15 ปีแห่งความหลัง

ที่เช็กบิล ชำระแค้น “เสือเหลือง” มาเลเซีย ลงได้อย่างสาสะใจ 3-0 

รวมผล 2 นัด ไทยชนะไป 3-1 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศฟุตบอลอาเซียนคัพ 2022 ได้สำเร็จ 

โดยเตรียมเปิดศึก “ดรีมไฟนัล” กับคู่รักคู่แค้น “ทีมชาติเวียดนาม” ที่เข้ามาเต๊ะจุ๊ยยืนรออยู่ก่อนหน้านี้ 

ด้วยสถิติ “คลีนชีต” ไม่เสียประตูให้ทีมใดเลย ตลอด 6 แมตช์ที่ลงสนามมา 

เกมนัดชิง ที่จะเตะแบบเหย้า-เยือน จะดวลแข้งนัดแรก ในค่ำวันศุกร์ที่ 13 ม.ค.นี้แล้ว 

โดยพลพรรคช้างศึก ต้องยกทัพไปเยือน นักเตะญวน ก่อน ที่สนามหมีดิญ สเตเดียม กรุงฮานอย 

ทำให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ เมื่อ 15 ปีก่อน ในนัดชิงฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2008 ซึ่งเตะกันที่สนามแห่งนี้ 

และผมก็เป็นหนึ่งในกระจอกข่าวของกราวกีฬาไทยรัฐ ที่มีโอกาสติดสอยห้อยตามไปรายงานข่าวทีมช้างศึกที่สังเวียนหมีดิญในครั้งนั้นด้วย 

ทีมชาติไทย ภายใต้การคุมทัพของกุนซือ ปีเตอร์ รีด พลาดท่าพ่ายแพ้ เวียดนาม คาราชมังคลากีฬาสถาน มาก่อน 1-2 ในเกมแรก

ทำให้พวกเราต้องเดินทางไปฮานอย ด้วยสภาพกดดันสุดๆ 

ขณะที่เจ้าถิ่น เวียดนาม หวังอย่างยิ่ง ที่จะสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์รายการนี้ให้ได้ 

หลังจากที่เคยอกหักพ่ายแพ้คาบ้านในนัดชิง ให้กับสิงคโปร์มาแล้วเมื่อปี 1998   

นักเตะไทยชุดนั้น จัดว่าแข็งแกร่งไม่แพ้ใครในอาเซียน 

เพราะหลายคนเป็นเจเนอเรชันใหม่ที่ก้าวขึ้นมาทดแทนรุ่นพี่ได้อย่างน่าจับตา 

ไม่ว่าจะเป็นแนวรับ ที่ประกอบด้วย นายทวาร โกสินทร์ หทัยรัตนกุล, ณัฐพงษ์ สมณะ, ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์, ชลทิตย์ จันทคาม, สุรีย์-สุรัตน์ สุขะ 

ขณะที่ตัวรุก ก็ล้วนเป็นตัวตึงแห่งยุคทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นกัปตันทีม ดัสกร ทองเหลา, สุเชาว์ นุชนุ่ม, “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย, รณชัย รังสิโย 

รวมไปถึงดาวรุ่งพุ่งแรง อย่าง ธีรศิลป์ แดงดา ที่ถูกดันมาเป็นศูนย์หน้าทีมชาติอย่างเต็มตัวเป็นทัวร์นาเมนต์แรก

ซึ่ง “เจ้ามุ้ย” ก็ไม่ทำให้ทุกคนต้องผิดหวัง เมื่อเทกตัวขึ้นโขกลูกเปิดของ “เจ้าเบิร์ท” สุธี เข้าไปตุงตาข่าย ให้แข้งช้างศึกขึ้นนำไปก่อน 1-0 ตั้งแต่ น.21 

จากนั้น นักเตะสกุลเหงียน ลุยบุกอย่างหนักเพื่อทวงประตูตีเสมอให้ได้ แต่ก็ทำได้แค่หวาดเสียว 

และถ้าสกอร์จบอย่างนี้ ทั้งสองทีมจะต้องต่อเวลาออกไปเพื่อหาผู้ชนะ 

แต่แล้วในช่วงทดเจ็บ เวียดนาม ก็มาได้ประตูตีเสมอจนได้ จากลูกที่ เล คอง วิน โดนทำฟาวล์หน้าปากประตู 

ก่อนจะเป็น เล คอง วิน คนเดิมที่วิ่งหนีกองหลังไทย เข้าไปโหม่งลูกเปิดของ เหงียน เวียน ฟง บอลพุ่งเสียบเสาสอง ท่ามกลางเสียงเฮสนั่น หมีดิญ สเตเดียม

รวมผล 2 นัด แข้งดาวทอง ชนะ 3-2 คว้าแชมป์อาเซียนคัพ 2008 ได้เป็นครั้งแรกสมใจนึก 

ซึ่งคืนวันนั้นพวกเรานักข่าวไทยแทบจะไม่ได้นอนกันทั้งคืน เพราะเสียงบิดมอเตอร์ไซค์ และเสียงแตร ของเจ้าถิ่นที่แผดดังลั่นถนน 

เพื่อฉลองถ้วยแชมป์ที่พวกเขารอคอยกันมานาน

นั่นคือภาพความทรงจำที่ลืมไม่ลงของผมเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ในแมตช์ชิงเจ้าอาเซียนที่ฮานอย

และเป็น 15 ปีแห่งความหลังของ “เจ้ามุ้ย” จากวัย 19 ปี ถึง “เฮียมุ้ย” ในวัย 34 ปี 

ที่เปลี่ยนสถานะจากกองหน้าดาวรุ่ง มาเป็นตำนานดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของศึกอาเซียนคัพที่กดไปแล้วรวม 25 ลูก 

แถมยังนำดาวซัลโวศึกครั้งนี้ที่ 6 ประตู อีกต่างหาก    

ก็หวังว่าการโคจรมาพบกันอีกครั้ง ระหว่าง 2 สุดยอดทีมอาเซียน “เวียดนาม VS ไทยแลนด์” 

เพื่อชิงความเป็นหนึ่งในเกมลูกหนังของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในครั้งนี้ 

บทสรุปสุดท้าย..จะเป็น “ทีมช้างศึก” ของเราบ้าง

ที่ได้เฮฉลองกันทั้งประเทศ !!!

– บี บางปะกง – 

  joggingboy_be@yahoo.com