สสส.เปิดรายงานอุบัติเหตุบนถนน 2 ปีคร่าชีวิตคนไทย 3.4 หมื่นคน สูงกว่าโควิด

สสส.เปิดรายงานอุบัติเหตุบนถนน 2 ปีคร่าชีวิตคนไทย 3.4 หมื่นคน สูงกว่าโควิด

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ประธานแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) ภายใต้การสนับสนุนของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยว่า จากรายงานสถานการณ์ความปลอดภัยทางถนน ฉบับที่ 6 ปี 2563 พบว่า การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนมีแนวโน้มลดลง เกิดจากปัจจัยความร่วมมือของภาคีเครือข่าย ซึ่งต้องยอมรับว่าการระบาดของโควิด-19 และมาตรการต่างๆ ในการควบคุมการระบาด มีส่วนทำให้อุบัติเหตุลดลงอย่างมาก

นพ.วิทยา กล่าวว่า แม้แนวโน้มการเสียชีวิตจะลดลง แต่การสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนของประเทศไทย ยังอยู่ในระดับสูง คือ มีคนตายถึง 17,831 คน คิดเป็น 27.2 ต่อแสนประชากร หรือ 49 คนต่อวัน หรือชั่วโมงละ 2 คน ที่น่าสังเกตคือกลุ่มอายุ 16-30 ปี ที่เป็นกลุ่มที่เสียชีวิตสูงสุด ปัจจุบันมีสัดส่วนลดลงเรื่อยๆ ในขณะที่กลุ่มอายุ 46-60 ปี และกลุ่มที่อายุมากกว่า 60 มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจนสัดส่วนใกล้เคียงกัน

“ข้อสังเกตสำคัญคือ แม้ว่า ร้อยละ 70 ของอุบัติเหตุทางถนน จะเกิดในกลุ่มอายุ 16-60 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยทำงาน แต่แนวโน้มผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างมาก สัมพันธ์กับการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยของประเทศไทย ที่สำคัญผู้สูงอายุเมื่อได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนน มีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่ากลุ่มอายุน้อย 10 เท่า จากข้อมูลทำให้เราจะต้องกลับมาพิจารณา ให้ความสำคัญในการกำหนดมาตรการป้องกันอุบัติเหตุ กับผู้สูงวัยอย่างจริงจังมากขึ้น” นพ.วิทยา กล่าว

นพ.วิทยา กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ยังคงเป็นคนขับขี่รถจักรยานยนต์ร้อยละ 74 ของการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนทั้งหมด และเป็นเช่นนี้มานานนับสิบปีแล้ว โดย IHPP ได้รายงานในปี 2564 ไว้ว่า หากคนขี่คนซ้อนมอเตอร์ไซต์ทุกคนสวมหมวกกันน็อก ร้อยละ 100 การเสียชีวิตในภาพรวมจะลดลง ร้อยละ 36 ซึ่งหมายความว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจะลดลงถึง 5,000 คนต่อปี แต่ถ้าเรายังใช้วิธีการเดิมๆ ที่เราเคยทำมาก่อนหน้านี้ คงไม่สามารถทำให้คนสวมหมวกกันน็อกได้ทั้ง ร้อยละ 100 จึงเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่จะต้องคิดหาวิธีการใหม่ในการแก้ปัญหานี้

นพ.วิทยา กล่าวว่า การบังคับใช้กฎหมายยังเป็นจุดอ่อนสำคัญ ในการแก้ปัญหาอุบัติเหตุทางถนน จากรายงานพบว่าอัตราการจับกุมคดีต่อพฤติกรรมเสี่ยง ในแต่ละจังหวัดมีความแตกต่างกันมาก เช่น “คดีเมาสุราขับรถ” จังหวัดที่มีอัตราการจับกุมสูงสุดคือ จ.ตาก ที่ 5,521 ต่อแสนประชากร ในขณะที่ จ.ปัตตานี และจ.ลพบุรี ไม่มีรายงานการจับกุมเลย ส่วน “คดีไม่สวมหมวกนิรภัย” จังหวัดที่มีการจับกุมสูงสุด คือ จ.ตาก ที่ 47,830 ต่อแสนประชากร ในขณะที่ จ.มหาสารคาม มีอัตราการจับกุม 54 ต่อแสนประชากร

ด้าน รศ.ปรีดา จาตุรพงศ์ หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า จากรายงานฉบับที่ 6 ปี 2563 พบว่า 10 จังหวัดที่มีอัตราการเสียชีวิต ต่อแสนประชากรสูงสุด ได้แก่ ระยอง นครนายก จันทบุรี ชลบุรี ชัยนาท ปราจีนบุรี สระบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ลำพูน และ สุพรรณบุรี ขณะที่ 10 จังหวัดที่ต่ำสุด ได้แก่ อำนาจเจริญ ยะลา กรุงเทพมหานคร สตูล ปัตตานี นราธิวาส แม่ฮ่องสอน สมุทรสงคราม นนทบุรี และ อุดรธานี

รศ.ปรีดา กล่าวว่า เมื่อเทียบกับรายงานฉบับที่ 5 ปี 2561 พบว่ามี 18 จังหวัด ที่อัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 5 อันดับแรก คือ นครนายก สิงห์บุรี ปัตตานี สุโขทัย ยะลา และ 58 จังหวัด ที่อัตราการเสียชีวิตลดลง 5 อันดับแรก คือ พังงา นครปฐม ย โสธร ภูเก็ต และกระบี่

“ตั้งแต่เริ่มการระบาดโควิด-19 เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคม 2563 จนถึงวันนี้ ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากการระบาดนี้ ไปแล้ว 24,420 ราย แต่ระหว่าง ปี 2563-2564 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน รวม 34,788 ราย ยังไม่รวมการเสียชีวิต ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2565 ท่ามกลางมาตรการการควบคุมโควิด-19 ที่สามารถทำให้คนไทยสวมหน้ากากอนามัยกันทั้งประเทศ แต่การจะทำให้คนขับขี่รถมอเตอร์ไซต์สวมหมวกกันน็อกยังไม่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งที่ว่ากันตามจริงแล้วอุบัติเหตุทางถนน ก่อให้เกิดความสูญเสียสูงกว่าโควิด-19” รศ.ปรีดา กล่าว

QR Code LINE @Matichon

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก

Line @Matichon ได้ที่นี่

LINE @Matichon