บุกจับโอเกะผิด กม. พร้อมดำเนินคดีค้ามนุษย์ เหตุใช้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีบริการลูกค้า
เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 10 ส.ค.65 นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ นางวัชราภรณ์ แตงหมี นายอำเภอลาดยาว ร่วมกันนำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกเข้าตรวจค้นจับกุม สถานประกอบการชื่อ “ร้านที่เดิม” พื้นที่ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ หลังได้รับการร้องเรียนว่าร้านดังกล่าวเปิดเป็นร้านคาราโอเกะ แล้วมีการนำเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี มาแต่งตัวในลักษณะนุ่งน้อยห่มน้อยคอยให้บริการลูกค้า
สำหรับการบุกตรวจค้นครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งฝ่ายปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง ฝ่ายปกครอง อ.ลาดยาว และกรมสอบสวนคดีพิเศษวางแผนเข้าตรวจค้น เพราะสืบทราบมาว่าสถานประกอบการดังกล่าว ไม่มีใบอนุญาตประกอบสถานบริการ ตาม พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 และภายในร้านมีการนำเด็กสาว จำนวน 14 คน อายุต่ำสุดเพียง 15 ปี มาให้บริการลูกค้า พร้อมกับนั่งดูแลลูกค้าในลักษณะเป็นการปรนเปรอ แบบแสวงหาประโยชน์ทางเพศในรูปแบบอื่นของเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าข่ายการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบเด็กสาว 14 คน ที่ให้บริการลูกค้า พบว่ามีเด็กสาวอายุ 15 ปี จำนวน 2 คน อายุ 17 ปี อีก 1 คน เจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อร่วมช่วยเหลือก่อนจะทำการสอบสวนร่วมกันตามกฎหมาย
ด้าน น.ส.สุวรรณษา ซึ่งเป็นผู้ดูแลร้านดังกล่าว ให้การว่า ร้านแห่งนี้เป็นของนายนิธิวัช หรือแจง โรจนสุขเกษตร อายุ 42 ปี โดยก่อนหน้านี้ได้ใช้ชื่อร้านเป็นร้านอาหารเพื่อนแจง แต่ในช่วงปลายเดือนมกราคม 2564 ที่ผ่านมา นายนิธิวัช ต้องถูกดำเนินคดี และถูกศาลพิพากษาจำคุก ฐานทำปืนลั่นใส่พนักงานอายุ 15 ปี เสียชีวิต จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อร้านมาเป็น “ร้านที่เดิม” โดยให้ตนในฐานะภรรยา คอยทำหน้าที่เจ้าของร้านแทนสามี ในช่วงที่สามีต้องถูกจำคุก
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่าเปิดสถานประกอบการ ตั้งสถานบริการ โดยไม่ได้รับอนุญาต, จำหน่ายสุราเกินกว่าเวลาที่กฎหมายบัญญัติ, ส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร และยังเป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่ 22/2558 เรื่องมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถและรถจักรยานยนต์ในทางและการควบคุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ
อย่างไรก็ตาม พบว่ามีบุคคลที่อาจเข้าข่ายเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จำนวน 6 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเอาผิดข้อหาค้ามนุษย์ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ 46/2559 เรื่องแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 22/2558 ข้อ 1 (6) ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในสถานที่ของตนต่อไป
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่