เปิดหมดทุกวีรกรรมความเจ้าชู้ สมรักษ์ คำสิงห์ จากปากภรรยา เผยมีคนมาจ้างหย่า 2 ล้าน แนะวิธีเด็ดของเมียหลวง กำราบเหล่าเมียน้อย
เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด
บาส สมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยทีมชาติไทย ฮีโร่เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก 1996 จูงมือภรรยาคนสวย อ้อย เสาวนีย์ มาเป็นแขกรับเชิญในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 เปิดเรื่องราวชีวิตคู่อย่างหมดเปลือก วีรกรรมความเจ้าชู้ของสามี ที่มีเข้ามากวนใจอยู่นับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็สามารถผ่านมาได้ด้วยสติและความรักที่มีต่อลูกๆ พร้อมยังเผยถึงขนาดที่ว่ามีคนมาจ้างให้หย่าถึงสองล้าน พร้อมแนะวิธีเด็ดของเมียหลวง ที่กำราบเหล่าเมียน้อยให้ยอมถอยห่างครอบครัว
เริ่มต้นไปเจอกันได้ยังไง แล้วความใจกล้าตอนนั้นไปจีบอย่างไร? สมรักษ์ : “ถ้าผมเล่าเดี๋ยวจะหาว่าผมโม้ (หัวเราะ) ผมเป็นนักกีฬาชกมวยเขต 4 จังหวัดขอนแก่น แล้วคุณอ้อยเขาก็เป็นนักกีฬาเขต 4 ขอนแก่นเหมือนกัน” อ้อย : “ตอนนั้นเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลค่ะ”
สมรักษ์ : “ตอนนั้นเรานั่งรถบัสคันเดียวกันเพื่อจะไปแข่งที่อยุธยา แล้วเพื่อนกลุ่มนักมวยของผมก็บอกว่าคนนั้นหน้าตาดี (บอกว่าคุณอ้อยหน้าตาดี) เขาฟังซาวด์เบาท์อยู่ใครกล้าไปยืมบ้างก็ไม่มีใครกล้าเลย แล้วผมก็อาสาออกตัวว่าจะไปยืมให้ (ตอนนั้นผมดังอยู่) เพราะว่าต่อยมวยไทยพิมพ์อรัญเล็ก ศิษย์อรัญก็ดังอยู่ ผมชกจนไม่มีคู่ชกเลย ตอนที่เราบอกว่าเราจะไปยืมซาวด์อะเบาท์ของเขาให้ เรายังไม่เห็นหน้าตาเขานะครับ เห็นแต่ด้านหลังแต่ก็ใช้ได้แล้วแหละ (หัวเราะ) เราก็เดินไปสะกิดหลังเขาว่า ขอยืมซาวด์อะเบาท์หน่อย แล้วเขาก็หันมาแบบเหล่สายตามองเราด้วยหางตา”
อ้อย : “เราก็คิดว่าเธอเป็นใครมายืมของฉัน แล้วเราก็หันไปแล้วบอกว่าไม่ให้”
สมรักษ์ : “พอเขาไม่ให้เราก็เดินกลับมาบอกเพื่อนว่าเขาไม่ให้ แต่เราก็ไม่ได้คิดว่าเราเสียหน้าเพราะว่าเราเป็นคนมองโลกในแง่ดี คนเราต้องมีน้ำใจต่อกันเข้าใจไหม”
อ้อย : “พอจากตรงรถทัวร์จบแล้วก็ไปพักที่โรงแรมเดียวกัน แต่อยู่คนละตึก ซึ่งเราจะเห็นเขาทุกเช้าผ่านหน้าต่าง เพราะว่าเขาจะกระโดดเชือกเพื่อลดน้ำหนัก เราก็จำได้ว่าคนนี้ที่มาสะกิดยืมซาวด์อะเบาท์ เราก็มองธรรมดา มีวันหนึ่งเขาจะเดินไปทานข้าวแล้วเขาเห็นเรานั่งอยู่ เขาก็ถามว่ากินข้าวหรือเปล่า ไปทานข้าวกันไหม เราก็ส่ายหน้าไม่ไป ไปเถอะ เราก็บอกเขาไปแบบนี้ แล้วพอเขาเดินเลยเราไปนิดนึง เราก็เรียกเขาเดี๋ยวๆ เธอชื่ออะไร … เราก็เลยถามแบบนี้”
