ความฮอตฮิตของ Raptor ใหม่ หลังจากออกขายได้ไม่นานยังคงพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดเกิดจากความสามารถในการทำรถให้โดนใจของ Ford Performance ไล่เรียงจากรูปลักษณ์ที่ใหญ่โต ประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อนที่เน้นความบันเทิงหลังพวงมาลัย โดยไม่สนใจอัตราสิ้นเปลือง จุดที่โดนใจคนอยากได้ นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว งานตกแต่งภายในที่แตกต่างไปจาก Ranger รุ่นมาตรฐาน ทำให้ภายในของ New Raptor ดูโดดเด่นขึ้นมาทันที อย่างที่บอกว่า มันไม่ใช่รถกระบะของทุกคน และเหมาะกับนักขับบางคนเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นขนาดอันมหึมาของตัวรถ อัตราสิ้นเปลืองที่ดุดันพอๆ กับการขับของมัน รวมถึงบางสิ่งบางอย่างที่ยังไม่ค่อยจะโดนใจเจ้าของใหม่เท่าที่ควร เสียงสะท้อนในคลับของผู้ใช้งาน Raptor เป็นประจำ ดูจะตรงไปตรงมามากกว่าการรายงานผลการขับทดสอบหรือรีวิวของสื่อสายรถยนต์ อย่างที่ผมเคยบอก คำบอกเล่าของลูกค้าผู้ใช้งานจริง คือสิ่งที่ Ford ต้องรับฟัง
เครื่องยนต์ใหม่ เบนซิน V6 EcoBoost 3.0 ลิตร แบบเดียวกับที่ Ford ใช้ใน Bronco ซึ่งเคยแข่งในรายการ Baja และ King of the Hammers ในสหรัฐอเมริกา จึงเป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับการพิสูจน์ถึงความทนทานจากการแข่งขัน เพื่อทำให้งานปรับแต่ง New Raptor ของ Ford Performance ไม่ซับซ้อนมากเกินไป
การเพิ่มสมรรถนะ เพื่อยกระดับการขับของรถ Raptor รุ่นใหม่ ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น จำเป็นต้องยกเครื่องและแชสซีใหม่ทั้งหมด ระบบกันสะเทือนที่ได้รับการอัปเกรด เพื่อรองรับกำลังที่เพิ่มขึ้น องค์ประกอบสำคัญของช่วงล่างก็คือโช้คอัพ Fox ซึ่งเป็นโช้คแบบ Live Valve Internal Bypass ขนาด 2.5 นิ้ว ซึ่ง Ford Performance แจ้งว่า ช่วยปรับปรุงการทรงตัวบนทางออฟโรดหรือไฮเวย์ข้ามจังหวัดได้ดีกว่าเดิมมาก
โช้คอัพแบบใหม่ เต็มไปด้วยน้ำมันผสมเทฟลอน ซึ่งช่วยลดแรงเสียดทานได้มากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับ Ranger Raptor รุ่นแรก ส่วนระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ใช้ two-speed transfer case สองจังหวะ ที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่นเดียวกับเฟืองท้าย locking differentials สำหรับ ด้านหน้าและด้านหลัง Ranger Raptor ยังได้รับแรงบันดาลใจจากการแข่งรถในทะเลทราย มันจึงทำตัวเป็นยานพาหนะประเภทกระบะที่มีศักยภาพสูง ไม่จำเป็นต้องดัดแปลงใดๆ ทั้งสิ้น Ford ยังพัฒนาโหมดการขับเคลื่อนเจ็ดโหมด ซึ่งปรับการตอบสนองของเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน วาล์วไอเสีย และการตอบสนองของพวงมาลัยและคันเร่งไฟฟ้า โหมดทั้งเจ็ดคือ Normal, Sport, Slippery, Rock Crawl, San, Mud/Ruts และ Baja
