Ford Ranger Wildtrak กระบะในลุค Bad Boy กับนิสัย Nice Guy

คุณเอ้ย ไม่มีใครอยากดูถูกใครทางอ้อมหรอกครับ แต่ความจริงก็คือ บริษัทรถยนต์ไม่เก็บวิศวกรโง่ๆ ไว้นาน เงินทุกเม็ดมีค่า เขาก็เก็บแต่คนที่ฉลาดเอาไว้ทั้งนั้น แต่ถ้าใครเคยทำงานบริษัทหรือองค์กรขนาดกลางถึงใหญ่มาบ้าง คุณจะรู้ว่ามันไม่มีบริษัทไหนหรอกที่จะยกให้วิศวกรเป็นใหญ่ ชี้นิ้วสั่งได้ทุกอย่าง รถยนต์คันหนึ่ง เกิดจากการคุยกันระหว่างฝ่ายวิศวกรรม ฝ่ายการตลาด ฝ่ายขาย และฝ่ายบัญชี วิศวกรบริษัทรถเท่าที่ผมเจอมา เขาจะภูมิใจในการได้ลองสร้างสิ่งที่ไม่เคยทำ การได้พบได้ยินลูกค้าลองใช้อุปกรณ์ในรถหรือลองขับแล้วบอกว่า “เจ๋งโว้ย!” นั่นคือสิ่งที่ทำให้วิศวกรอิ่มใจเป็นที่สุด

แต่การนำของเจ๋งๆ ใส่รถแบบไม่อั้นนั้น สิ่งที่ตามมาคือต้นทุน ซึ่งจะส่งผลให้ราคาของรถแพงขึ้น ดังนั้นไม่ว่าลูกค้าแต่ละประเทศจะชอบรถต่างกันอย่างไร แต่ทุกประเทศเหมือนกันหมดครับคือ ลูกค้าต้องการของที่ตอบโจทย์ตัวเองได้ครบที่สุดในราคาที่ถูกที่สุด การทำรถออกมาคันนึงนั้น 100 ไอเดียของวิศวกร จะโดนโดยฝ่ายบัญชีตัดสิ่งที่ทำได้แต่แพงมากออก และไอเดียที่ดี แต่สื่อสารลำบากหรือลูกค้าไม่เห็นถึงประโยชน์ ก็จะถูกค้านโดยฝ่ายการตลาดหรือฝ่ายวิจัย ผมไม่ได้บอกว่าใครเป็นผู้ร้ายนะครับ ทุกคนมีหน้าที่ในการทำให้บริษัทเดินหน้าไปโดยพนักงานได้โบนัสยิ้มแก้มปริ ปลายปีไม่มีใครโดนเลย์ออฟ

และในรถอย่าง Ranger ใหม่นี้ คุณจะเห็นร่องรอยการจับมือกัน ทะเลาะกัน เลิกกัน ดีกัน ของวิศวกรกับฝ่ายอื่นๆ ขององค์กร อยู่ในแทบจะทุกอณูของรถ มีความพยายามจะยัด และความพยายามจะคุมไม่ให้ราคาเกินเลยอยู่ปะปนกัน

เรื่องรูปลักษณ์ภายนอก ต้องเครดิตให้กับ คุณ แม็กซ์ ทราน ชาวเอเชียที่อาศัยอยู่ในประเทศออสเตรเลีย เป็นผู้คุมการออกแบบภายนอกและภายในของ Ranger ใหม่ ซึ่งผลงานที่ผ่านมาเขาเคยร่วมงานออกแบบ Ranger/Everest โฉม 2015 Mustang ปี 2015 และ Bronco ซึ่งทำให้รสชาติแบบอเมริกันอยู่ใน DNA การออกแบบรถอย่างเต็มขั้น หน้าตาแบบตั้งๆ ของรถ บวกกับไฟหน้า C-Shape นั่นชวนให้นึกถึง SUV ขนาดใหญ่จาก Ford ในยุค 70s-80s มาก มันคือหน้าที่มีเสียงพูดห้าวๆ เวลาเห็นในกระจกมองหลังว่า “กูมาแล้ว หลบกูสิ” ขนาดตัวรถที่ดูใหญ่คับถนน ด้านท้ายที่มีลูกเล่นกับไฟท้ายทรงใหม่ แต่ภาพรวมก็ยังดูบึกบึนและทันสมัย ถ้าเพียงแค่ Ford ปรับรูปทรงของประตูหน้าและหลังให้ต่างจากเดิม ผมว่าคงไม่มีใครรู้หรอกว่า พื้นฐานโครงรถคือ T6 เหมือนรุ่นเดิม

