#MGRTOP7 : ศาลรัฐธรรมนูญชี้ล้มล้างการปกครอง | สมรักษ์ช็อกลูกหนี้ฆ่ายกครัว 4 ศพ | หลงตาม GPS แบริเออร์อ้า-ลงแม่น้ำดับ – ผู้จัดการออนไลน์



รวบตึงทุกเรื่องราว คัดข่าวเด็ด เบ็ดเสร็จในที่เดียว … MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอตที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง mgronline.com และเฟซบุ๊ก MGR Online Live แฮชแท็ก #MGROnline #MGRTOP7

(สรุปข่าวประจำวันที่ 6 – 12 พ.ย. 2564)



อันดับ 1 : สรุปศาลรัฐธรรมนูญชี้ “อานนท์-ไมค์-รุ้ง” ชุมนุมล้มล้างการปกครอง ใช้เสรีภาพเกินพอควร เจ้าตัวไม่ยอมรับ

ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 10 พ.ย. ให้การกระทำของนายอานนท์ นำภา นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง ผู้ถูกร้องที่ 1-3 จัดชุมนุมปราศรัย ธรรมศาสตร์จะไม่ทน เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2563 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง พร้อมสั่งให้ผู้ถูกร้องที่ 1-3 และกลุ่มองค์กรเครือข่าย เลิกการกระทำดังกล่าวทันที หลังนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นคำร้องเมื่อ 18 ส.ค. 2563

โดยศาลเห็นว่าการปราศรัยของบุคคลทั้งสามและข้อเรียกร้อง 10 ข้อ มีเจตนาเพื่อทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ นำไปสู่การสร้างความปั่นป่วนและกระด้างกระเดื่อง เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเกินความพอเหมาะพอควร โดยมีผลทำให้กระทบกระเทือนหรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และจะนำไปสู่การบ่อนทำลายการปกครองในที่สุด นอกจากนี้ ยังมีการดำเนินงานอย่างเป็นขบวนการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมาย และใช้ยุทธวิธีเปลี่ยนแปลงรูปแบบการชุมนุม ซึ่งมีลักษณะของการปลุกระดม ให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ ก่อให้เกิดความวุ่นวายและความรุนแรงในสังคม

ด้าน น.ส.ปนัสยา หนึ่งในผู้ถูกร้อง ระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน อ้างว่าข้อเรียกร้องทั้ง 10 ข้อไม่ได้ล้มล้างการปกครอง และกล่าวหาว่า ศาลรัฐธรรมนูญกำลังมีส่วนขัดขวางการปฏิรูปสถาบันฯ พร้อมเดินหน้าล่ารายชื่อยกเลิกมาตรา 112 ต่อไป



อันดับ 2 : เหตุสลดอดีต ส.จ.ดำเมืองคอน ฆ่ายกครัว 4 ศพ สมรักษ์ คำสิงห์ ผงะนัดเคลียร์เงินล้าน ยอมยกหนี้ให้หมด

เรื่องสลดฆ่าเมียและลูกก่อนยิงตัวตายตามเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 พ.ย. ตำรวจ สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุยิงกันที่บ้านหลังหนึ่้งในซอยกรุงเทพกรีฑา 7 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ตรวจสอบพบศพนายธวัชชัย ทองอ่อน อายุ 48 ปี อดีต ส.จ.นครศรีธรรมราช เจ้าของร้านอาหารเสบียงทิพย์ หลัง ม.รามคำแหง นางพัชรณัฏฐ์ สังข์ประไพ ภรรยาและหลาน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือผู้การแต้ม และลูกสาว 2 คนถูกยิงเสียชีวิต ตำรวจคาดว่านายธวัชชัยก่อเหตุ เพราะมีปืนยาวและปืนสั้นตกอยู่ 3 กระบอก สาเหตุคาดว่าน่าจะเกิดจากปัญหาในครอบครัว โดยเฉพาะเรื่องหนี้สินจากงานรับเหมา ประมูลงาน และเล่นการเมือง