คำวิจารณ์ที่มีต่อ Ranger Raptor รุ่นแรก นั่นก็คือ เครื่องยนต์มีกำลังไม่มากพอ เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 4 สูบ 2.0 ลิตร ให้แรงบิด 500 นิวตันเมตร แต่มีกำลังเพียง 213 แรงม้า (157kW) เท่านั้น Ford รับฟังคำวิจารณ์ของลูกค้าที่มีเข้ามาโดยตลอด และตอบสนองตามความต้องการดังกล่าว ด้วยการนำเครื่องยนต์ V6 EcoBoost เทอร์โบคู่ ความจุ 3.0 ลิตรใหม่ ที่ให้กำลังถึง 391 แรงม้า (292kW) แรงบิด 583 นิวตันเมตร ฉุดลากน้ำหนักเฉียดๆ 2.5 ตัน ให้พุ่งทะยานราวกับลูกธนู นั่นเป็นพลังที่มากกว่า Ranger Raptor รุ่นแรกเกือบสองเท่า และคุณจะรู้สึกได้ทันทีที่กดคันเร่งลงจนสุด
ด้วยกำลังและแรงบิดที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ทำให้ Raptor New Gen พุ่งออกจากโค้งได้อย่างว่องไวข้อได้เปรียบที่สำคัญอีกประการ ของการเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์เบนซิน V6 ทวินเทอร์โบก็คือ ซาวด์แทร็กที่ดีกว่าเดิม เครื่อง V6 ใหม่ ทำงานผ่านระบบไอเสียที่ปรับได้ มีสี่โหมดให้เลือก ได้แก่ Quiet, Normal, Sport และ Baja ซึ่งให้ระดับเสียงที่แตกต่างกัน มันเป็นเสียงของเครื่องยนต์ V6 ที่ดุดัน เมื่อเทียบกับเสียงที่คุกคามและดังกึกก้องของ Mustang GT 5.0L V8 เสียงของเครื่องยนต์ V6 ถูกปรับจูนผ่านท่อระบายท้ายจนมีความพอดี และช่วยเพิ่มความรู้สึกเร้าใจร่วมกับไดนามิกโดยรวมของ Raptor
เครื่องยนต์เชื่อมต่อกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ระบบส่งกำลังที่ถือกำเนิดในมลรัฐมิชิแกน เกียร์ 10 สปีด สามารถปรับเปลี่ยนได้ด้วยตนเอง ผ่านแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่ติดตั้งบนพวงมาลัย เมื่อใช้เครื่องยนต์เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยการดึงสมรรถนะที่ดีที่สุดออกมา ระบบเกียร์ 10 สปีด ให้ความสามารถในการสับเปลี่ยนเกียร์ เพื่อให้เครื่องยนต์อยู่ในจุดที่เหมาะสมและมีความสมดุลสูง ใช้ประโยชน์จากแรงบิดที่เพิ่มขึ้นเพื่อบุกตะลุยฝ่าเส้นทางทุรกันดารและไม่มีความประนีประนอมในด้านอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
ผมลองโพสต์สอบถามขอความคิดเห็นเจ้าของที่แท้จริงซึ่งอยู่ในคลับ Ford Ranger Raptor V6 3.0 Ecoboost เพจนี้ มีสมาชิกมากกว่า 1.1 หมื่นคน และนี่คือการรวบรวมความเห็นหลังจากการใช้งานรถกระบะที่กำลังมีคนอยากได้มากที่สุดในประเทศไทย
คุณ Wanchai
“เพิ่งจะขับไปประมาณ 500 กิโลฯ ขับจากกรุงเทพฯ ไปชะอำแล้วกลับมากรุงเทพฯ รถติดไม่มากตรงพระราม 2 และกาญจนาฯ บรรทุกสัมภาระ 100 กิโลฯ ตั้งอุณหภูมิแอร์ 23 องศาเซลเซียส ขับไม่เกิน 120 ไม่คิกดาวน์ บ่อยๆ ได้อัตรากินน้ำมัน 9.6 กิโลลิตร เสียงลมที่ความเร็ว 120 ไม่ดังกว่ารถอื่นๆ ถ้าไม่ติดกันสาด ช่วงล่างดีดน้อยกว่าเอเวอร์เรส 3.2 แต่พวงมาลัยสู้เอเวอร์เรสไม่ได้ บางครั้งคิดว่าเป็นเพราะผมเปลี่ยนยางเป็นขอบ 20 ออฟเซต +1 ล้อจะล้นนิดนึงหรือเปล่า จอแสดงข้อมูลตัว 12 นิ้วหาสิ่งที่ต้องการยากไป ไม่ค่อย user friendly เท่าไร ยิ่งเปิด Apple CarPlay