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ Paddle Shift คล้ายกับของ Fortuner ความฉูดฉาดของโทนสี Motor Sport ยังลามไปถึงแผงประตูหุ้มหนังสังเคราะห์สีเทา-ดำ พนักเท้าแขนบริเวณแผงประตูเย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีแดง (อีกแล้ว) ชายล่างของบานประตูด้านในมีหลอดไฟสีแดง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยเมื่อเปิดประตูในที่มืดโดยเฉพาะรถสีเข้มแบบนี้
มาตรวัดที่อ่านค่าได้ง่ายและสวยงาม กึ่งกลางของมาตรวัดรอบและวัดความเร็วเป็นจอภาพแสดงผล MID multi function display แจ้งข้อมูลการทำงานในระบบต่างๆ ผ่านจอภาพ TFT ขนาดเล็ก เช่น อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ทริปมิเตอร์ ตำแหน่งเกียร์ อุณหภูมิภายนอก ความเร็วแบบตัวเลขดิจิตอล แสดงผลการเลือกเล่นฟังก์ชันต่างๆ ในระบบอินโฟเทนเมนท์ แจ้งเตือนค่าปรับตั้งในระบบช่วยขับและระบบความปลอดภัย ส่วนชุดควบคุมอุณหภูมิแบบแยกโซนที่อยู่ต่ำลงมาจากจอภาพมอนิเตอร์กลาง ปรับตั้งค่าอุณหภูมิภายในห้องโดยสารได้ง่ายจากปุ่มกดต่างๆ รวมถึงปุ่มหมุน ช่องเสียบ USB และช่องเสียบไฟขนาด 12V ปุ่มควบคุมระบบ DAC ปุ่มแทรคชั่นคอนโทรล สวิตช์หมุนเพื่อปรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มีให้เลือกทั้ง 4H 4Low และ 2WD (RWD) ส่วนปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ประทับตราสัญลักษณ์ GR เพื่อความแตกต่างไปจาก Hilux รุ่นอื่นๆ
คันเกียร์แบบร่องหยัก หรือแบบขั้นบันได Gate-Type แค่ผลักคันเกียร์ไปทางด้านซ้ายแทนเพื่อปลดล็อกจากตำแหน่ง P หรือตำแหน่งจอดไปยังเกียร์ต่างๆ มีหลักการคล้ายกับแป้นเกียร์อัตโนมัติแบบตรง เช่น P ไป R, R ไป P หรือ D ไป R ข้อดีของเกียร์แบบขั้นบันได ก็คือ หากมือเผลอไปโดนหรือกระแทกแรงๆ จะไม่สามารถผลักตำแหน่งเกียร์เลื่อนไปตำแหน่งอื่นได้ หากเกิดการเลื่อนเปลี่ยนเกียร์จาก D ไปที่ R ขณะขับรถ เกียร์ถอยหลังจะไม่ทำงาน เนื่องจาก ECU จะไม่สั่งให้โซลินอยด์วาล์วที่ควบคุมในการเลื่อนเปลี่ยนเฟืองเกียร์ทำงาน เกียร์ออโต้ 6 สปีด ใน Hilux REVO GR Sport มีตำแหน่ง +/- เพื่อเปิดโอกาสให้คนขับได้ชิฟเกียร์ขึ้น-ลงด้วยตัวเองบนเส้นทางภูเขาสูงชันที่ต้องมีการลด หรือเพิ่มเกียร์อยู่ตลอดเวลา เมื่อผลักคันเกียร์มาทางขวาก็จะเข้าสู่โหมดเกียร์ธรรมดา สามารถชิฟเกียร์ด้วยการโยกคันเกียร์ขึ้นลง หรือชิฟผ่านแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย ข้างคันเกียร์มีสวิชท์ปรับโหมดมาให้สองรูปแบบ คือ ECO โหมดประหยัดที่ใช้ขับในเมืองหรือการขับที่ไม่รีบเร่ง กับโหมด Power หรือ Sport Mode โหมดขับเคลื่อนที่รถจะตอบสนองได้ดีขึ้นในด้านการเร่งความเร็ว การขับที่ต้องการพลังและแรงบิดอย่างต่อเนื่อง ในโหมดนี้ถ้าปล่อยเต็มๆ ลงคันเร่งต่อเนื่องก็ค่อนข้างที่จะรับประทานเชื้อเพลิงอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะการขับบนเส้นทางภูเขา
จอภาพมอนิเตอร์กลาง พร้อมเครื่องเสียงวิทยุ AM/FM ช่องเชื่อมต่อ USB หน้าจอสั่งงานด้วยระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Capacitive รองรับระบบ Apple CarPlay ระบบเชื่อมต่อ Bluetooth รองรับโทรศัพท์ และการเล่นเพลงระบบ T-Connect ชุดเครื่องเสียงกับลำโพง 6 ตำแหน่งใน Hilux REVO GR Sport รุ่นยกสูงขับเคลื่อน 4 ล้อ จอภาพมอนิเตอร์ออกแบบให้ใช้งานได้ง่ายด้วยเมนูภาษาไทย ความคมชัดอยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะการเล่น DVD ผ่านช่องเสียบ USB จอภาพมอนิเตอร์กลางยังแสดงผลกล้องมองหลังเพื่อความปลอดภัยขณะขับถอยหลัง รวมถึงกล้องมุมมองรอบทิศทางช่วยเพิ่มทัศนวิสัยขณะขับลุยทางวิบาก
