โดยครั้งนี้จะมีนักบิดชื่อดังระดับโลกหลายคน เดินทางมาร่วมชิงชัยบนแผ่นดินไทย ซึ่งนับเป็นสนามที่ 17 จากทั้งหมด 20 สนามตลอดฤดูกาลนี้ ในระหว่างวันที่ 30 กันยายน-2 ตุลาคม 2565 ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์
สำหรับ “โมโตจีพี ไทยแลนด์” ปีนี้ ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพปีที่ 3 ต่อจาก 2 ครั้งแรก เมื่อปี 2018 และ 2019 โดยที่ต้องเลื่อนการแข่งขันในปี 2020 และ 2021 ออกไป เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้วงการกีฬาโลกหยุดชะงัก
แต่เมื่อทุกอย่างคลี่คลายลงก็กลับมาเดินหน้ากัน อีกครั้ง โดย พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยืนยันว่าการเตรียมการ ในด้านต่างๆของไทยเวลานี้พร้อมเกิน 100 เปอร์เซ็นต์
และพร้อมที่จะสร้างสถิติและประวัติศาสตร์ สำคัญให้วงการมอเตอร์สปอร์ตโลกอีกรอบ
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ “ไทยโมโตจีพี” ถูกยกย่อง ว่าเป็นโมโตจีพีที่สนุกและมีความสุขที่สุดในโลก ครองแชมป์สนามที่มีผู้ชมสูงสุดของโลก 2 ปีซ้อน เช่นเดียวกับการซื้อบัตรเข้าชมจากทั่วโลกก็ยังได้รับ ความนิยม ถูกจับจองหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่กี่นาที
ในส่วนของแฟนๆมอเตอร์สปอร์ตจากทั่วโลก ที่เดินทางมายังคงได้สัมผัสกับบรรยากาศ “โมโตจีพี วิถีไทย” เหมือนเดิม จะได้ไปเยือนสถานที่ท่องเที่ยว แลนด์มาร์กของบุรีรัมย์หลายแห่ง โดยเฉพาะอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง หรือปราสาทหินพนมรุ้ง
รวมทั้งยังมีโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น ไปดูวิถีชุมชนหมู่บ้านนกกระเรียนพันธุ์ไทย ชุมชนบ้านสวายสอ มีมัคคุเทศก์นำเที่ยวเส้นทางท่องเที่ยวในชุมชน พักโฮมสเตย์ ทำโฮมสปาภูมิปัญญาชาวบ้าน รับประทานอาหารจากเถียงนาเชฟเทเบิล และช็อปปิ้งของพื้นถิ่นผลิตภัณฑ์ชุมชน
ส่วนภายในงานมีบูธกิจกรรมหลากหลายทั้ง โซนเที่ยวไทย 5 ภาค, โซนสปอร์ต อีเวนต์ หรือกิจกรรม กีฬาในรูปแบบเกม อินเตอร์แอ็กทีฟ เช่น มาราธอน ไตรกีฬา จักรยานทางไกล ยังมีการนำของดีบุรีรัมย์ เช่น ผ้าไหม ผ้าฝ้ายอัคนี ที่เป็นผลิตภัณฑ์จากชุมชน อาหารของฝากขึ้นชื่อ และงานฝีมือมาคอยต้อนรับ
ขณะที่ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. กล่าวเสริมว่า ไทยโมโตจีพีไม่เพียงสร้างชื่อให้ประเทศ ในด้านการจัดกีฬาระดับโลก ได้พัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ตของไทยเท่านั้น แต่ยังก่อประโยชน์ในด้าน เศรษฐกิจ ซึ่งเป็นประโยชน์ที่ประเทศได้รับอีกด้วย
รายการนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ดึงนักท่องเที่ยวให้กลับมา โดยมูลค่าการใช้จ่ายของผู้เข้าชมจะประกอบด้วย ค่าที่พักอาศัย ค่าอาหารและเครื่องดื่ม ค่าพาหนะการเดินทาง ค่าซื้อสินค้า ของที่ระลึก ค่าใช้จ่ายเพื่อความบันเทิง ค่าบริการท่องเที่ยว และอื่นๆของผู้เข้างานทั้งชาวไทยเองและชาวต่างชาติ ก่อให้เกิดรายได้มากมาย
ในด้านของการแข่งขันครั้งนี้ก็การันตีได้ ล่วงหน้าว่ามีความเร้าใจรออยู่ เมื่อดูจากรายชื่อนักบิดและสถานการณ์ของการแข่งขันที่เข้าสู่ช่วง โค้งสุดท้าย
โดยเฉพาะในรุ่นโมโตจีพี ตอนนี้กำลังเข้มข้นเลยทีเดียว บนตารางคะแนนสะสม ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร นักบิดชาวฝรั่งเศส จากมอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า นำเป็นจ่าฝูง มี 211 คะแนน ขณะที่ ฟรานเชสโก บันญาญา นักบิดชาวอิตาเลียน จากดูคาติ เลอโนโว ทีม ไล่ตามมาเหลือแค่ 10 คะแนนเท่านั้น
เช่นเดียวกัน อเล็กซ์ เอสปาร์กาโร นักบิดสเปน จากอพริเลีย ตามมามี 194 คะแนน ก็พร้อมเสียบแซงหน้า หากทั้ง 2 คนบนหัวตารางพลาดในสนามที่เหลือ
เรียกได้ว่าใครยืนหนึ่งสนามนี้ก็จะช่วยเพิ่ม โอกาสที่จะคว้าแชมป์โลกในปีนี้ไปครอง
นอกจากการขับเคี่ยวกันของบรรดาหัวแถวแล้ว แฟนความเร็วชาวไทยจะยังได้ชมลีลาของ มาร์ค มาร์เกซ แชมป์โลก 8 สมัยจากแดนกระทิงดุ ของทีม เรปโซล ฮอนด้า ที่เคยมาคว้าแชมป์โลกในสนามแห่งนี้เมื่อ 2 ปีก่อนอีกด้วย
แม้ว่าจะไม่ได้เห็นมาร์เกซลุ้นแชมป์ แต่การได้เห็นเขากลับมาแข่งอีกครั้ง หลังจากหายหน้าไป เพราะอาการบาดเจ็บ ถือว่าคุ้มค่าทีเดียว
ด้านรุ่นรองโมโตทูก็น่าสนใจ เมื่อจะมีนักบิด สายเลือดไทยลงทำการแข่งขัน 2 คนในปีนี้ ประกอบด้วย “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา จากโครงการฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม เจ้าของหมายเลข 35 จากทีมอิเดมิตสึ ทีม เอเชีย และ “เคเค” เขมินท์ คูโบะ จากยามาฮ่า วีอาร์ 46 มาสเตอร์แคมป์
โดยเฉพาะ “ก้อง” สมเกียรติ ที่ผ่านมาทำได้ดี คว้าแชมป์มาได้ 1 รายการ ในศึก “อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์” และยังได้อีก 3 โพเดียม ที่ “อาร์เจนตินา กรังด์ปรีซ์”, “เฟรนช์ กรังด์ปรีซ์” และ “ออสเตรียน กรังด์ปรีซ์” แถมยังถนัดในสนามนี้ จึงมีโอกาสที่จะสร้างชื่อได้อีกครั้ง
เตรียมพร้อมติดตามบรรยากาศความมันที่ แฟนๆกีฬาต้องห่างหายไปถึง 2 ปีกันได้ ทั้งในสนาม และการถ่ายทอดสดผ่านทางช่อง PPTV HD 36 และ ทรูวิชั่นส์ ตลอดรายการ
ความสนุกของ “ไทย โมโตจีพี” ที่เราๆ ท่านๆคุ้นเคยจะกลับมาแน่นอน
ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง…
กัญจน์ ศิริวุฒิ
ชานนท์ กล่ำดิษฐ์ เรื่อง