กระบะหน้าตาโหด แต่มีหลายจุดที่กลับดูใจดีเหมือนเพื่อนหญิงตัวเล็กสมัยมหาวิทยาลัยที่พยายามคาดเดาตลอดเวลาว่าใครต้องการความช่วยเหลือตรงไหน นี่คือครั้งแรกในวงการของกระบะจำหน่ายในไทยที่คุณให้สิ่งต่างๆ มาในกระบะท้ายเยอะมาก Ranger Wildtrak คันที่ผมขับ มีช่องสล็อตสำหรับเสียบไม้ และมีกระทั่งช่อง Power Outlet และปลั๊กไฟแบบ 3 รูที่กระบะท้าย และถ้านั่นยังไม่พอ ยังมีช่องสำหรับเสียบ Clamping (เหล็กหนีบจับท่อนไม้) 2 จุด เผื่อคุณคิดอยากจะเลื่อยไม้ที่ท้ายรถ และถ้าเป็นรุ่น Sport ที่ไม่มีแผ่นรองพื้นกระบะ ก็ยังได้ฝากระบะแบบพิมพ์ไม้บรรทัดวัดเซนติเมตรเอาไว้ที่ขอบบนอีกด้วย สำหรับช่างไม้ที่ออกไซต์งานแล้วต้องเลื่อยไม้ใช้กันท้ายรถ ..ไอ้ Clamping กับไม้บรรทัดนี่ผมว่าผู้ชายใช้เยอะ แต่รูปลั๊กไฟนี่คิดได้ไง? ผมว่าภรรยาของหลายท่านที่ชอบใช้ชีวิต Outdoor น่าจะชอบ เพราะเปิดฝาท้ายกระบะ หาหมอนรองกันก้นบุ๋มเป็นรอยตาม Maxliner หน่อย แล้วเสียบชาร์จมือถือ เสียบคอมพิวเตอร์ทำงานรอสามีตกปลาอยู่ท้ายรถได้สบายใจเฉิบ

ความคิดของวิศวกรและนักออกแบบยังไม่ได้หยุดแค่นั้น เมื่อมาดูภายใน คุณจะเห็นได้ว่าทีม Ford เข้าใจรูปแบบชีวิตที่เปลี่ยนไปของคนยุคปัจจุบันจริงๆ เช่น..เพราะคนยุคนี้พุงโตขึ้น เขาเลยทำให้พวงมาลัยสามารถเลื่อนเข้า/ออกได้ (รุ่นเดิมได้แค่ขึ้นลง) คนยุคนี้ ติดมือถือมากขึ้น และมือถือก็มีสายชาร์จหลายแบบ ก็เลยทำหมด ทั้ง Wireless Charger ทั้งช่องเสียบ USB และแม้แต่ช่องเสียบ USB ก็ยังมีทั้ง Type A และ C..ไม่รู้ล่ะ ถ้ามือถือของคุณหาจุดชาร์จในรถคันนี้ไม่ได้ ก็คุณนั่นแหละว่ะที่ควรเปลี่ยนมือถือได้แล้ว ช่องใส่ของ มีเยอะชนิดที่ Honda เห็นแล้วยังค้อน มือจับเปิดประตูก็ย้ายจากด้านบนลงไปอยู่ตรงบริเวณที่เท้าแขน พอถามวิศวกรว่าทำไมไม่ใช้แบบเหนี่ยวเปิดแล้วเอาศอกดันประตูเหมือนเดิม เขาบอกว่า เวลาเอาไว้ตรงนี้ เมื่อเอามือบีบคันโยก แล้วประตูเด้งออก คุณก็คือเอาอุ้งมือดันเปิดประตูได้เลย มันไม่ต้องขยับตัวเยอะเกินจำเป็น

ส่วนแผงแดชบอร์ด ก็มีจอกลางขนาดมหึมาซึ่งนอกจากจะเอาไว้ใช้เล่นฟังก์ชั่นระบบบันเทิงได้หลากหลายแล้ว ในด้านความปลอดภัย มันทำให้รถรุ่น Wildtrak สามารถโชว์ภาพกล้องหลังกับภาพกล้องรอบคัน แยกเป็นสองจอบน/ล่าง โดยที่แต่ละจอก็มีขนาดใหญ่โตน้องๆ วิทยุ 2 DIN ซึ่งเมื่อรวมกับภาพวิดีโอที่ชัดเจน มีส่วนช่วยให้การถอยจอด การขับในที่แคบทำได้ง่ายขึ้น หน้าปัดเปลี่ยนเป็นแบบจอ MID ขนาดโต ซึ่งสามารถปรับให้แสดงผลได้หลากหลายขึ้น