ขุมกำลังของ Hilux REVO GR Sport 2.8 6A/T 4WD วางเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร GD Super Power 1GD-FTV (High) เป็นเครื่องยนต์ดีเซลแบบ 4 สูบ แถวเรียง 4 วาล์วต่อสูบ (16 วาล์ว) DOHC VN Turbo ชุดลดอุณหภูมิไอดี Intercooler มีปริมาตรความจุกระบอกสูบ 2,755 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ 92.0 มิลลิเมตร ระยะชัก 103.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.6 : 1 ให้กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ (204 แรงม้า PS) ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด (500 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที) ระบบจ่ายเชื้อเพลิง ติดตั้งหัวฉีดไดเร็คอินเจ็คชั่นแบบคอมมอนเรล (i-ART) ความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร เครื่องยนต์ GD Super Power 1GD-FTV (High) มีกำลังสูงขึ้นจาก 130 กิโลวัตต์ เป็น 150 กิโลวัตต์ (177 แรงม้า เป็น 204 แรงม้า) แรงบิดสูงสุดจากของเดิม 450 นิวตันเมตร เพิ่มเป็น 500 นิวตันเมตร อัปเกรดเครื่องยนต์ในปี 2563 มีประจำการอยู่ใน REVO Rocco 2.8 และ Fortuner Legender 2.8 ระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์มีการเปลี่ยนเทอร์โบให้ใหญ่ขึ้น แกนเทอร์โบใส่ตลับลูกปืน Ball Bearing เพื่อลดแรงเสียดทาน เพิ่มประสิทธิภาพด้านการบูสได้เร็วกว่าเดิม ลูกสูบเคลือบสาร Diamond-liked บริเวณแหวนรองลูกสูบเพื่อลดแรงเสียดทาน หัวฉีดเชื้อเพลิงคอมมอลเรลไดเรคอินเจ็คชั่น i-ART เพิ่มประสิทธิภาพในการฉีดจ่ายเชื้อเพลิง ทั้งหมดทั้งปวงเป็นที่มาของแรงบิดอันน่าประทับใจของ Hilux GR รุ่นล่าสุด
ระบบส่งกำลังไปยังล้อทั้งสี่ Hilux REVO GR Sport ติดตั้งเกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift และ Paddle Shift ระบบรองรับ ด้านหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ คอยล์สปริง เหล็กกันโคลง โช้คอัพแบบ Monotube ระบบรองรับด้านหลังแบบแหนบซ้อน โช้คอัพแบบ Monotube ระบบเบรก ด้านหน้าใช้ดิสเบรกแบบมีครีบระบายความร้อน คาร์ลิปเปอร์เบรกสีแดง สัญลักษณ์ GR ด้านหลังยังคงใช้ดรัมเบรกแบบเดิม ล้ออัลลอยลายใหม่ ขอบ 18 นิ้ว ยาง A/T Bridgestone Dueler 265/60R18 110H
กระบะดีเซลยกสูงขับเคลื่อนสี่ล้อที่มีความน่าใช้ในชั่วโมงนี้ ถ้าไม่นับเจ้าตลาดอย่าง Isuzu D-MAX V-Cross กระบะยกสูงของคู่แข่งที่ขับได้ดี คงหนีไม่พ้น Ford Ranger FX4 MAX / Nissan Navara Pro 4X ส่วน Toyota Hilux REVO GR Sport รถปิกอัพของพี่โตที่เพิ่งจะเปิดตัวไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2564 ค่ายสามห่วงกับงานปรุงแต่งสมรรถนะของกระบะขับสี่ เพื่อยกระดับทั้งประสิทธิภาพการขับใช้งาน และความสวยงามดุดัน ด้วยการปรุงแต่งระบบ powertrain ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ตัวถังภายนอกและงานตกแต่งภายใน เชื่อมโยงกับโลกแห่งมอเตอร์สปอร์ต การเลือกใช้รถกระบะของ Toyota หมายถึงงานบริการหลังการขายจากศูนย์บริการของ Toyota ราคาอะไหล่และความรวดเร็วในการซ่อมบำรุง ความคงทนของชิ้นส่วนต่างๆ รวมไปถึงราคาขายต่อ เมื่อกลายเป็นรถกระบะมือสองก็ยังเหนือกว่ารถคู่แข่ง