ด้าน น.ต.สมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยเหรียญทองโอลิมปิก ระบุว่า ก่อนหน้านี้นายธวัชชัยเสนอขายสลากกินแบ่งรัฐบาล อ้างว่ามีโควตามาได้ ติดต่อผู้ลงทุน 5-6 คนซื้อสลาก 4 งวดแต่ได้ของไม่ครบ ต่อมามีการนัดเคลียร์หนี้สิน ผู้ตายเสนอจะจ่ายงวดแรก 2.5 ล้านบาท เมื่อไปถึงที่ร้านเสบียงทิพย์กลับไม่พบตัว ก่อนทราบจากพนักงานร้านว่า ตำรวจมาสอบถามข้อมูลเพราะนายธวัชชัยยิงตัวตายพร้อมลูกเมียแล้ว ภายหลัง น.ต.สมรักษ์ ตัดสินใจยุติปัญหาโดยยกหนี้ให้ทั้งหมด ขณะที่ พล.ต.ต.วิชัย ระบุว่า หลานสาวเคยเป็นอาจารย์รัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง แต่ถูกหางเลขฟ้องล้มละลาย เพิ่งกลับมาบรรจุอีกครั้ง แต่ต้องจบชีวิตลง



อันดับ 3 : งามหน้ากรมทางหลวง เปิดช่องแบริเออร์แผ่หรา ลงแม่น้ำเจ้าพระยาทิ้งไว้ หนุ่มขับรถดู GPS ไม่ชินทางจมน้ำดับ

เหตุสลดรถจมน้ำเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 5 พ.ย. ขณะที่นายธีระภัทร์ ธีรพงศ์ไพบูลย์ อายุ 27 ปี บุตรชายร้านขายอุปกรณ์การเกษตร จ.สุพรรณบุรี ขับรถยนต์เอสยูวียี่ห้อฟอร์ด เอเวอเรสต์ สีแดง ไปยังบ้านแฟนสาวที่ อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ปรากฎว่าหลงเข้าช่องแบริเออร์ที่เปิดทิ้งไว้ ลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา ใต้สะพานถนนเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ ต.ตะเคียนเลื่อน อ.เมือง จ.นครสวรรค์ จมหายไป โดยได้โทรศัพท์หามารดาก่อนติดต่อไม่ได้ กระทั่งผ่านไป 3 วัน พบศพนายธีระภัทร์ลอยมาติดกอหญ้า ที่บ้านวังฉ่า หมู่ 8 อ.โกรกพระ เมื่อช่วงสายของวันที่ 8 พ.ย. กระทั่งวันที่ 9 พ.ย. ได้กู้รถออกมาได้สำเร็จ หลังจมอยู่ใต้แม่น้ำลึกกว่า 6 เมตร

นางพินิจ ธีรพงศ์ไพบูลย์ มารดานายธีรภัทร์ กล่าวว่า ติดใจที่จุดเกิดเหตุทำไมเปิดช่องแบริเออร์ไว้ เชื่อว่าอาจเกิดจากลูกชายใช้ระบบ GPS นำทาง แล้วเจอถนนติดแม่น้ำ ไม่มีทางกั้น แถมยังเป็นช่วงเวลากลางคืน เช่นเดียวกับแฟนสาวระบุว่า วันเกิดเหตุขับรถคนละคันกัน แต่เกิดพลัดหลง นายธีรภัทร์บอกว่าไม่ต้องย้อนมารับ กำลังเปิด GPS ขับตามไปได้ รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ช่องดังกล่าวแขวงทางหลวงนครสวรรค์ กรมทางหลวงอ้างว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคขอให้เปิดไว้เพื่อใช้ซ่อมสายไฟฟ้าแรงสูง และให้ อบต.คะเคียนเลื่อน นำรถบรรทุกสูบน้ำให้ชาวบ้านช่วงฤดูแล้ง แต่ยืนยันว่าปิดถาวรไม่ได้จึงใช้แบริเออร์พลาสติกปิดแทน