สมรักษ์ : “แล้วผมก็หันมาช้าๆ แล้วบอกกับเขาว่าเราชื่อ บาส แล้วผมก็เดินไปเลย”
อ้อย : “เราก็แบบว่าช็อกเลย พอได้ยินว่าชื่อ บาส เพราะเรามีความใฝ่ฝันอยากมีแฟนชื่อ บาส ค่ะ เราชอบเล่นบาส ถึงขนาดที่คิดว่า ถ้าเราไม่มีแฟนชื่อนี้เราจะไม่มีแฟนเลย พอหายช็อกพอรู้ชื่อเขาเราก็รีบตะโกนเรียกเขาเลยว่า เธอๆ เดี๋ยวเราไปด้วยแล้วก็วิ่งลงจากอาคารไปทานข้าวกับเขาเลย เวลาทานข้าวเราก็นั่งมองหน้าเขาอย่างเดียวเลย ตอนนั้นเหมือนจากซาตานเป็นเทพบุตรเลยค่ะ เราก็ไม่ได้คิดว่าเขาเป็นคนดีหรือไม่ดี คิดแค่ว่าเราเจอแล้ว เราก็นั่งจ้องเขาแล้วเขาก็โม้ไปเรื่อย หลังจากนั้นเราก็เป็นฝ่ายไปจีบเขาเลยค่ะ”
เมื่อความรักทุกอย่างลงตัว แต่ก็ต้องมีเรื่องให้เสียใจเพราะต้องสูญเสียลูกคนแรกไปช่วงที่ คุณสมรักษ์ ไปแข่งกีฬาโอลิมปิก? อ้อย : “คุณหมอมาแจ้งเราว่า คุณอ้อยๆ ลูกเสียแล้วนะ ลูกเสียในครรภ์ซึ่งก่อนหน้าที่เขาจะเสียเราก็ไม่ได้มีอาการอะไรเลย ก็เพิ่งไปตรวจคุณหมอก็ยังบอกว่าหัวใจของเขายังเต้นปกติแล้วก็มาเสีย พอรู้ว่าลูกไม่ได้อยู่กับเราแล้วตอนนั้นเราเสียใจมาก แล้วเขาก็ไม่อยู่ด้วยเราก็ร้องไห้ คุณหมอก็โทรไปบอกเขาที่อเมริกา”
สมรักษ์ : “พอผมทราบเรื่องก็ร้องไห้ เดินไปร้องไห้ในห้องน้ำเลย ทีมมวยเขาก็มาปลอบใจเราว่ากลับไหม แล้วผมก็เลยคิดว่าเออ…. เราต้องเอาเหรียญทองโอลิมปิกมาให้ได้เพราะว่าลูกเนี่ยเอาชีวิตแลกไปแล้ว เพราะถึงเรากลับมาลูกเราก็ไม่ฟื้น ต้องซ้อมเอาเหรียญทองแล้วพอได้เหรียญทองแล้วเราค่อยกลับมาดูแลเขา”
เป็นวิธีคิดที่เอาความเสียใจมาเป็นพลังบวกให้ได้ แล้วในมุมของคุณอ้อยล่ะ? อ้อย : “ในมุมของเราตอนนั้น เราอยู่คนเดียวเราจะทำอย่างไร เราก็น้อยใจ ไม่เข้าใจเพราะว่าเหตุการณ์อะไรต่างๆกว่าเราจะมาเจอเหตุการณ์นี้มันผ่านมาเยอะ อย่างก่อนหน้านี้เขาไปบาร์เซโลนา รถยนต์เราก็หายไปคันหนึ่งเหมือนว่ามันเป็นทุขลาภแล้วค่อยมาได้เหรียญทองแต่ครั้งนี้มันเอาชีวิตแลกเลย”
ตอนนั้นคุณสมรักษ์ คิดว่าเราน่าจะเป็นผู้ชนะไหม? สมรักษ์ : “การไปโอลิมปิกครั้งนั้น ผมมั่นใจมากที่จะได้เหรียญเพราะว่าก่อนที่ผมจะได้ สั่งเสื้อไว้ก่อนเลยสั่งสกรีนเสื้อไว้เลย 100 ตัว แล้วบอกภรรยาว่าได้เหรียญทองกลับมาแน่นอน อยากได้อะไรไปดูไว้ อยากได้บ้าน อยากได้รถอะไรไปดูไว้”
อ้อย : “เขาเคยโดนซื้อตัวจะให้ไปชกแชมป์โลกสากลอาชีพ ซื้อตัวเท่าไหร่เขาก็ไม่ไปเพราะเขาตั้งเป้าว่าเหรียญทองมวยโอลิมปิก ยังไม่มีใครได้เขาต้องเอามาให้ได้ ซึ่งเขาเป็นคนแบบนั้นจริงๆ ค่ะ เพราะเขาเป็นคนมุ่งมั่น และเขาตั้งใจทำเพื่อประเทศไทย”