โดยเฉพาะรถกระบะขับสี่ในเวอร์ชัน GR Sport (Gazoo Racinh) เป็นรถปิกอัพที่มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง เหมาะสมกับการเป็นยานพาหนะคันใหม่ ในช่วงที่ประเทศไทยบางพื้นที่ยังคงมีน้ำท่วมขัง หรือมีสภาพถนนที่ไม่เหมาะสมกับรถเก๋งเตี้ยๆ ทางที่อยู่ในระหว่างการปรับปรุงหรือกำลังสร้าง จะเต็มไปด้วยหลุมบ่อ หรือผิวถนนที่ขรุขระ ด้วยโช้คอัพใหม่และการเซตค่าสปริงใหม่ คุณจะสามารถรูดผ่านถนนที่มีผิวไม่เรียบได้อย่างเหนือชั้น เพราะช่วงล่างของ GR ยกสูงขับสี่รุ่นนี้ถูกปรับเซตให้ยึดเกาะกับถนน และนั่งได้สบายเนื้อสบายตัวมากกว่าเดิม โดยเฉพาะการขับผ่านผิวทางที่ยับเยินจากการวิ่งของรถบรรทุกหนักนั้นดีกว่าเดิมมาก ดีกว่า Rocco ที่ผมเคยทดสอบเมื่อปีที่ผ่านมา สำหรับความความสูงแบบกระบะออฟโรดยังใช้ลุยน้ำท่วมขังลึก 70 เซนติเมตรได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย
ช่วงล่างแบบแหนบซ้อน ซึ่งเป็นที่มาของอาการกระเด้งกระดอนเมื่อลุยทางวิบากถูกปรับใหม่ด้วยตัวช่วยอย่างโช้คอัพแบบ Monotub แหนบแผ่นกลางใช้โลหะ High Tensile Steel มีความแข็งแกร่งมากกว่าเดิม โช้คอัพแบบใหม่ ถูกปรับจูนระยะยืดและยุบใหม่หมด เพื่อทำให้สามารถดูดซับแรงสะเทือนได้ดีขึ้น Mounting (Bush / Shackle/ Cab-mount) มีการปรับคุณสมบัติในการดูดซับแรงสั่นสะเทือน เปลี่ยนรูปทรงของชิ้นส่วนเพื่อลดแรงเสียดทานของส่วน Mounting (เฉพาะ Hilux REVO ขับเคลื่อน 4 ล้อ และ Prerunner ขับเคลื่อน 2 ล้อ) เมื่อเข้าโค้งแรงๆ ก็ยังคงมีอาการโคลงหลงเหลืออยู่บ้าง ซึ่งอาการดังกล่าวเป็นเรื่องปกติ หรือเป็นธรรมชาติของรถกระบะยกสูงแบบแชสซีออนเฟรม กับช่วงล่างที่เน้นความแกร่งในด้านการบรรทุก ทำให้ไม่สามารถกำจัดอาการโคลงตัวออกไปได้หมด (แม้จะเป็น Ford Raptor ที่มีช่วงล่างแสนแพงก็ยังโคลงพองาม!) จึงมีความจำเป็นที่คนขับจะต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ โดยเฉพาะการขับด้วยสปีดความเร็วสูงเข้าโค้ง แต่กระบะ GR รุ่นใหม่คันนี้มีความมาดมั่นในโค้งมากกว่าเดิม การเซตช่วงล่างใหม่เพื่อเน้นขับเร็วบนไฮเวย์ ทำให้ระบบรองรับของ Hilux REVO GR Sport รุ่นยกสูงขับสี่มีความเหนือชั้นกว่าช่วงล่างของ REVO Rocco อย่างเห็นได้ชัด!
เมื่อวิ่งอยู่บนทางเรียบๆ เพื่อมุ่งหน้าไปยังอำเภอสามร้อยยอด ผมลองเปลี่ยนมาใช้โหมด Power เพื่อเรียกแรงบิดจากเครื่องยนต์ การเร่งความเร็วในรถกระบะตัวท็อปของพี่โต พอกดคันเร่งลงไป กระบะ GR เครื่อง 2.8 ลิตร ใช้เวลาไม่นานในการทะยานผ่าน 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยที่รถยังคงพุ่งลิ่วๆ ไปข้างหน้าอย่างไม่ลดละ ใน Ranger FX 4MAX ผมต้องเค้นกำลังด้วยรอบเครื่องยนต์ที่สูงกว่า แต่ในกระบะ GR เครื่องยนต์มีความจุมากกว่าเกือบ 800 ซีซี เมื่อความจุมากกว่า องศาของคันเร่งก็จะน้อยกว่าเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร Bi Turbo ของ Ford เกียร์ 6 สปีดมีความกระชับและเซ็ตอัตราทดมาอย่างลงตัว ในเมืองอาจมีตัวเลขที่ไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าที่ควรในระดับ 10.3 กิโลเมตรต่อลิตร แต่พอเอาออกมาซัดเร็วๆ บนไฮเวย์อัตราสิ้นเปลืองก็ทำได้ดีขึ้นโดยมีตัวเลขอยู่ที่ 11.2 กิโลเมตรต่อลิตร แม้จะคาอยู่ในโหมด Power และใช้ความเร็วอย่างต่อเนื่องก็ถือว่ากินน้อยกว่าการขับแบบวิ่งๆ หยุดๆ อยู่ในเมืองที่มีการจราจรคับคั่ง
