สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ยังไม่มีท่าทีจะลดลง ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งหลายพันคนต่อวัน ตัวเลขผู้เสียชีวิตทำสถิตินิวไฮแตะเกือบ 50 คนต่อวัน ถึงแม้ตัวเลขผู้ป่วยรักษาหายหลักพันคนต่อวัน เตียงผู้ป่วยสามารถบริหารจัดการได้ แต่ที่ยังคงเป็นปัญหาคือการบริหารจัดการฉีดวัคซีน แต่ละหน่วยงานทั้งรัฐบาลและองค์กรที่เกี่ยวข้องเหมือนต่างคนต่างทำ ชักเข้าชักออก สร้างความสับสนให้กับประชาชน วัคซีนกลายเป็นเครื่องเล่นทางการเมือง ชีวิตประชาชนกลายเป็นเครื่องมือต่อรองกุมอำนาจ
กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ เป็นพื้นที่สีแดง เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ชุมชน โรงงาน แคมป์คนงาน เป็นคลัสเตอร์ใหญ่ที่กระจายอยู่ทั่วทุกพื้นที่ มาตรการซีลพื้นที่จึงต้องทำอย่างรัดกุมเร่งด่วน โดยเฉพาะแคมป์คนงานที่ส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าวที่อยู่กันเป็นกลุ่มเป็นก้อนง่ายต่อการแพร่เชื้อ โดยเฉพาะไวรัสสายพันธุ์อินเดียที่มีความรุนแรง ที่กำลังแพร่ระบาดในกลุ่มคนงานในขณะนี้ ขณะที่มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของภาครัฐยังคงเข้มข้นต่อเนื่องแต่ละพื้น ที่จะมีมาตรการแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ความรุนแรง
ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 23 ข้อ 4 ระบุว่า แนวทางการปฏิบัติของพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบการปฏิบัติหรือการดำเนินการของบุคคล สถานที่ กิจการ หรือกิจกรรมต่างๆ ให้เป็นไปตามเงื่อนไข เงื่อนเวลาและจัดการระบบระเบียบ รวมทั้งมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด ในกรณีที่พบผู้ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด ให้เจ้าพนักงานว่ากล่าวตักเตือนและสั่งให้ผู้ปฏิบัติปฏิบัติให้ถูกต้อง ถ้าไม่ปฏิบัติตามให้ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ข้อที่ 6 การป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในการกระทำอันเป็นเหตุให้เกิดการระเบิดของโรค บุคคลใดก็ตามที่มีส่วนร่วมหรือกระทำอันเป็นเหตุให้เกิดโรคระบาด เช่น การมีส่วนร่วมกับขบวนการลักลอบเข้าเมืองโดยไม่ได้ผ่านการตรวจสอบคัดกรองกักตัวตามมาตรการสาธารณสุข ที่เป็นต้นตอของการเป็นพาหะกลายพันธุ์ของโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์จากภายนอกราชอาณาจักร และการเปิดบ่อนพนันที่เป็นต้นตอการระบาดของโรคแบบกลุ่มก้อน ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง พนักงานฝ่ายความมั่นคง และพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ประสานการปฏิบัติเพิ่มความเข้มงวดเฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและมั่วสุมเล่นการพนัน
โดยเฉพาะปัญหาลักลอบเข้าเมืองของขบวนการแรงงานเถื่อนที่กำลังเป็นปัญหา ที่เป็นพาหะนำเชื้อไวรัสกลายพันธุ์เข้าประเทศ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ สั่งหน่วยงานความมั่นคงทั้งตำรวจ ทหาร มหาดไทย กระทรวงแรงงาน เร่งสืบสวนขยายผลกวาดล้างจับกุมขบวนการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย ให้เห็นผลในทางปฏิบัติโดยเร็ว และให้บังคับใช้กฎหมายฟอกเงินเอาผิด ห้ามเจ้าหน้าที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องเด็ดขาด “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พร้อมคณะ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธนา ชูวงษ์ ผบช.ภ.7 ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตรวจพื้นที่ตามแนวตะเข็บชายแดนรอยต่อกับประเทศเมียนมา อ.สังขละ อ.ทองผาภูมิ อ.ไทรโยค พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่ากว่า 100 กิโลเมตร เพื่อวางมาตรการคุมเข้มการลักลอบเข้าประเทศตามช่องทางธรรมชาติ
นอกจากการลักลอบเข้าเมืองที่เป็นปัญหาตามแนวชายแดนและประเทศเพื่อนบ้าน ปัญหาในประเทศที่เสี่ยงก่อให้เกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่มีการจับกลุ่มมั่วสุมรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งยังสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับประชาชนในเวลากลางคืน คือ “แก๊งเด็กแว้น” ที่ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม เอาความสนุกของตัวเองเป็นที่ตั้ง โดยอาศัยโซเชียลเป็นเครื่องมือ แต่ละกลุ่มจะมีแอดมินเพจและสมาชิกติดตามจำนวนมาก ท้าทายปิดถนนประลองความเร็ว ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ผู้ใช้รถใช้ถนนได้รับความเดือดร้อน มีทั้งยาเสพติด การพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง
“บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กำชับในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ “ก.ตร.” สั่งตำรวจ นอกจากปัญหาลักลอบข้ามแดนของแรงงานต่างด้าวและบ่อนการพนัน นายกฯ ได้กำชับทุกพื้นที่กวดขันจับกุมเด็กแว้น หลังพบว่าหลายพื้นที่มีขาแว้นจับกลุ่มแข่งรถในช่วงกลางดึก โดยเฉพาะช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้หมอบหมายให้ “บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการแข่งรถในทาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปข.ตร.) เร่งดำเนินการกวาดล้างจับกุม
“บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ได้กำชับไปทุกกองบัญชาการ ดำเนินการกวดขันปราบปรามการแข่งขันรถในทาง ที่เป็นปัญหาสร้างความเดือดร้อนให้กับสังคม โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิดระลอก 3 เป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พร้อมเตือนไปยังกลุ่มเด็กแว้นที่ฝ่าฝืนคำสั่ง จะถูกดำเนินคดีทั้งแอดมินเพจ ผู้แข่งขัน ผู้สนับสนุนและกองเชียร์ หากผู้ต้องหาเป็นเยาวชนจะต้องเชิญผู้ปกครองมำทำทัณฑ์บนทุกราย หากพบเบาะแสให้แจ้งสายด่วน 1599 หรือ 191 หรือส่งคลิปหลักฐานมายังเพจเฟจบุ๊ก “ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร.” ได้ตลอด 24 ชม.
สถิติผลการปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการแข่งขันรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย.62-เม.ย.64 ห้วงระหว่างมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 1.ผลการดำเนินการกับผู้ขับขี่และผู้สนับสนุนแข่งรถในทาง 662 ราย ขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัย 1,873 ราย สนับสนุนให้มีการแข่งรถ 507 ราย สนับสนุนให้ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย 257 ราย ดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก บิดามารดาหรือผู้ปกครอง 107 ราย ว่ากล่าวตักเตือนทำทัณฑ์บน 40,556 ราย ดำเนินคดีร้านดัดแปลงอุปกรณ์ 731 ร้าน ตรวจสอบท่อไอเสียไม่ได้มาตรฐาน 44,279 ร้าน เปลี่ยนแปลงรถ 178,250 ราย ขับรถกีดขวางการจราจร 40,088 ราย ขับรถประมาทน่าหวาดเสียว 13,458 ราย ขับรถโดยไม่ได้รับอนุญาต 581,393 ราย ดำเนินคดีกับแอดมินเพจ 193 ราย ตรวจยึดรถยนต์ 3,298 คัน รถ จยย. 283,763 คัน ทำประวัติผู้กระทำความผิดและผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงที่จะแข่งรถ 166,466 ราย จับกุมผู้ต้องหาส่งฟ้องศาลศาลมีคำสั่งริบรถของกลาง 245 คัน
ในเมื่อปัญหาโควิดเป็นวาระแห่งชาติ ท้องที่ไหนหย่อนยานปล่อยให้มีการแข่งขันของกลุ่มเด็กแว้น เชือดไก่ให้ลิงดู พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบช.ภ.2 ลงนามคำสั่งตำรวจภูธรภาค 2 ที่ 176/2564 ให้ พ.ต.อ.อาเดียว ท้วมละมูล ผกก.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ภ.2 โดยขาดจากตำแหน่งเดิมจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ในระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่สื่อออนไลน์เสนอข่าว “กลุ่มเด็กแว้นใช้ถนน 10 เลน เขตเทศบาลเป็นเซอร์กิตแข่งรถ บนถนนหมายเลข 317 สระแก้ว-จันทบุรี ตั้งแต่หน้าโรงเรียนอนุบาลวังน้ำเย็นมิตรภาพที่ 179 ไปจนถึงหน้าโรงพยาบาลวังน้ำเย็น ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่สัญจรไปมา
ปัญหาแข่งรถ จยย.จึงไม่ใช่ปัญหาที่ตำรวจมองว่าเป็นปัญหาเล็กๆ อีกต่อไป ในเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิดยังไม่มีท่าทีจะลดลง การจับกลุ่ม รวมกลุ่มจึงเป็นการเสี่ยงที่เชื้อไวรัสจะแพร่ระบาดจากความคึกคะนอง นำเชื้อไปแพร่สู่คนในครอบครัว บุคคลรอบข้าง เพื่อนร่วมงาน ที่อาจเป็นคลัสเตอร์ใหม่ยากต่อการควบคุม ต้องเอาจริงเอาจังบังคับใช้กฎหมายทุกมาตราอย่างเด็ดขาดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป.