10 อันดับ สุดยอดรถมอเตอร์ไซค์ 2 จังหวะ ที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้จักมาก่อน! – GreatBiker

This image is not belong to us

สำหรับรถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์แบบสองจังหวะนั้น แม้ว่าในปัจจุบันนั้นจะมีการผลิตรุ่นใหม่ๆ กันออกมาน้อยมากๆ แล้ว แต่ก็ยังมีกลุ่มคนที่เล่น,สะสม และใช้งานรถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์รูปแบบนี้อยู่ไม่น้อย ครั้งนี้เราจึงจะขอรวบรวมรถมอเตอร์ไซค์สองจังหวะที่มีประสิทธิภาพสูง และถูกจัดอันดับโดย VisorDown.com เว็บมอเตอร์ไซค์ชื่อดังระดับโลกนั่นเอง

BNFsC9.jpg





10. Maico 685 Enduro



หากจะพูดถึงสายวิบากสองจังหวะแล้วเพื่อนๆ อาจจะนึกถึง “The Ping King” Honda CR500 รถมอเตอร์ไซค์วิบากสายพันธ์ญี่ปุ่นที่โดดเด่นในยุค 80 ก่อนจะเลิกผลิตไปในปี 2001 หลังจากเปลี่ยนมาใช้งานเครื่องยนต์ 4 จังหวะแทน แต่การมาของ Maico ค่ายรถมอเตอร์ไซค์จากประเทศเยอรมันที่ได้นำเสนอเจ้า Maico 685 Enduro ในปี 2013 ด้วยเครื่องยนต์ที่เป็นเอกลักษณ์ขนาด 684 ซีซี 1 ลูกสูบสองจังหวะระบายความร้อนด้วยน้ำ สร้างแรงม้าสูงสุดได้ถึง 82 แรงม้า พร้อมกับอุปกรณ์ขั้นเทพที่ติดตั้งมาในตัวรถไม่ว่าจะเป็น โช้คหัวกลับ Upside-Down ขนาด 45 มิลลิเมตร จากแบรนด์ WP หรือระบบเบรกดิสก์หน้าหลังพร้อมปั๊มเบรก Brembo ด้วยน้ำหนักตัวที่เบาจนน่าเหลือเชื่อเพียง 101 กิโลกรัมเท่านั้น มันจึงกลายเป็นอีกหนึ่งดาวเด่นในวงการรถมอเตอร์ไซค์วิบากสองจังหวะที่ยังผลิตขายกันอยู่จนถึงปัจจุบัน และที่สำคัญมันสามารถออกวิ่งบนท้องถนนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายซะด้วย

Bzzd61.jpg


9. Aprilia RS250



หากจะพูดคุยกันถึงรถสองจังหวะ 250 ซีซี แล้วมีหลากหลายโมเดลที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักของไบค์เกอร์ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Honda NSR250, Yamaha TZR250 และ Kawasaki KR-1S แต่มีอยู่หนึ่งโมเดลจากฝั่งยุโรปที่มีมาตรฐานที่สูงกว่ารถจากฝั่งเอเชีย ด้วยตัวโครงสร้างที่แข็งแรงกว่า ระบบช่วงล่างที่ดีกว่า และระบบเบรกที่ใช้หลักการพัฒนามาจากสนามการแข่งขัน นั่นก็คือ Aprilia RS250 รถมอเตอร์ไซค์สองจังหวะจากประเทศอิตาลี ที่ผลิตและจัดจำหน่ายตั้งแต่ปี 1995-2002 ด้วยความโดดเด่นของเครื่องยนต์ V-Twin 249 ซีซี ซึ่งมันทำให้ต้องไปเปรียบเทียบกับระดับตำนานในสนามแข่งขันอย่าง Suzuki RGV250 เลยทีเดียว

BzzS1D.jpg


8.Yamaha RD500



Yamaha RD500 ถือว่าเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Honda NSR400R ด้วยเครื่องยนต์ที่เป็นเอกลักษณ์ V4 499 ซีซี ที่สามารถสร้างพละกำลังสูงสุดได้ถึง 88 PS ที่ 9,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 65.4 นิวตันเมตรที่ 8,500 รอบต่อนาที และด้วยโครงสร้างแบบ Mid-Steel Box Section Chassis ที่ดูจะเป็นข้อแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ที่ใช้โครงสร้างแบบ Alloy Chassis ทำให้เจ้า RD500 คันนี้ดูจะเหมาะสมกับการเป็นรถใช้งานบนท้องถนนที่สามารถทนต่อแรงสะเทือนของพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบเหมือนในสนามแข่งได้ดีกว่าใครๆในรุ่น

Bzz0My.jpg


7. Suzuki RG500



Suzuki RG500 รถมอเตอร์ไซค์ Producyion ที่ถ่ายทอด DNA จากสนามการแข่งขันโดยตรงจากรุ่น Suzuki RGB500 รถแข่งใน World Grand Prix หรือ MotoGP ในปัจจุบัน ด้วยเครื่องยนต์ 498 ซีซี 4 ลูกสูบ สองจังหวะ และด้วยจำนวนการจำหน่ายออกไปทั่วโลกเป็นระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 1985-1987 สามารถทำยอดขายไปทั่วโลกได้ 9,284 คัน ซึ่งส่งผลให้ราคาของมันในปัจจุบันที่วางขายในตลาดมือสองยังพุ่งทะยานไปจากราคาเดิมถึง 3 เท่าตัวเลยทีเดียว