การทำงานของเกียร์ออโต 6 สปีด พร้อม Sequential Shift และ Paddle Shift เป็นเกียร์ออโต้ขับสี่ลูกเก่า มีการปรับอัตราทดให้สอดรับกับแรงบิดที่มากขึ้น มีตำแหน่งทริปทรอนิกส์เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถชิฟ หรือเลือกตำแหน่งเกียร์ด้วยตัวเองเมื่อวิ่งผ่านทางบนภูเขาสูงชัน โดยใช้วิธีผลักคันเกียร์มาทางขวาเพื่อเข้าสู่โหมดแมนวล หรือชิฟเกียร์ผ่านแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่หลังพวงมาลัย เกียร์ออโตในตำแหน่ง D เปลี่ยนจังหวะด้วยตัวของมันเองตามโปรแกรมที่ลงเอาไว้ในกล่องสมองกลไฟฟ้า ECU ที่เชื่อมต่อกับกล่องควบคุมเครื่องยนต์ เกียร์ออโต 6 สปีด มีประสิทธิภาพที่ดีพอตัวในด้านของการทดกำลัง กลไกไฟฟ้าป้องกันความเสียหายของเกียร์ จากการชิฟเกียร์ผิดจังหวะเมื่อรอบเครื่องยนต์ไม่สัมพันธ์กับการเปลี่ยนเกียร์หรือลดเกียร์ลงต่ำขณะที่รถมีความเร็วสูง เกียร์จะไม่ยอมเปลี่ยนจนกว่าความเร็วรอบจะสัมพันธ์กับอัตราทดในเกียร์นั้นๆ ช่วยป้องกันอาการเกียร์กระจาย เกียร์ 6 บนไฮเวย์ยังช่วยลดรอบเครื่องยนต์ทำให้เกิดความประหยัดอีกด้วย ในจุดนี้ถือว่าทำออกมาได้ดี เมื่อใช้ความเร็วต่อเนื่องใน Power Mode โดยห้อลงเขามาเต็มเหนี่ยวด้วยรอบเครื่องสูงปรี๊ด เมื่อลองยัดเกียร์ต่ำเพื่อใช้เอนจิ้นเบรกช่วย หากรอบเครื่องยนต์สูงมากจนเกินไป ระบบป้องกันเกียร์เสียหายจากการเปลี่ยนเกียร์ที่ไม่มีความสัมพันธ์กับรอบเครื่องยนต์จะเข้ามาแทรกแซงทันที ระบบป้องกันเกียร์เสียหายจะไม่ยอมเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำให้จนกว่ารอบการหมุนของเครื่องจะมีความสัมพันธ์กับรอบการหมุนของเกียร์ ดูเหมือนจะฝืนความรู้สึกกันอยู่บ้างเมื่อเกียร์ไม่ยอมเปลี่ยนให้หากรอบเครื่องสูงเกินไป แต่ก็ช่วยทำให้คุณไม่ต้องเข้าอู่เข้าศูนย์เพื่อซ่อมหรือเปลี่ยนเกียร์กันเร็วก่อนเวลาอันควร ช่วยยืดอายุการใช้งานของเกียร์ออโตราคาแพงลิบ ซึ่งมีกลไกป้องกันเกียร์กระจายแบบนี้คอยช่วยป้องกันคนขับที่ชอบยัดเกียร์ขึ้น-ลงเองบ่อยครั้งไม่ว่าจะเกิดจากความมันหรือต้องการใช้อัตราทดช่วยลดความเร็วก็ตาม
ระบบบังคับเลี้ยวของ Toyota Hilux REVO GR Sport 2.8AT 4×4 คล้ายกับ REVO Rocco มีการปรับปรุงพวงมาลัยพาวเวอร์ใหม่ทั้งหมด หันมาใช้พาวเวอร์ผ่อนแรงหมุน และแปรผันน้ำหนักไปตามความเร็ว VFC (Variable Flow Control) ปรับน้ำหนักพวงมาลัยแบบแปรผันไปตามความเร็ว เป็นชุดบังคับเลี้ยวแรคแอนพีเนียนพร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงที่ถูกปรับให้ลดระดับความตึงลงมาเล็กน้อย ผมเพิ่งจะลงมาจาก Civic RS 1.5 Turbo แน่นอนว่ารถเก๋งไซล์เล็กนั้นมีพวงมาลัยไฟฟ้าที่เบาสบายมือกว่ารถกระบะอย่างแน่นอนและต้องปรับความรู้สึกกับชุดบังคับเลี้ยวในรถกระบะของพี่โตใหม่ทั้งหมด! พวงมาลัยในกระบะ GR Sport ยังให้ความแม่นยำที่ใช้ได้ แต่น้ำหนักเมื่อขับเคลื่อน 2 ล้อแบบปกตินั้นหนักไปนิดโดยเฉพาะในย่านความเร็วต่ำ การเปลี่ยนทิศทางใน REVO GR Sport รุ่นยกสูง เมื่อขับด้วยความเร็วต่ำ เช่น การเลี้ยวออกจากที่จอดรถ ต้องออกแรงขยับข้อมือกันมากกว่าพวงมาลัยของรถเก๋งเล็กที่ใช้เพาเวอร์ไฟฟ้า เมื่อปรับไปที่การขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ 4H พวงมาลัยจะเบาลงเล็กน้อย น้ำหนักที่มากกว่าพวงมาลัยไฟฟ้าอาจทำให้คุณสุภาพสตรีที่หนีจากรถเก๋งมาเป็นกระบะ GR ต้องปรับความคุ้นเคยกันสักพัก แต่เมื่อคุ้นเคยดีแล้ว พอลงจากเจ้า GR แล้วกลับไปขับรถเก๋งจะรู้สึกว่าพวงมาลัยไฟฟ้าก็เบาเกินไปอีก!
