นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กถึงปัญหาการขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้า ว่า “ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา กรุงเทพมหานครได้กวดขันการขับขี่มอเตอร์ไซค์บนทางเท้าที่ก่อความเดือดร้อนรำคาญและเป็นอันตรายต่อผู้สัญจรบนทางเท้าอย่างต่อเนื่องครับ ทั้งตั้งจุดตรวจ ซุ่มจับการฝ่าฝืนมากมาย ได้เงินค่าปรับตกเป็นของแผ่นดินถึง 44,000,000 บาทครับ แต่การฝ่าฝืนก็ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ตาม พรบ.รักษาความสะอาด พ.ศ.2535 ได้ให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ในการปรับได้สูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท แต่นโยบายเราเริ่มต้นปรับ 500 บาทในช่วงแรกและเพิ่มเป็น 2,000 บาท ในปัจจุบัน
มีหลายท่านท้วงติงมาว่าปรับแพงเกินไปแต่ผมเชื่อว่าถ้าเรากวดขันจริงจัง ปรับให้แพงและต่อเนื่องมันจะค่อยๆ เปลี่ยนพฤติกรรมของคนใช้รถมอเตอร์ไซค์ไปเรื่อยๆ ครับ เพราะหลังๆ ผมเริ่มเห็นคนเข็นรถแทนการขี่มากขึ้นเมื่อจำเป็นจะต้องขึ้นบนทางเท้าครับ
แต่จะมีกรณีบางกรณีเช่นผู้กระทำผิดทำร้ายเจ้าหน้าที่หรือคนที่แจ้งเบาะแส หรือทำร้ายคนที่เดินสัญจรบนทางเท้านโยบายจะให้ปรับสูงสุด 5,000 บาท ทุกกรณีครับ
กรณีล่าสุดที่เกิดที่สายไหมที่คนขับขี่มอเตอร์ไซค์ทำร้ายคนเดินสัญจรบนทางเท้าที่มีทั้งข่าวและคลิปออกมามากมายก็เช่นกันครับ หลังเกิดเหตุได้ให้หัวหน้าฝ่ายเทศกิจเขตสายไหมเชิญตัวผู้กระทำผิดมาเปรียบเทียบปรับด้วยโทษสูงสุด 5,000 บาท ครับ
ยืนยันว่า จะพยายามกวดขันและจับกุมอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนใช้รถมอเตอร์ไซค์เพื่อให้คนเดินสัญจรทางเท้าได้อย่างปลอดภัยครับ #กรุงเทพฯ จะดีได้ถ้าช่วยกันครับ”