BzzWR2.jpg


6. Suzuki GT750



รถมอเตอร์ไซค์ Street Naked ที่วางขายตั้งแต่ปี 1971-1977 ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 739 ซีซี 3 ลูกสูบ 2 จังหวะ ที่หลายๆ คนสมหวังในความแรงทะลุโลกของมัน แต่มันกลับทำแรงม้าสูงสุดได้เพียง 67 BHP ที่ 6,500 รอบต่อนาทีเท่านั้น แต่สิ่งที่จะต้องยอมรับคือความทนทานของเครื่องยนต์ 3 ลูกสูบ ที่ต้องการการดูแลรักษาที่ไม่มากนัก แถมยังมีระบบระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ ที่ช่วยให้การทำงานของเครื่องยนต์นั้นสามารถทำงานได้อย่างไร้ที่ติ

BzYMzW.jpg


5. Kawasaki H2 Mach IV



ในเดือนกันยายนปี 1972 โลกได้รู้จักกับปีศาจตัวใหม่ Kawasaki H2 Mach IV ปีศาจยกล้อในตำนาน ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 748 ซีซี 3 ลูกสูบ 2 จังหวะ ที่เน้นแรงบิดสูงในรอบที่ต่ำด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 77.4 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบ ซึ่งสูงกว่า Honda CB750 ที่วางขายในจังหวะไล่เลี่ยกัน แต่เจ้า CB750 นั้นเป็นเครื่องยนต์แบบ 4 จังหวะที่สามารถสร้างแรงบิดได้เพียง 60 นิวตันเมตรที่ 7,000 รอบต่อนาที ทำให้เจ้า H2 Mach IV นั้นเหนือกว่าทั้งในด้านของแรงบิดและพละกำลังสูงสุด

BzYyEn.jpg


4. Honda NS400R



หากไม่มีรุ่นนี้ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะเจ้า NS400R คันนี้เป็นหนึ่งในดวงใจของเพื่อนๆ หลายๆ คนรวมไปถึงผู้เขียนเองด้วย ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 387 ซีซี แบบ V3 สองจังหวะที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครในท้องตลาด สร้างแรงม้าได้ถึง 75 แรงม้า และมันถูกถอดแบบมาจากรถมอเตอร์ไซค์ในสนามแข่งขันอย่างเจ้า Honda NS500s จาก World Grand Prix ที่เราๆ คุ้นเคย

BzYFXg.jpg


3. Bimota V-due



ปลายยุค 90 ที่เรียกได้ว่าเป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายรถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์สองจังหวะอย่างแท้จริง โดยยังมีหลายค่ายที่ยังคงเลือกที่จะผลิตรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบสองจังหวะ เช่น Bimota ค่ายรถจากประเทศอิตาลี ถึงแม้ในปัจจุบันทางค่ายจะปิดตัวไปอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ผลงานในอดีตก็สร้างความประทับใจอยู่ไม่น้อย อย่างเช่นเจ้า Bimota V-due ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 499 ซีซี V-Twin 90 องศา ที่มีนวัตกรรมในการจ่ายน้ำมันที่แตกต่างจากค่ายอื่นๆ ทำให้เครื่องยนต์ของเจ้า V-due นั้นสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและทิ้งคราบความสกปรกน้อยที่สุด

BzYLLQ.jpg


2. Ronnax 500



หากเพื่อนๆ หลงใหลในรถมอเตอร์ไซค์สองจังหวะในสนามการแข่งขัน World Grand Prix ในอดีต เพื่อนๆ อาจจะสนใจเจ้า Ronnax 500 คันนี้เพราะมันเป็นรถมอเตอร์ไซค์สงจังหวะที่ใกล้เคียงกับรถแข่งในยุคนั้นมากที่สุด ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 499 ซีซี V 480 องศา สองจังหวะ จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด สามารถสร้างแรงม้าสูงสดได้ถึง 160 HP ที่ 11,500 รอบต่อนาที และด้วยความพิเศษที่ผลิตแบบ Limited Edition ตามใบสั่งเท่านั้น จึงมีจำนวนรถที่ออกมาในแต่ล่ะปีไม่ถึง 100 คัน

BzYmkS.jpg


1. Suter MMX500



สุดยอดของรถมอเตอร์ไวค์สองจังหวะแห่งยุค ด้วยมาตรฐานของรถจากสนามแข่งขันที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี Suter แบรนด์มอเตอร์ไซค์จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ กับเจ้า MMX500 ที่ผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 99 คันทั่วโลก ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 500 ซีซี V4 2 จังหวะ สร้างแรงม้าสูงสุดได้ถึง 195 แรงม้าที่ 13,000 รอบต่อนาที และนำหนักตัวที่สุดเบาเพียง 127 กิโลกรัมเท่านั้น มันจึงกลายเป็นหนึ่งในสุดยอดความปรารถนาของสายสองจังหวะเป็นที่สุด

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.visordown.com

เรื่องฮิตล่าสุด!