พวงมาลัยแบบพาวเวอร์สายพานของปิกอัพ Toyota มีจุดเด่นเรื่องของความแข็งแกร่งคงทน รองรับงานขับโหดๆ ได้ดี ไม่ว่าจะขับแบบลุยแหลกกระแทกเนินดิน หรือปีนป่ายหินก้อนโตๆ เป็นข้อดีของพวงมาลัยพาวเวอร์สายพานในรถปิกอัพ ที่จะต้องแลกมาด้วยน้ำหนักที่มากกว่าพวงมาลัยไฟฟ้าของรถเก๋ง โดยภาพรวมผมชอบพวงมาลัยไฟฟ้าใน Ranger FX 4MAX มากกว่า ลองถามวิศวกรของ Toyota เกี่ยวกับการทำพวงมาลัยไฟฟ้าในรถกระบะ ก็ได้คำตอบว่า พวงมาลัยพาวเวอร์สายพานของ Toyota บริเวณตำแหน่งของแรคนั้นยัดอะไรเข้าไปอีกไม่ได้แล้ว ด้วยพื้นที่อันจำกัด เลยไม่สามารถยัดมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าไปได้ หากจะทำในอนาคตก็ต้องออกแบบชุดแรคแอนพีเนียนใหม่ทั้งหมดเลยทีเดียว
การตอบสนองของช่วงล่างใน Hilux GR Sport อยู่ในเกณฑ์ดี และดีกว่า Rocco อย่างชัดเจนในด้านการซึมซับรองรับแรงกระแทกต่างๆ ความสูงจากพื้นถนนถึงใต้ท้องรถที่สูงกว่ารถทั่วไปอาจทำให้เกิดอาการโคลงตัวที่ไม่พึงประสงค์ แต่ Hilux REVO GR Sport ก็เป็นรถกระบะที่มีเสถียรภาพการทรงตัวอยู่ในเกณฑ์ดีวิศวกรและทีมทดสอบในช่วงของการพัฒนาซึ่งใช้เวลาปรับปรุงช่วงล่างนาน 4 ปี เพื่อหาค่าที่เหมาะสมมากที่สุด สำหรับความสบายหลังพวงมาลัย การเก็บเสียงเมื่อลองขับทดสอบบนถนนพระรามสองไปจนถึงเส้นบายพาสปราณบุรี วกเข้าไปในอุทยานสามร้อยยอด Hilux REVO GR Sport นั้นเก็บเสียงได้ดีพอสมควร ช่วงล่างไม่ได้นิ่ม แต่หนึบแน่นมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด จากการเปลี่ยนมาใช้โช้คอัพ Monotube ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนกลไกในกระบอกโช้ค โดยเฉพาะวาล์วภายในที่ปรับแรงดันน้ำมันในกระบอกโช้คได้ดีขึ้น การผ่อนสั้นผ่อนยาวของระบบรองรับยังช่วยทำให้การขับลุยทางออฟโรดมีความสบายเพิ่มขึ้น แม้จะมีอาการเต้นและดีดอยู่บ้าง เมื่อขับเร็วๆ ผ่านผิวถนนลูกรังที่ขรุขระ แต่อาการดังกล่าวก็ลดลงไปมากเมื่อเทียบกับ REVO Rocco ต้องขอบคุณโช้คอัพ Monotube รวมถึงการเซตค่าสปริงใหม่ที่ทำให้กระบะ GR คันนี้วิ่งได้เนียนขึ้นบนถนนที่ไม่มีความสม่ำเสมอ มันอาจไม่ดีเท่ากับช่วงล่างของ FX 4MAX ที่ใช้โช้ค Fox แต่กระบะ GR ก็ทำได้เกือบจะใกล้เคียงเลยทีเดียว
ระบบความปลอดภัย ใส่มาให้ครบ เป็นการอัดอุปกรณ์ความปลอดภัยเพื่อทำให้ Hilux REVO GR Sport เป็นกระบะที่มีระบบรองรับการขับและระบบช่วยขับเยอะพอสมควร ตัวถังโครงสร้างนิรภัยแบบ GOA ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่งรอบคัน ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC Hill start Assist Control ระบบควบคุมความเร็วขณะขับลงจากทางลาดชัน DAC Downhill Assist Control ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ หรือ LDA กล้องมองหลังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในรถกระบะท้ายสูง จอ MID แสดงภาพมุมของล้อหน้าบนกึ่งกลางมาตรวัด ออกแบบให้ใช้งานเพื่อสังเกตทิศทางของล้อขณะไต่เนินชัน เพื่อการวางตำแหน่งของล้อที่ถูกต้อง ระบบควบคุมการทรงตัวในโค้ง VSC Vehicle Stability Control ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS Anti-lock Braking System ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC Traction Control ระบบเสริมแรงเบรก BA Brake Assist ระบบกระจายแรงเบรก EBD Electronic Brake-force Distribution และระบบควบคุมการส่ายของพ่วงท้าย TSC Tralier Sway Control ฯลฯ เทคโนโลยีช่วยขับขี่ที่เข้ามาเพิ่มความปลอดภัยทั้งหมดของ Hilux REVO GR Sport 4×4 2.8G A/T ทำให้มันเป็นรถกระบะแนวสปอร์ตที่ขับสนุกและเกาะถนนเอาเรื่อง ด้วยช่วงล่างใหม่ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ 4 High ช่วยทำให้การใช้งานท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก หรือการขับลุยทางที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อมีความปลอดภัยเอาตัวรอดได้อย่างสบาย แต่ถ้าชอบลุยโหดก็ควรเปลี่ยนจากยาง A/T ไปเป็น M/T หรือหารอกวินซ์ไฟฟ้ามาช่วยให้เอาตัวรอดในสถานการณ์ที่ยากลำบาก นับว่าเป็นกระบะพี่โตรุ่นท็อปที่น่าใช้และมีความครบเครื่องมากที่สุดของปิกอัพในตระกูล Hilux เลยทีเดียว
เมื่อต้องขับลุย สวิตช์ปรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อไฟฟ้า Shift on The Fly 4WD Switch ช่วยทำให้การปรับระบบขับเคลื่อนจาก 2 ไปเป็น 4 ล้อมีความสะดวกรวดเร็วและง่ายดายขึ้น โดยไม่มีความจำเป็นจะต้องจอดรถเพื่อปรับตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเหมือนกระบะขับสี่ในอดีต การเลือกโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อให้เหมาะสมกับสภาพเส้นทาง เจ้า Hilux REVO GR Sport รุ่น Double Cab 4×4 2.8G AT จัดเต็มอุปกรณ์ของระบบขับเคลื่อนเพื่อการเอาตัวรอดบนเส้นทางทุรกันดาร มันเป็นกระบะที่ใช้ขับฝ่าทางออฟโรดโหดๆ ได้อย่างสบายๆ การคอนโทรลตัวรถฝ่าทางวิบากแค่แต่งพวงมาลัยและใช้คันเร่งแบบค่อยเป็นค่อยไป หรือปล่อยให้รถไหลไปเองบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ แค่คอยแตะเบรกไม่ให้ความเร็วสูงจนเกินไป ใช้สปีดความเร็วต่ำให้ถูกต้องคล้องจองกับสภาพทาง วางตำแหน่งรถให้ดี อย่าใจร้อน ก็สามารถขับออกมาได้แบบทุลักทุเลเล็กน้อย
เทคโนโลยีของระบบขับเคลื่อน เกียร์อัตโนมัติขับสี่ แชสซีที่แข็งแกร่ง ระบบช่วยขับบนเส้นทางออฟโรด ผนวกช่วงล่างและชุดบังคับเลี้ยวที่แข็งแกร่งของ Hilux GR Sport รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ทั้งหมดถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการขับที่ทารุณโหดร้ายต่อระบบขับเคลื่อนและระบบรองรับอยู่แล้ว ทำให้คนที่ไม่เคยขับแบบออฟโรดก็ยังสามารถควบคุมรถให้ผ่านทางโหดๆ ไปได้แบบไม่ยากเย็นมากนัก ถ้าคิดจะลุยหนักก็ควรถอดกาบบันไดด้านข้างออก ก่อนที่จะลงไปลุยฝ่าทางโหด การถอดอุปกรณ์บางอย่างออกไป โดยเฉพาะกาบบันไดด้านข้าง จะช่วยทำให้ชิ้นส่วนดังกล่าวไม่บิดเบี้ยวเพราะโดนกระแทกเมื่อขับลุยหลุมบ่อลึกๆ
โดยภาพรวม Hilux REVO GR Sport มีความหล่อเหลา จากอุปกรณ์ตกแต่งภายนอกและความสวยงามของชิ้นงานตกแต่งภายใน ที่อ้างอิงกับกีฬามอเตอร์สปอร์ต ผ่าน Gazoo Racing ทีมแข่งรถของ Toyota เป็นรถกระบะที่ทรงตัวในย่านความเร็วสูงได้อย่างเหนือชั้น เกาะถนนและลุยฝ่าทางวิบากได้ดี แรงบิด 500 นิวตันเมตรนั้นเหลือเฟือต่อการใช้งาน Hilux GR Sport ออกแบบสำหรับการใช้งานที่มีความหลากหลาย โดยเฉพาะการขับลุยฝ่าทางวิบาก จากแรงบิดที่เยอะเป็นพิเศษซึ่งช่วยทำให้เอาตัวรอดได้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก หรือช่วยเหลือลากจูงเพื่อนๆ ที่ขับลุยป่าฝ่าดงมาด้วยกัน ช่วงล่างใหม่ เบาะใหม่ที่นั่งได้สบายขึ้น ทำให้ขับได้ทั้งวันโดยปราศจากอาการกระเด้งกระดอน ช่วงล่างปรับมาใหม่หมดให้ทั้งความหนึบแน่นและการยึดเกาะที่หาได้ยากในรถปิกอัพ แม้ราคาจะแรงเกินไปเมื่อเทียบกับรถคู่แข่งที่มีประสิทธิภาพสูสีกัน แต่คุณจะได้ความคงทนที่เป็นเอกลักษณ์ของรถ Toyota รวมถึงบริการหลังการขายแบบมืออาชีพ เลือกยากเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน เพราะมีตัวดีๆ ที่ถูกกว่าอย่าง Ford Ranger FX 4MAX ราคา 1,189,000 บาท กับ Nissan Navara Pro 4X ราคา 1,149,000 บาท จากความคิดเห็นส่วนตัว เดินไปหยิบกุญแจ GR แล้วออกไปสนุกกับแรงบิดเถอะครับ!