ในวันนั้น คุณสมรักษ์ ทำให้คนไทยทั้งประเทศมีความสุข แต่ในความเสียใจของผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งสูญเสียลูกไปในวันที่เขาชกตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เราเชียร์อยู่ที่นี่หรือว่าตามไปเชียร์ที่โน้น? อ้อย : “ก็เลยมีโอกาส เขาให้ไปเชียร์ เหมือนเขาให้รางวัลปลอบขวัญ ปลอบใจเราให้ไปเชียร์ที่อเมริกาพอได้เหรียญเลยได้คุยกันว่า พี่ได้เหรียญทอง พี่มีเงินแล้วนะ เขาบอกว่าถ้ากลับไปถึงเมืองไทยเขาจะจัดงานแต่งงานให้”
พอมีชื่อเสียงก็จะมีคนเข้ามา ถึงขนาดว่ามีคนมาจ้างหย่า 2 ล้าน เขากล้ามาจ้างหย่าเลยเหรอ?อ้อย : “เขาน่าจะจ้างคุณสมรักษ์ เราก็บอกว่า 2 ล้านบาทไม่พอหรอก เพราะมูลค่าเขามากกว่านั้น เพราะถ้าคุณเอาเขาไปคุณคุ้ม เราก็บอกเขาไปว่าสัก 10 ล้านบาทได้อยู่นะ เพราะตอนนั้นน่าจะประมาณปี 40 ได้ค่ะ”
ฟังดูแล้วเวลาที่เกิดเรื่องแบบนี้ คุณอ้อย ดูมีสติมากเลย เพราะว่าที่จะโต้ตอบให้อีกฝ่ายหงายหน้าไป? อ้อย : “ใช่ค่ะ เพราะว่าเขาพูดเยอะค่ะ ผู้หญิงพวกนั้นมันขึ้นอยู่กับผู้ชาย ถ้าเขายังเลือกเราอยู่เราจะมีความมั่นใจที่จะไปตอบโต้ อย่าไปคิดเลยว่าเราจะเลิกกัน แต่ถ้าเราคิดว่าจะเลิกแล้วเราจะไปอยู่คนเดียวเราเลิก แต่ถ้าเลิกกันแล้วเราคิดอยากจะแต่งงานใหม่ เราอย่าเลิกดีกว่าเพราะว่าเราไม่รู้ว่าผู้ชายที่เราจะไปเจออีกเขาจะดีหรือไม่ดีอะไรอย่างนี้ค่ะ
แล้วอีกอย่างเขาเป็นพ่อของลูก เรามองว่าให้เขาอยู่กับลูกเรา เป็นพ่อของลูกเรามันอบอุ่นดีอยู่แล้วเราไม่ต้องไปดิ้นรนอะไรเลย เพียงแต่ว่าเวลาที่เขาออกนอกลู่นอกทาง เราก็ตบๆ เขามาเพราะว่ามันก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์อยู่แล้ว แล้วเราก็บอกเขาว่าต่อให้เลิกกันยังไง หรือต่อให้เธอย้ายเอาของออกไปจากบ้านอะไรที่เป็นสมบัติของเธอมันมีอยู่ชิ้นเดียวคือ ทะเบียนสมรส แล้วอยากจะไปมีเมียใหม่ไปมีเลย แต่ทะเบียนสมรสฉันกอดไว้ มันคือความสะใจของคนที่เป็นเมียหลวง เพราะคนที่เป็นเมียน้อยมันอยากได้อย่างเดียวเลยคือ ทะเบียนสมรส”
สมรักษ์ : “เป็นครอบครัวนักกีฬา ต้องรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย (หัวเราะ) ฟังไว้นะครับ อันนี้หลายครอบครัวบางทีมีปัญหา เอาอย่างภรรยาของผม รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ดีมากคือครอบครัวอยู่ยาว”
ผู้หญิงกลัวที่สุดคือเรื่องการนอกใจ แต่พอมันเกิดขึ้นแบบนี้ก็ต้องชั่งน้ำหนักว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างของผู้ชายคนนี้ที่ยังน่ารักมากพอให้เราทน? อ้อย : “ใช่ค่ะ เขาอาจจะเป็นสามีที่ดีไม่ได้ แต่เขาเป็นพ่อที่ดีของลูกมากๆ ถามว่าตอนนี้หยุดเจ้าชู้หรือยัง ตอนนี้เบสบอกว่าแม่ไม่ต้องเดี๋ยว เบส จัดการเอง”
