“น้องเมย์” ยันชุดแข่งไม่ใช่ปัญหา พร้อมใส่เต็มที่รอบ 8 คนดวล “ไท่ ซื่อ หยิง”
หลังจากที่ “น้องเมย์” รัชนก อินทนนท์ นักแบดมินตันขวัญใจชาวไทย มืออันดับ 6 ของโลก ตบชนะ เกรเลอเลีย มาริสก้า ทันจุง มืออันดับ 14 จากอินโดนีเซีย 2-0 เกม 21-12, 21-19 ในการแข่งขันแบดมินตัน ประเภทหญิงเดี่ยว รอบ 16 คนสุดท้าย กีฬาโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ที่สนามมุซาชิโนะ ฟอเรสต์ สปอร์ต พลาซ่า กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ทำให้ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ หรือรอบ 8 คนสุดท้ายเข้าไปพบกับคู่ปรับสำคัญอย่าง ไท่ ซื่อ หยิง มืออันดับ 1 ของโลกจากไต้หวัน ในวันที่ 30 กรกฎาคมนั้น
หลังการแข่งขัน “น้องเมย์” เปิดเผยว่า ซึ่งลงแข่งด้วยเสื้อแขนกุด เปิดเผยว่า โดยรวมคิดว่าทำได้ดี มีแค่เกมสองที่หลุดที่ไปเล่นตามเกมเขา ทำให้รนไปเอง จังหวะการเล่นผิดพลาดไปบ้าง เราชนะเขามา 7 ครั้งพยายามทำเกมนี้ให้ดีที่สุด สำหรับในรอบหน้าคงต้องใส่เต็มที่ เพราะเราใกล้เคียงที่สุดแล้วใน 3 ครั้งที่แข่งโอลิมปิกเกมส์มา (2012-รอบ 8 คน, 2016 รอบ 16 คน)
“รอบหน้าที่จะเจอกับ ไท่ ซื่อหยิง ก็เต็มที่ มีเท่าไหร่ก็ใส่ให้หมด เพราะครั้งนี้ก็เหมือนเป็นครั้งที่เราใกล้เคียงที่สุดแล้วในรอบ 2 ครั้งที่เราแข่งมา ก็มองว่าน่าจะพร้อมกว่าเมื่อปี 2012 ที่ตอนเข้าไปถึงรอบ 8 คนได้ แต่ก็ยังไม่เคยแข่งขันโอลิมปิก ประสบการณ์การเล่นก็ยังมีไม่มากเท่าไหร่ ก็คิดว่าไถ้ เขาเองเป็นสายเทคนิคอยู่แล้ว ส่วนเรื่องพละกำลังเราก็ต้องยอม อันนี้เขาเป็นต่อเรา ก็คงพยายามเล่นในจังหวะตัวเองให้มากที่สุด”
ส่วนกรณีคำถามว่า “น้องเมย์” ถือเป็นเพื่อนสนิทอีกคนในวงการแบดมินตัน ได้มีการพูดคุยกันอย่างไรบ้างในการมาเล่นโอลิมปิกรอบนี้ รัชนกตอบว่า “ยังไม่ได้คุยกันสักเท่าไหร่ค่ะ มียิ้มๆ ให้กันมากกว่า ปกติไม่ได้คุยสุงสิงกัน ไปไหนไปด้วยกัน แต่เมย์กับเขาก็ถือเป็นรุ่นๆ เดียวกัน โตมาด้วยกันตั้งแต่อายุ 16 เห็นกันตั้งแต่ตอนแข่งระดับเยาวชน ล่าสุดเจอกับ ไท่ ซื่อ หยิง ที่เมืองไทยเมื่อต้นปี เป็นเมย์ที่แพ้เขา
“เราเองก็รู้จังหวะการตีเขาค่ะ แต่ช่วงเวลาสำคัญเป็นเขาที่กล้าเล่นและทำได้ดีกว่า ซึ่งก็กลายเป็นว่าเราต้องเล่นเพลย์เซฟตามที่เขาแจกให้ และก็กลายเป็นเราที่ตียาก จนพลาดตรงนั้นไป ก็คิดว่าเกมที่จะเจอกันพรุ่งนี้ ก็จะเป็นในลักษณะเดิมอย่างที่เล่นกันมา ไท่ ซื่อ หยิง เป็นนักตบสายเทคนิค พละกำลังเป็นต่อเรา โอลิมปิกเกมนี้เป็นครั้งสุดท้ายของเขา เขาเป็นคนที่กล้าเล่น ขณะที่เราชอบเพลย์เซฟตลอด คงต้องปรับเปลี่ยนกันหน้างาน
ส่วงกรณีที่ใส่เสื้อแขนกุดลงแข่งขันนั้น รัชนกกล่าว ตอนแรกใส่ชุดของแกรนด์สปอร์ตมา ผู้ใหญ่บอกให้เปลี่ยนชุด ผู้ใหญ่คุยกัน ให้เปลี่ยนชุดก่อนลงสนาม สำหรับตัวเองมีหน้าที่ใส่แล้วก็ลงแข่ง ซึ่งก็เพิ่งจะทราบเมื่อเช้าก่อนแข่ง ซึ่งสำหรับตนก็ไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องนี้อย่างที่มีกระแสมาในโลกออนไลน์เท่าไหร่ เราเองไปโฟกัสกับเรื่องของการแข่งขันในสนามมากกว่า ก็มองว่าใส่อะไรก็ใส่ก็ได้ ซึ่งแกรนด์สปอร์ต เมย์เองก็ใส่ลงมาแข่งขันตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วใส่แกรนด์สปอร์ตก็ใส่มาทุกนัดตั้งแต่รอบแรกไม่ใช่ปัญหา
นอกจากนี้ นักแบดมินตันสาวไทยกล่าวอีกว่า ในโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ ความหวังไปอยู่ที่ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ และ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ส่วนตัวเองก็หวัง แต่แค่รู้สึกว่าไม่ได้มีคนมาจับจ้องมาก ทำให้ลดแรงกดดันไปมาก เหมือนตอนที่ตีตอนโอลิมปิกปี 2012 ตอนนี้ความหวังอาจจะกลับมาตัวเแล้ว แต่ก็ไม่ได้เครียด เพราะเรายังมองวาเรายังเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ อยู่ดีในอาชีพนี้ เหมือนโอลิมปิกเกมส์ปี 2024 ที่ปารีส ที่เราก็ยังอยากไป