ฟังดูเหมือนลูกค้ากำไรชัดๆ แต่อันที่จริง ฟังก์ชั่นบนจอ MID ยังมีข้อจำกัดอยู่ตรงที่มันไม่สามารถปรับให้โฉมเป็นเข็มแบบที่คนส่วนใหญ่ถนัดทำได้ และวัดรอบก็ขึ้นเป็นแบบแผนภูมิแท่ง มีเอฟเฟกต์เฟดสีซึ่งดูแล้วเอาไว้โชว์เก๋มากกว่าจะเป็นวัดรอบที่ใช้เพื่อสังเกตก่อนสับเกียร์ที่เรดไลน์ได้ และพูดถึงเกียร์ใน Manual Mode นั้น Ford ก็ยังทำเหมือนเดิม คือ ไม่มี Paddle Shift แต่เอาปุ่ม +/- ไว้ที่หัวเกียร์ ซึ่งการกด +/- ในเกียร์ D คือการสั่งว่ารถจะใช้เกียร์สูงสุดที่เกียร์ไหน ถ้าไปกด +/- ใน Mode M ก็จะเป็นการชิฟต์เกียร์ต่ำ/สูง ซึ่งเวลาขับจากทางราบมาเจอเขา ผมพบว่าใช้ฟังก์ชั่นจำกัดเกียร์สูงสุดง่ายกว่าการเล่นเกียร์เอง เพราะคุณต้องละมือจากพวงมาลัยมากดปุ่มที่หัวเกียร์ ไม่สะดวกเท่าไร เมื่อถาม Ford ก็ได้คำตอบว่า เขาทำวิจัยมาแล้วว่า ลูกค้าของรถรุ่นที่ไม่ใช่ Raptor มักจะใส่เกียร์ D แล้วปล่อยไว้อย่างนั้น ไม่เล่นเกียร์กันเท่าไร อันนี้ก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ แล้วบอกว่า “ครับ”

สิ่งที่โดนตัดออกเพื่อนำไปโปะเป็นอุปกรณ์อื่นๆ ยังรวมถึงกระจกแต่งหน้าบนที่บังแดดฝั่งคนขับ และที่ผมไม่ชอบคือการตัดเข็มขัดนิรภัยแบบปรับระดับความสูงได้ออก โดยเหตุผลก็คือ เขาวัดความสูงเฉลี่ยของลูกค้าที่ซื้อ Ranger รุ่นที่แล้ว แล้วสร้างเข็มขัดให้รองรับไซส์ลูกค้าได้มากที่สุดไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ หรือถ้าไม่พอดี ก็ยังสามารถปรับความสูงของเบาะช่วยเอาได้ คำถามคือ แล้วถ้าเป็นรุ่นที่เบาะฝั่งคนนั่งปรับสูง/ต่ำไม่ได้ล่ะครับ? เข็มขัดกระตุกเข้าริมคอทีนึง ไม่ใช่เจ็บเฉยๆ นะครับ ไม่เชื่อคุณลองให้แฟนขับรถ 60 แล้วคุณเอาสีข้างคอไปรอใกล้ๆ สายเข็มขัดแล้วให้แฟนกระทืบเบรกดู ผมมองว่าความปลอดภัยตรงนี้สำคัญกว่า Clamping จับท่อนไม้ สำคัญกว่าช่องเสียบต่อไฟ แต่ถ้าคุณบังเอิญนั่งรถแล้วเข็มขัดพาดผ่านไหล่ได้อย่างพอดี ผมก็คงไม่ขัดข้องอะไรหรอกครับ แค่แนะนำให้คุณลองนั่งคาดเข็มขัดจัดตำแหน่งให้ดีก่อนซื้อก็แล้วกัน