สมรักษ์ : “ผมก็อยู่ของผมเฉยๆ ผมก็ไม่เคยปิดบังว่าผมมีครอบครัว”
อ้อย : “แต่จริงๆ ต่อให้ตอนนั้นที่เขาไม่หยุด ผู้หญิงทุกคนก็อยากเป็นหนึ่งคนที่เป็นเมียน้อย ก็คือ อยากเป็นเมียหลวงถูกไหมคะ ตอนนั้นต้องบอกว่าทะเบียนสมรสอันเดียวเลยค่ะ คือมันจะกำราบคนพวกนี้ไปเพราะเราอย่าหย่า ต่อให้เขาอยากเลิกกับเราแค่ไหนเราก็อย่าหย่าเพราะมันคือว่า สะใจค่ะ”
คุณอ้อยคือคนหนึ่งเลยที่ต้องใช้ความหนักแน่นและต้องใช้สติเยอะมาก อยากให้เป็นข้อคิดกับหลายๆ คนที่อาจจะดูอยู่แล้วกำลังมีปัญหาสามีออกนอกลู่นอกทางแล้วเราต้องพยายามดึงกลับมาให้อยู่ในเส้นทางเราต้องตั้งสติยังไงบ้าง? อ้อย : “เราก็ฟูมฟายเหมือนกันนะคะ เราก็สาดเสียเทเสียเหมือนกัน แต่เรากับเขาก็มาคุยกัน ถ้าเขายังอยู่กับเราหมายถึงว่า เขายังเลือกอยู่กับเรา เราก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว เราก็ดึงเขาให้กลับมา แต่กลับมาในที่นี่คือกลับมาหมดเลยนะคะ เพราะทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเราแล้ว
พอจะดึงเขากลับมาเนี่ยอันดับแรกเราต้องตั้งสติแล้วก็อย่างี่เง่า แล้วก็อย่าเอาผู้หญิงคนนั้นมาเปรียบเทียบ เพราะผู้หญิงพวกนั้นไม่ได้มีค่าอะไรเท่ากับเราเลย แล้วเราก็มองว่าสามีเราต้องการอะไร แล้วเราก็ต้องปฏิบัติกับเขาอย่างไรเพื่อที่จะให้เขากลับมาอยู่กับเรา แล้วพอเขากลับมาแล้วพออะไรมันดีขึ้น ความคิดอยากอยู่มันจะมาเอง”
ในความเป็นคุณพ่อที่ดี เขาเป็นคุณพ่อที่ดีแบบไหนกับลูกๆบ้าง? สมรักษ์ : “ครอบครัวของผมอบอุ่นอยู่แล้ว ครอบครัวอบอุ่นคือป้องกันได้ทุกอย่างนะครับ เพราะว่าการเลี้ยงลูกตั้งแต่เล็กจนโตผมก็ใส่ใจเต็มที่แล้วถือว่าอบอุ่น ครอบครัวไม่มีพูดหยาบ ไม่มีทะเลาะกัน เพราะเวลาที่เราทะเลาะกันลูกก็ไม่เคยเห็นมีปัญหาก็เข้าห้องเถียงกันก็จบ” อ้อย : “ส่วนคนที่ดุที่สุดในบ้านคือ คุณพ่อค่ะ ลูกจะเชื่อฟังเขามากกว่าค่ะ”
เป็นคุณพ่อคุณแม่ที่มีความสุขเหลือเกิน เพราะว่าคุณลูกถือว่าประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วมาก ย้อนกลับมาดูแลคุณพ่อคุณแม่อย่างเต็มที่มากๆ เลยเช่นกัน ทั้งน้องเบส และ น้องโบ๊ท รู้สึกยังไงบ้างกับลูกที่เขาสามารถดูแลเราได้? สมรักษ์ : “ภูมิใจมาก แล้วผมยังเชื่อมั่นว่าเพราะเราทำความดีไว้เยอะ แล้วความดีที่เราทำขอให้ส่งไปให้ลูก เรื่องจริงไม่ได้โม้ เป็นอย่างไรลูกผมตอนนี้ทั้งน่ารัก ทั้งเก่ง ทั้งสวย ตอนนี้ก็ลุ้นเกียรตินิยมอันดับหนึ่งยังเหลืออีก 1 เทอมครับ คือไม่ว่าจะเป็นลูกชาย ลูกสาวนะครับ ถือว่าประสบความสำเร็จมากๆ เลยครับ”