Hilux REVO GR Sport ยกสูงขับเคลื่อน 4 ล้อ (Hi-Floor (4×4) ราคา 1,299,000 บาท (คันทดสอบ)
Hilux REVO GR Sport ขับเคลื่อน 2 ล้อ (Lo-Floor) ราคา 889,000 บาท
Hilux REVO Rocco มีทั้งหมด 4 รุ่น ราคา 966,000-1,256,000 บาท
Hilux REVO ยกสูงแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มีทั้งหมด 5 รุ่น ราคา 879,000-1,176,000 บาท
Hilux REVO ยกสูงแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ Pre-Runner มีทั้งหมด 10 รุ่น ราคา 724,000-1,026,000 บาท
Hilux REVO Z-Edition มีทั้งหมด 8 รุ่น ราคา 619,000-805,000 บาท
Hilux REVO รุ่นมาตรฐาน กระบะตอนเดียว มีทั้งหมด 7 รุ่น ราคา 544,000-704,000 บาท
(สำหรับสี Emotional Red และ White Pearl CS เพิ่ม 10,000 บาท / สี Super White ลด 7,000 บาท)
แคมเปญ แพ็กเกจขยายการรับประกันคุณภาพเพิ่มเป็น 5 ปี 150,000 กม. ค่าแรงเช็กระยะฟรีถึง 100,000 กม. สิทธิพิเศษเพิ่มเติมสำหรับ Toyota Privilege More
รุ่นเครื่องยนต์ 1GD-FTV (High)
แบบเครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo และ Intercooler 4 สูบ
ความจุกระบอกสูบ (ซีซี) 2,755
ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก 92.0 มิลลิเมตร x 103.6 มิลลิเมตร
อัตราส่วนกำลังอัด 15.6:1
กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ 204 แรงม้า PS ที่ 3,400 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที
ระบบจ่ายน้ำมัน หัวฉีดไดเร็คอินเจ็คชั่นแบบคอมมอนเรล (แบบ i-ART)
ความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร
น้ำมันเชื้อเพลิง ดีเซล
แชสซีส์
ระบบขับเคลื่อน ขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อม Differential Lock ที่เฟืองท้าย
ระบบเกียร์ อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift และ Paddle Shift
อัตราทดเกียร์ 1 3.600
อัตราทดเกียร์ 2 2.090
อัตราทดเกียร์ 3 1.488
อัตราทดเกียร์ 4 1.000
อัตราทดเกียร์ 5 0.687
อัตราทดเกียร์ 6 0.580
อัตราทดเกียร์ถอยหลัง 3.732
อัตราทดเฟืองท้าย 3.909
ระบบกันสะเทือนหน้า แบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง เหล็กกันโคลง และช็อคแอบซอร์บเบอร์ แบบ Monotube เฉพาะรุ่น GR Sport
ระบบกันสะเทือนหลัง แหนบซ้อน พร้อมช็อคแอบซอร์บเบอร์ แบบ Monotube เฉพาะรุ่น GR Sport
ระบบเบรกหน้า ดิสก์เบรกแบบมีครีบระบายความร้อน พร้อมคาลิปเปอร์สีแดง และสัญลักษณ์ GR
ระบบเบรกหลัง ดรัมเบรก
ระบบบังคับเลี้ยว แร็คแอนด์พีเนียน พร้อมพาวเวอร์ช่วยผ่อนแรงแบบ VFC
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด (ม.) 6.4
ยาง 265/60R18
ล้อ อัลลอย 18 นิ้ว เฉพาะรุ่น GR Sport
ยางอะไหล่ 265/60R18 อัลลอย 18 นิ้ว
ระบบเกียร์ อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift และ Paddle Shift
Toyota Hilux REVO GR Sport 4x4A/T ราคารถมาตรฐาน 1,266,900
ราคาอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ 32,100
ราคารวม 1,299,000
อุปกรณ์ภายนอก
กระจังหน้า สีเดียวกับตัวรถ และสีดำเมทัลลิก พร้อมตัวหนังสือ TOYOTA และสัญลักษณ์ GR
กันชนหน้า สีเดียวกับตัวรถ พร้อมชุดตกแต่งกันชนหน้า
กันชนหลัง สีดำเมทัลลิก
สเกิร์ตหน้า ข้าง และหลัง
บันไดข้าง สีดำ
ชุดตกแต่งซุ้มล้อ สีเดียวกับตัวรถ ตกแต่งด้วยสีดำเมทัลลิก
ไฟหน้า Bi-Beam LED Bi-Beam LED
ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติพร้อมระบบ Follow-me-home
ระบบปรับไฟหน้าสูง-ต่ำ อัตโนมัติ
ไฟท้าย แบบ LED Light Guiding
กระจกบังลมหน้าแบบอัดซ้อนนิรภัย
กระจกมองข้าง สีดำเมทัลลิก ปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว และระบบ Welcome Light
มือเปิดประตู สีเดียวกับตัวรถ
มือเปิดประตูท้าย สีดำ
ยางกันโคลน หน้าและหลัง
ที่ปัดน้ำฝน แบบหน่วงเวลา และปรับตั้งเวลาได้
สัญลักษณ์ GR บริเวณด้านข้าง
สัญลักษณ์ GR Sport บริเวณประตูท้าย
อุปกรณ์ภายในและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
สีภายใน สีดำ
วัสดุเบาะนั่ง หนัง Suede แบบเจาะรู และหนังสังเคราะห์ เดินด้ายสีแดง พร้อมสัญลักษณ์ GR
สีเบาะนั่ง สีดำสลับแดง
ดีไซน์เบาะนั่งด้านหน้า แบบสปอร์ต
เบาะนั่งด้านหน้าปรับเลื่อน-เอน ปรับไฟฟ้าด้านคนขับ
เบาะนั่งด้านหน้าปรับระดับสูง-ต่ำ เฉพาะด้านคนขับ ปรับไฟฟ้า
เบาะนั่งด้านหลังที่พักแขน พับเก็บได้พร้อมที่วางแก้วน้ำ
เบาะนั่งด้านหลังปรับยกเบาะเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของ แยกพับ 60:40
ตกแต่งแผงคอนโซลหน้า สี Smoke Silver และสีดำเมทัลลิก
ตกแต่งช่องปรับอากาศด้านหน้า สี Smoke Silver และสีดำเมทัลลิก
