พลตำรวจตรีอรุษ แสงจันทร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูล , พันตำรวจเอก อำนาจ ดี ,พันตำรวจเอก นิพล เหมสลาหมาด , พันตำรวจเอกเสกสันต์ ชูรังสฤษฏ์ , พันตำรวจเอกภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล , พันตำรวจเอก พสิษฐ์ ศาสติปรัชญา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูล
มอบหมายให้ พ.ต.อ.สนธยา ธูปทอง ผกก.สภ.เมืองสตูล สั่งการให้ พ.ต.ท.สินชัย พาบับพา รองผกก.สส.สภ.เมืองสตูล พ.ต.ท.สุวิชญ์ ภู่สถิต รอง ผกก.ป.สภ.เมืองสตูล ร.ต.อ.ฮาซัน แหละหมัน , ร.ต.อ.วิศิษฎ์ พรรณราย ,ร.ต.ต.พิชญ์ พงศาปาน รอง สวป ,ด.ต.สมชาย เทพเสนา , ด.ต.สุรัตน์ กองบก ,ด.ต.องอาจ ชุมทอง , ด.ต.อภินันท์ ดำรงวิริยกุล
เข้าตรวจยึดและจับกุมรถจักรยานยนต์ จำนวน 10 คัน พร้อมผู้ต้องหาเยาวชน 15 คน ซึ่งเป็นคนขี่และคนซ้อนท้าย หลังติดตามจากกล้องวงจรปิด และคลิปร้องเรียนของชาวบ้านในช่วงเดือนเทศกาลฮารีรายา กลางดึกวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา พบว่าเยาวชนดังกล่าวได้รวมกลุ่มกันขี่รถยนต์แว้น ส่งเสียงดัง ริมถนนบริเวณสะพานลอยตรงข้ามกองร้อย ตชด.436 ต.คลองขุด อ.เมือง จ.สตูล
ทั้งที่มีประกาศเตือนในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด 19 เด็กเยาวชนเหล่านี้ก็ไม่ได้สนใจ ยังออกมารวมตัวกันฝ่าฝืน บนถนนเส้นทางสัญจรไม่เกรงกลัวกฎหมาย ถึงตรวจยึดรถยนต์ทั้งหมดไว้ พร้อมแจ้งผู้ปกครองให้มารับทราบเพื่อลงทัณฑ์บนไว้กับผู้ปกครอง หาพบมีการกระทำผิดซ้ำจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด
ส่วนรถจักรยานยนต์จะมีการตรวจสอบ อย่างละเอียดถึงที่มาของรถว่าผิดกฎหมายหรือไม่ มีการดัดแปลง ตกแต่ง ให้เสียงดัง ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายด้วยเช่นกัน
โดยข้อหาที่ตั้งไว้คือ 1 ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่ 22 / 2558 เรื่องมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ข้อหนึ่งห้ามมิให้ผู้ใดรวมกลุ่มหรือมั่วสุมในลักษณะหรือโดยพฤติการณ์ที่น่าจะเป็นการนำไปสู่การแข่งรถในทางอันเป็นความผิดพระราชบัญญัติจราจรทางบก
2 ความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 134 ประกอบมาตรา 160 ทวิห้ามมิให้ผู้ใดแข่งรถในทางเว้นแต่จะรับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานจราจรห้ามมิให้ผู้ใดจะสนับสนุน หรือส่งเสริมให้มีการแข่งรถในทางเว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานจราจร
3 คำสั่งจังหวัดสตูลที่ 1357 / 2564 เรื่องมาตรการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ข้อสองเรื่องให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดสตูลสวมหน้ากากอนามัยและข้อ 5.5 ห้ามมิให้ชุมนุมหรือมั่วสุมกันนที่ใดใดอันเสี่ยงต่อการระบาดของโรค ซึ่งออกโดยอาศัยความตามอำนาจตามมาตรา 22 มาตรา 34 มาตรา 35 และมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พุทธศักราช 2558 และข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดฉุกเฉินพุทธศักราช 2558 ฉบับที่หนึ่ง