แล้วไปกดอย่างอื่น จะกลับมาหน้าเดิมยากไปหน่อย ช่องเก็บสิ่งของในรถมีมากกว่ารุ่นเดิมมาก คล้ายรถญี่ปุ่นมากขึ้น ซึ่งเป็นข้อดี ความสวยแล้วแต่คนสำหรับผมสวยกว่ารุ่นเดิมมาก ทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งดูลงตัวกว่ารถเกรดพรีเมียมบางคันซะด้วยครับ เสียงท่อนั้นสุดยอด เวลากดมิดดังได้ใจ พอถอนคันเร่งแล้ววิ่งด้วยความเร็วปกติก็กลับมาเงียบเหมือนเดิม ฟังเพลงเพราะๆ ได้สบายๆ หู
สรุปว่าข้อดีมากกว่าข้อเสียมากครับ ราคาถูกกว่าคุณภาพซึ่งหาได้ยากในเมืองไทยที่ภาษีรถยนต์แพงและสับสนวุ่นวายกับการแยกประเภทรถครับ”
คุณ Kantaphat Karuna
“ลองไปขับทางดอย เชียงใหม่-เชียงราย ใช้ Mode sports ประทับใจมากที่สุดครับ เติมลมยางสัก 34”
คุณ Goodwill
ข้อดี
– ขับเอามันสนุกมาก
– ออปชันเยอะ อำนวยความสะดวกดี
– เสียงเครื่องเงียบดี
ข้อเสีย
– ส่วนตัวมีรุ่นเดิมอยู่ การขับด้วยความเร็วเกิน 120 ผมว่าโหวงเหวง สู้รุ่นเดิมไม่ได้
– โช้ค นิ่มไปไหม ปรับระดับไหนก็แลว่ายุบตัวจนรู้สึกว่าขับเหนื่อย
คุณ Kristada
– เสียงลมเริ่มดังตั้งแต่ 100 ขึ้นไป
– ตอนรถติด ค่อยๆ ขยับ จะรำคาญเสียงแป้นเบรกมากดัง กึกกักๆ
– เข้าโค้งแรงๆ ไม่ค่อยมั่นใจ อันนี้ความรู้สึกส่วนตัวเมื่อเทียบกับ Everest อีกคันนึงที่ใช้อยู่
คุณ เอส นพพลยางยนต์
“ยังประทับใจทุกอย่าง รถเดิมๆ จากโรงงาน แค่เปลี่ยนแม็กยางเดิม เล่นรถมาหลงรักฟอร์ดคันแรก”
คุณ Mushroom Charoensiri
“ปล่อยเบรกมีเสียงดังกึกๆ ที่แป้นเหยียบเบรก”
คุณ Kittipong Thi
“เบรกไม่ค่อยอยู่ผมว่า”
คุณ Suttisak Limpattanapitak
“ชอบ ขับสนุก แรงดี ช่วงล่างดี ความปลอดภัยดี ไม่ชอบเสียงแตร ค้ำฝากระโปรง และกินจุ”
คุณ เจตฎ์ พุ่มสุวรรณ
“ไม่ค่อยพอใจ ระบบเบรก”
คุณ Paul Speechley
This is complex truck, the sakes team do not even seem to know how many of the systems work or their location and cannot explain the operation or options on many of the trucks systems , yes I know I am English but my wife is Thai and Ford should make an effort to ensure their sales agents are sufficiently trained to know what they are selling and capable of customer instruction, our instruction was very poor indeed !!!!! It is a part of customer service Ford seem to have forgotten ???
แปล…..
นี่เป็นรถกระบะที่ซับซ้อน ทีมงานเซลส์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าระบบทำงานกี่ระบบ หรือตำแหน่งของมันอยู่ตรงไหน และไม่สามารถอธิบายการทำงาน หรือตัวเลือกของระบบหลายๆ ระบบได้ ใช่ ผมรู้ว่าผมเป็นคนอังกฤษ แต่ภรรยาของผมเป็นคนไทย และ Ford ควรใช้ความพยายามเพื่อให้แน่ใจว่า ตัวแทนขายของพวกเขา ได้รับการฝึกอบรมมามากพอ ที่จะรู้ว่าพวกเขากำลังขายอะไร และสามารถสอนลูกค้า คำแนะนำของเซลส์แย่มาก!!!!! มันเป็นส่วนหนึ่งของการบริการลูกค้า Ford ดูเหมือนจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว???