ตกแต่งแผงข้างประตู สีดำ บุหนังสังเคราะห์ พร้อมแถบสี Smoke Silver และสีดำเมทัลลิก
ตกแต่งแผงควบคุมกระจกไฟฟ้า สีดำเมทัลลิก
ตกแต่งมือเปิดประตูด้านใน โครเมียม
ที่บังแดดด้านคนขับ พร้อมที่เก็บนามบัตร
ที่บังแดดด้านผู้โดยสาร พร้อมกระจกและฝาปิด
มือจับ 8 ตำแหน่ง
การปรับระดับพวงมาลัย ปรับสูง-ต่ำ และเข้า-ออก (Tilt & Telescopic)
วัสดุ/การตกแต่งพวงมาลัย หุ้มหนังแบบ Soft Touch เจาะรู พร้อม Center Mark สีแดง และเดินด้ายสีแดง ตกแต่งด้วยสี Smoke Silver และสัญลักษณ์ GR
สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง โทรศัพท์ และจอสี TFT
วัสดุ/การตกแต่งหัวเกียร์ หุ้มหนัง / สี Smoke Silver
ฐานเกียร์ สี Smoke Silver
เบรกมือ สีดำ ตกแต่งด้วยโครเมียม
แป้นคันเร่ง และเบรก แบบสปอร์ต
ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์ ระบบสตาร์ตอัจฉริยะ พร้อมสัญลักษณ์ GR และระบบเปิดประตูอัจฉริยะ (Push Start and Smart Entry)
กุญแจรีโมต Smart Key ดีไซน์เฉพาะรุ่น GR Sport Jack Knife Key
มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron สีขาว ดีไซน์เฉพาะรุ่น GR Sport
จอแสดงข้อมูลการขับขี่ (MID) จอสีแบบ TFT
ไฟส่องสว่างในห้องโดยสาร พร้อมไฟส่วนบุคคล
กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อน
กระจกไฟฟ้าแบบขึ้น-ลงอัตโนมัติ พร้อมระบบป้องกันการหนีบ คู่หน้า และคู่หลัง
เซ็นทรัลล็อก แบบ Speed Auto Lock
สวิตช์เลือกโหมดการขับขี่ (Eco/Power)
เครื่องปรับอากาศ อัตโนมัติ ปรับอิสระแยกซ้าย-ขวา
ช่องปรับอากาศด้านหลัง ตกแต่งด้วยแถบสี Smoke Silver
ช่องเก็บของด้านบนพร้อมฝาปิด แบบ Cool Box พร้อมสัญลักษณ์ Hilux
ช่องเก็บของด้านล่างพร้อมฝาปิดและกุญแจล็อก
กล่องเก็บของพร้อมฝาปิด หุ้มหนังสังเคราะห์ เดินด้ายสีแดง
ช่องเก็บของที่แผงประตูพร้อมที่วางขวดน้ำ คู่หน้า และคู่หลัง
ที่เก็บแว่นตา
ที่วางแก้วบริเวณคอนโซลหน้า
ช่องเก็บเอกสารหลังเบาะคู่หน้า
ที่แขวนสัมภาระหลังเบาะคู่หน้า
ที่แขวนอเนกประสงค์
ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า กระแสตรง DC 12 โวลต์ 2 ตำแหน่ง
ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า กระแสสลับ AC 220 โวลต์ 1 ตำแหน่ง
ระบบเครื่องเสียงและการเชื่อมต่อ
เครื่องเสียงวิทยุ AM/FM พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Capacitive รองรับระบบ Apple CarPlay
ระบบเชื่อมต่อ Bluetooth รองรับโทรศัพท์ และการเล่นเพลง
ระบบ T-Connect
ลำโพง 6 ตำแหน่ง 4 ตำแหน่ง
เสาอากาศ แบบ Shark Fin แบบ Shark Fin
ระบบเตือนการโจรกรรม
ระบบเตือนการโจรกรรม TDS (Theft Deterrent System)
ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer
ความปลอดภัย
ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED
ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED
ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
ไล่ฝ้ากระจกหลัง
สัญญาณเตือนกะระยะด้านท้าย และมุมกันชนหน้า-หลัง
กล้องมองรอบคัน PVM (Panoramic View Monitor)
ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM (Blind Spot Monitor)
ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
เข็มขัดนิรภัย 3 จุด ทุกตำแหน่ง พร้อมระบบดึงรั้งกลับ และผ่อนแรงดึงอัตโนมัติ สำหรับเบาะคู่หน้า พร้อมระบบดึงรั้งกลับ และผ่อนแรงดึงอัตโนมัติ สำหรับเบาะคู่หน้า
ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD
ระบบเสริมแรงแบรก BA
ระบบควบคุมการทรงตัว VSC
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC แบบ A-TRC
ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน DAC
ระบบป้องกันการออกตัวฉุกเฉิน DSC –
ระบบควบคุมเฟืองท้าย (Auto Limited Slip Differential)
ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Radar Cruise Control)
ระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS
ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ LDA
โครงสร้างนิรภัย GOA
คานเหล็กนิรภัยด้านข้าง
ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS คู่หน้า และหัวเข่าด้านคนขับ
ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS ด้านข้าง และม่านด้านข้าง
อุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ
สปอร์ตบาร์พร้อมไฟส่องสว่างแบบ LED และพื้นปูกระบะ สีดำเมทัลลิก ดีไซน์เฉพาะรุ่น GR Sport
อุปกรณ์ผ่อนแรงเปิด-ปิดฝาท้ายกระบะ
สติกเกอร์ด้านข้างกระบะ ดีไซน์เฉพาะรุ่น GR Sport ดีไซน์เฉพาะรุ่น GR Sport
สติกเกอร์ด้านท้ายกระบะ ดีไซน์เฉพาะรุ่น GR Sport
ราคานี้ไม่รวมราคาสีพิเศษ 10,000 บาท (สี White Pearl Crystal และสี Emotional Red II)