ในด้านการขับ ถ้าไม่นับเรื่องเกียร์ Manual Mode ที่ใช้ยากแล้ว มันเป็นกระบะประกอบไทยที่มีช่วงล่างนั่งเนียนก้นที่สุดเท่าที่ผมเคยพบมาตั้งแต่เกิด ความสะเทือนดุ๋งๆๆ สไตล์ช่วงล่างหลังแบบแหนบ ถูกลดทอนจนนึกว่ามีใครแอบเปลี่ยนเป็นช่วงล่างคอยล์สปริง Ford เลือกใช้โช้คอัพแบบ Monotube ในรุ่น Wildtrak นี้ (รุ่น Sport อาจมีด้วยแต่ผมไม่แน่ใจ) แต่มันไม่ใช่โช้คซิ่งครับ เป็น Monotube แบบที่ทำขึ้นเพื่อการยุบยืดตัวคล่อง กรองเอาความสะเทือนของถนนออกไป แต่ถ้าคุณเอามันไปซิ่งล่ะ? ก็ยังพูดได้ว่ารถหักเลี้ยวได้ดีกว่ารุ่นเดิม ช่วงล่างแน่นกว่ารุ่นเดิมนิดหน่อย ดังนั้น Ranger ตัวใหม่นี่จึงดูจะทำมาเอาใจคนขับแบบปกติ ถ้าคุณเอาไปเทียบกับกระบะที่ใช้โช้คทำมาเผื่อซิ่งอย่าง Hilux Revo GR Sport 4×4 หรือ Ranger รุ่นเก่า FX-4 Max รถสองรุ่นนี้ทำคะแนนได้ดีกว่าแน่นอนเวลาขับแบบบู๊เต็มที่

พลกำลัง ก็คือจุดเด่นอีกประการของ Ranger แม้ปอดจะเล็กแค่ 2.0 ลิตรแต่อัดอากาศด้วยเทอร์โบวาง Step สองลูก ซึ่งทำให้รอบต่ำเหยียบไม่ต้องมากก็มีแรงลากจนรู้สึกเหมือนขับรถเครื่อง 3.0 ลิตรดีเซลเทอร์โบยุคก่อนได้ แถมจะเร็วกว่าด้วยซ้ำเพราะวิศวกรปรับเกียร์ต้นๆ ให้จัดขึ้น กดออกตัวพุ่งจ๊าดจนผมคิดว่า ถ้าเล่นเกมแข่งออกตัวระหว่างกระบะ 4×4 เกียร์อัตโนมัติทั้งหมดในตลาด Ranger Wildtrak น่าจะได้ที่หนึ่ง และยังมีพลกำลังสำรอง 210 แรงม้าสำหรับการเร่งแซงรถช้าเลนขวาได้ พูดว่าไวระดับวิ่งหัวของวงการกระบะโย่งขับสี่แล้วกัน หายห่วง

Ford รู้ตัวดีว่า ถ้าให้ไปแข่งกับเจ้าตลาด โดยเอาจุดเด่นแบบรถเจ้าตลาดมาใช้ ก็ไม่มีทางชนะแน่นอน พวกเขาจึงเลือกที่จะทำรถเหมาะกับคนขับรถใช้งานทั่วไปบรรทุกไม่หนัก ซึ่งผลที่ได้ก็คือ ความนุ่มนวลในการขับ ความเงียบของเครื่องยนต์และเสียงลม เนียนจนแม้แต่คนที่เคยเกลียดรถกระบะเพราะดังและกระเด้ง อาจเปลี่ยนใจมาชอบ Ranger ก็ได้

ในท้ายสุด Ranger จะเหมาะกับคนแบบไหน แน่นอนว่า ถ้าใจคุณไปเน้นเรื่องความทนทานและศูนย์บริการ ก็คงไม่มี Ford อยู่อันดับต้นๆ ในนั้นอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณอยากมาสายกระบะอินดี้ Ford ครองตำแหน่งที่สุดในหลายด้าน ทั้งในเรื่องอัตราเร่ง พลัง ความนุ่มนวล ความเงียบ รายการอุปกรณ์มาตรฐานทางด้านความปลอดภัย อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยลดโอกาสการเก็บกวาดซาก Ford ของคุณจากท้องถนน แล้วยังมีจุดเล็กจุดน้อยที่บรรดาวิศวกรกับฝ่ายวิจัยช่วยกันดันจนผ่านฝ่ายบัญชีมาได้ และเป็นของที่ช่วยให้การใช้ชีวิตของเรากับรถง่ายขึ้น ถ้าคุณชอบความครบแบบนี้โดยวางดวงกันเอาเองเรื่องความทนทาน (ไม่ได้แช่ง แค่ยังไม่รู้ เพราะรถยังไม่ถูกส่งให้ลูกค้าเลยด้วยซ้ำ) Ford Ranger เป็นรถที่เหมาะกับคุณมาก ถ้าคุณคาดเข็มขัดแล้วมันผ่านหัวไหล่ได้พอดี ก็จบ ทำเรื่องขออนุมัติคุณภรรยา หรือพาเธอไปนั่ง ขี้คร้านภรรยาคุณอาจจะแย่งขับเลยก็ได้.