HFTผงาดบาทอ่อนค่า จับตามาร์จิ้นทะลุ22%

#HFT #ทันหุ้น- HFT รับประโยชน์บาทอ่อน ชูมาร์จิ้นโดดหลังปรับราคาสินค้าขึ้น แต่ต้นทุนสินค้าลงสวนทาง มีลุ้นมาร์จิ้นเกิน 22% หากต้นทุนยังลงต่อเนื่อง เดินหน้ารับงานมาร์จิ้นสูง ล่าสุดได้ลูกค้า Tubeless พร้อมเดินหน้าลดปล่อยคาร์บอน ซื้อไฟฟ้าพลังงานสะอาด รับทำให้บริษัทได้เปรียบคู่แข่ง

นายจวง จื้อ เหยา รองประธานกรรมการ บริษัท ฮั้วฟงรับเบอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ HFT ธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางจักรยาน และจักรยานยนต์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าขณะนี้ ส่งผลให้บริษัทได้รับผลดีจากการส่งออกสินค้า เนื่องจากปัจจุบันบริษัทไม่ได้ซื้อประกันความเสี่ยงค่าเงิน ใช้การป้องกันความเสี่ยงธรรมชาติ ซึ่งบริษัทมีสัดส่วนการส่งออกมากกว่านำเข้า ดังนั้นอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าจึงส่งผลดี

เช่นเดียวกับมาร์จิ้นของบริษัทขณะนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากต้นทุนวัตถุดิบที่ราคาลดลงมาแล้ว แต่บริษัทยังสามารถปรับเพิ่มขึ้นราคาได้ตามที่ตกลงกัน ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่มาร์จิ้นน่าจะกลับมาสูงเกิน 22%ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยปีก่อน อย่างไรก็ตามมาร์จิ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้นจะชวยชดเชยกับมาร์จิ้นที่ปรับลดลงในช่วงครึ่งปีแรก

“แนวโน้มมาร์จิ้นเราดีมาก ไตรมาส 3 – 4 อาจจะดีกว่าค่าเฉลี่ยของปีที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนลดลงมาแล้ว แต่ราคาปรับขึ้น ยิ่งหากไตรมาส 4ต้นทุนลดลงมาอีกก็จะทำให้เรามีมาร์จิ้นสูง โดยปกติแล้วบริษัทจะมีสต็อกวัตถุดิบ 2เดือน และสต๊อกที่ราคาสูงกำลังจะใช้หมด ดังนั้นจากนี้ต่อไปก็จะรับรู้ต้นทุนที่ต่ำลง ไตรมาส 4มาร์จิ้นน่าจะดีมาก ชดเชยช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งคู่แข่งก็มีการปรับเพิ่มราคาเช่นเดียวกัน”

@ได้ลูกค้าใหม่มาร์จิ้นสูง

สำหรับยอดขายนั้นอาจจะไม่ได้สูงมาก ตามสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ทำให้คำสั่งซื้อเข้ามาลดลง แต่เป็นโอกาสของบริษัทที่จะขยายตลาดเพิ่มเติมในสินค้ามาร์จิ้นสูง ซึ่งขณะนี้บริษัทได้ลูกค้าใหม่เข้ามาในส่วนของยางจักรยาน โดยจะสั่งซื้อสินค้ายางจักรยานไม่มียางใน (Tubeless) ซึ่งเป็นไปตามแนวทางของบริษัทที่จะหันมาเน้นในส่วนสินค้ามีมาร์จิ้นสูง อย่างไรก็ตามปัจจุบันบริษัทก็ยังคงเดินหน้าผลิตล่วงเวลาด้วย แต่อาจจะลดจำนวนแรงงานจาก 2,300 คนเหลือ 2,000 คน

ในส่วนต้นทุนค่าไฟและพลังงานที่เพิ่มขึ้นนั้น ไม่น่ากังวลเนื่องจากกระทบไม่มากราว 2-3% และการบริษัทได้ปรับเพิ่มราคาสินค้าครอบคลุมแล้ว แต่บริษัทยังคงเดินหน้าในการลดต้นทุนพลังงานอย่างต่อเนื่อง โดยมีแนวคิดในการเผาไม้มาช่วยให้พลังงานทดแทนแก๊ส ซึ่งจากการสำรวจพบว่ามีการปล่อยคาร์บอนพอๆ กัน

@คาร์บอนช่วยได้เปรียบคู่แข่ง

นายจวง จื้อ เหยา กล่าวด้วยว่า บริษัทได้ให้ความสำคัญในด้านการลดการปล่อยคาร์บอน ยอมรับว่ากระแสดังกล่าวเป็นจุดสำคัญที่ทำให้บริษัทได้เปรียบในการด้านการแข่งขันเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง โดยเฉพาะโรงงานที่ไม่มีคุณภาพ ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการแล้วมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมบ้าง แต่บริษัทมองว่าเหมือนกับตรา มอก. ที่จะต้องจ่ายเพิ่ม และจำเป็นต้องมี

ทั้งนี้บริษัทได้มีการเดินหน้าในการติดตั้งโซลาร์ผลิตไฟฟ้าในกระบวนการผลิต นอกจากนี้ยังได้เจาะจงการซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ซึ่งมีใบรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate : REC) โดยจะซื้อถึง 70%ของไฟฟ้าที่ผลิต และจะเดินหน้าด้านคาร์บอนเครดิตอย่างต่อเนื่อง