คุณ Nuy Tenere Ubon
“คันอื่นจอดเป็นผักเลยครับ ชอบมาก”
คุณ Ong Satit
“ผมขับกรุงเทพฯ-เบตง 1200 กว่าโล น้ำมันเฉลี่ย 7.8โล/ลิตร ภาพรวมรูปทรง พละกำลังช่วงล่าง ระบบต่างๆ ขอบอกว่ารักเลยครับ
ถ้าไม่นับ…ตอนฝนตกหนักหลังคาดังมาก…แม่บ้านไม่ปลื้มครับ เรียกไปบุกันเสียงหลังคาจากโรงงานเพิ่มแล้วมีค่าใช้จ่ายอีกนิดหน่อย ก็ ok นะครับ ตอนเปิดฝากระโปรงหน้าร้อนๆ โช้คค้ำฝากระโปรงหน้าควรติดมาจากโรงงานเลยครับ รถมันแรง ขับมันมาก ต้องเรียนรู้จังหวะการเบรกสักพักครับ เพิ่มอีกนิดครับดิฟล็อกและระบบลงทางลาดชันน่าจะมาเป็นปุ่มกดครับ รุ่นถัดไปจะใส่ sunroof/panoramicroof ก็จัดมาให้จบๆ เลยนะครับ”
คุณ Wanchat Lueangbamrungrak
“สนุกมาก ปลอดภัย เเต่ต้องทำใจนิด นำ้มัน รถต้องใช้นำ้มันมาก”
คุณ ชาญชัย กุลวงศ์
“มีระบบที่ต้องเรียนรู้หลายอย่าง ควรมีคู่มือการใช้แบบเป็นเล่มเพื่อสะดวกต่อการเรียนรู้”
คุณ Phoobet Chaisri
“ผมใช้งานจริงที่แม่ฮ่องสอนคือตอบโจทย์สภาพพื้นที่ที่นี้มากครับ ทั้งช่วงล่างและพละกำลัง แต่ไม่น่าตัดที่เหยียบขึ้นกระบะออกเลย”
คุณ Jirawat Chancharoentae
“การเก็บเสียงถ้าดีกว่านี้ก็เยี่ยมเลย โดยเฉพาะบนหลังคา เสียงเม็ดฝนดังเข้ารถมาก รถยนต์ไม่มีคู่มือที่เป็นหนังสือในการดูแลบำรุงรักษามาให้ น่าจะให้กันชนหลังที่มีตัวใส่หัวลากจูงมาเลยแบบ spec ออสเตรเลีย”
คุณ Sumate Seererakul
“ขับเเล้วชอบ ช่วงล่าง ระบบ ตัวช่วยขับรถต่างๆ โดยรวมขับดีมาก เเต่ยังไม่ชินกับเบรก เหมือนจะเบรกไม่ค่อยอยู่ครับ”
แก่นแท้ของรถ Ranger เวอร์ชันมาตรฐานก็คือ การทำตัวเป็นรถกระบะเพื่อการพาณิชย์ และได้รับการออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป โดยเฉพาะพื้นที่ทุรกันดารในประเทศไทย แต่มันก็ไม่ใช่รถกระบะสมรรถนะระดับพรีเมียม รถอย่าง Ranger Raptor จึงได้รับการยกระดับให้เป็นรถกระบะที่มีความพิเศษสูงขึ้นไปอีกขั้น มันสามารถไปในที่ที่เจ้าของ BMW X-Class และ Mercedes-Benz GL-Class รวมถึง Porsche Cayenne ไม่กล้าที่จะลุยฝ่า Raptor เหมาะกับการใช้งานทุกรูปแบบโดยไม่ต้องไปคำนึงถึงอัตราสิ้นเปลืองมากจนเกินไปและอาจทำให้หมดสนุก
หลังจากการใช้งาน ลูกค้าบางคนยังไม่พอใจกับระบบเบรกเดิมๆ เนื่องจากน้ำหนักตัวกว่า 2.4 ตัน การเผื่อระยะเบรก รวมถึงอัปเกรดระบบเบรกใหม่ทั้งหมด จะช่วยทำให้ขับได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ส่วนอัตราสิ้นเปลือง ถ้าเป็นคนชอบรถประหยัด ก็ให้ไปมองกระบะรุ่นอื่นได้เลยครับ เพราะถ้าขับใช้งานกันจริงจัง ชอบขับรถเร็วต่อเนื่อง เงินค่าเชื้อเพลิงเดือนๆ นึงน่าจะถึง 25,000 บาท หรือมากกว่านั้น ถ้าเดินทางไกลบ่อย เมื่อโรงรถของคุณอุดมไปด้วยรถสปอร์ตราคาแพง มีแต่ตัวแรงไม่มีตัวลุย การมี Raptor อีกคันเอาไว้ขับเล่นนั้นเป็นสิ่งจำเป็นเลยทีเดียว เนื่องจากบางวันอาจเกิดอารมณ์อยากพาครอบครัวเที่ยวบนเส้นทางที่รถสปอร์ตเข้าไม่ถึง หรือมีฝนตกหนักจนผิวถนนมีน้ำท่วมขัง การมีรถลุยสมรรถนะสูงเอาไว้ใช้งานในบางโอกาสนอกเหนือไปจากรถสปอร์ตราคาแพง เป็นสิ่งที่เหมาะสมเลยละครับ.