“วงจรปิด” วันที่ 20 กรกฏาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี น.ส.เจนจิรา ปันตา อายุ 25 ปี ลูกสาวของ น.ส.ประภาพรรณ สิงหทัศน์ อายุ 42 ปี มารดาที่เสียชีวิต จากกรณีอุบัติเหตุทางถนน บริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลเมืองแม่เหียะ ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งได้เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชน
กรณีอุบัติเหตุ รถชนจนทำให้มารดาเสียชีวิต และไม่พบคู่กรณี คาดว่าเป็นการชนแล้วหนี และยังทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 3 รายคือ น.ส.ประภัสสร บุญศรี อายุ 29 ปี ที่มาพร้อมกับ น้องพีพีวัย 7 ขวบ และน้องอุ้มวัย 2 ขวบ ซึ่งขณะนี้อาการสาหัส และจากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ พบว่า มีรถยนต์กระบะสีส้ม และรถยนต์กระบะสีดำ รวมถึงรถพ่วง เป็นผู้เฉี่ยวชน ทำให้เกิดอุบัติเหตุ แต่ไม่พบรถยนต์กระบะทั้ง 2 คัน และรถบรรทุกพ่วงอยู่ในที่เกิดเหตุ พร้อมประกาศตามหากล้องหน้ารถ จากผู้ที่เห็นเหตุการณ์ หรือขับรถอยู่ในบริเวณดังกล่าว เพื่อติดตามหาคู่กรณี
ล่าสุด น.ส.เจนจิรา ได้แจ้งว่า คนขับรถบรรทุกพ่วง ได้นำหลักฐานกล้องวงจรปิด ที่อยู่หน้ารถมาแสดงความบริสุทธิ์ใจกับตน และญาติแล้ว ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้เป็นคู่กรณี หรือเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ โดยในกล้องหน้ารถดังกล่าว พบว่า รถบรรทุกพ่วงได้ขับตามรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตมา ก่อนที่รถของผู้เสียชีวิตจะเกิดแฉลบล้มเอง ส่วนรถบรรทุกพ่วงได้ขับหักหลบ และขับผ่านที่เกิดเหตุออกไป เพราะเกรงว่าการจราจรจะติดขัด จึงทำให้ไม่ได้จอดรถลงมาดู และทางญาติได้เข้าใจว่า รถบรรทุกพ่วงเป็นคู่กรณี
อย่างไรก็ตาม ภายหลังที่ได้รับหลักฐานภาพกล้องวงจรปิด จากคนขับรถบรรทุกพ่วง ที่นำมาแสดงความบริสุทธิ์กับทางญาติ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนก็รู้สึกเสียใจที่ก่อนหน้านี้ ได้เข้าใจผิด และกล่าวหาว่าทางคนขับรถบรรทุกพ่วงคันดังกล่าว เป็นรถคู่กรณี ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ แล้วขับรถหลบหนี
ทั้งนี้ ได้ติดต่อไปหาทางคนขับรถบรรทุกพ่วงคันดังกล่าวแล้ว พร้อมทั้งได้กล่าวขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งทางคนขับรถพ่วงคันดังกล่าว ก็ไม่ได้ติดใจเอาความแต่อย่างใด และพร้อมให้ความร่วมมือ ในการช่วยเหลือถึงกรณีที่เกิดขึ้น และเข้าใจดีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจจะมีคนสงสัยว่า รถที่ขับนั้นเป็นคู่กรณี ที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าวขึ้น
น.ส.เจนจิรา กล่าวอีกว่า ภายหลังการเจรจาไกล่เกลี่ยเสร็จสิ้น ทางครอบครัวไม่ได้ติดใจถึงสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้แล้ว พร้อมทั้งขอขอบคุณผู้ที่ให้ความช่วยเหลือ และผู้ที่ให้เบาะแสเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ซึ่งอยากให้เป็นอุทาหรณ์ในการขับขี่รถด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียในลักษณะเช่นนี้อีก ส่วนทางด้านร่างของผู้เสียชีวิตตอนนี้ได้มีการรับศพเพื่อนำกลับไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาแล้ว