อันดับ 4 : น้ำทะเลหนุนกรุงทะลักยาวปลายเดือน กรมชลฯ คาด 25 พ.ย.เจ้าพระยากลับสู่ตลิ่ง เพชรบุรี-นครศรีธรรมราชก็อ่วม

ภัยธรรมชาติเข้าใกล้เมืองหลวงทุกขณะ เมื่อวันที่ 8 พ.ย. เกิดปรากฎการณ์น้ำทะเลหนุนสูง ประกอบกับมีการระบายน้ำบริเวณท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ทำให้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาล้นทะลักเข้าท่วมชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยาหลายจุด โดยเฉพาะบริเวณสะพานกรุงธน (สะพานซังฮี้) เช่นเดียวกับที่จังหวัดสมุทรปราการ น้ำได้เข้าท่วมตลาดและถนนสุขุมวิท ก่อนหน้านี้กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ แจ้งเตือนประชาชนเฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูงในพื้นที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 19-28 พ.ย. ระหว่างเวลาประมาณ 06.00-15.00 น.น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะมีความสูงประมาณ 1.80-2.00 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง

นอกจากนี้ ยังพบว่าน้ำในแม่น้ำเพชรบุรีเอ่อล้นเข้าท่วม 4 อำเภอคือ ท่ายาง บ้านลาด เมืองเพชรบุรี และบ้านแหลม ขณะที่ จ.นครศรีธรรมราช น้ำป่าจากเทือกเขาหลวงเข้าท่วมขยายวงกว้าง 4 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง ลานสกา พรหมคีรี และพระพรหม ด้านนายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ระบุว่า ปัจจุบันได้ระบายน้ำที่ค้างตามพื้นที่ลุ่มต่ำ 11 ทุ่ง เป็นทุ่งเจ้าพระยา 10 ทุ่ง และทุ่งบางระกำ 1 ทุ่ง รวมประมาณ 2,000 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยอาศัยแรงโน้มถ่วงปกติเสริมกับเครื่องจักร พร้อมเก็บน้ำ 600 ล้านลูกบาศก์เมตรเพื่อเกษตรใช้ในฤดูแล้ง คาดว่าวันที่ 23-25 พ.ย. ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาจะกลับสู่ตลิ่ง



อันดับ 5 : คลับเฮาส์ปั่นกระแสเหยียดคนอีสาน หนุ่ม กรรชัย ท้าอย่าเก่งแต่ปาก คนทำอ้างดีใจทำให้คนหัวร้อนได้ตามต้องการ

ในช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว เกิดเหตุการณ์ที่กลุ่มผู้ใช้แอปพลิเคชันคลับเฮาส์กลุ่มหนึ่้ง พูดคุยต่อว่าและเหยียดคนอีสาน พาดพิงไปถึง ลิซ่า ลลิษา มโนบาล และยังพาดพิงไปถึงรายการโหนกระแส ของ หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ทำให้ในวันถัดมา หนุ่มกรรชัย ท้าว่าคนที่มาพูดในคลับเฮาส์อยากจะมาออกรายการ ขอให้มา อย่าเก่งแต่ปาก จะได้คุยว่าไปด่าเขาทำไม ขณะที่โลกออนไลน์เข้าไปขุดคุ้ยพบว่า หญิงสาวคนหนึ่ง ที่เป็นดาวติ๊กต็อกและมีภูมิลำเนาที่ จ.อุดรธานี ทำให้แม่ต้องออกมาขอโทษแทนลูก แต่เจ้าตัวปฏิเสธว่าคนที่ด่าไม่ใช่ตน แต่ชื่อคล้ายกัน อยู่พัทยาเหมือนกัน ใช้ชื่อในแอปพลิเคชันว่า เพนนี่

ด้านหนึ่งในคนที่ออกมาด่าคนอีสาน มีชื่อว่าปลั๊ก บอกว่าจะไม่ขอโทษคนที่มาทัวร์ลง และไม่ขอโทษคนอีสานที่มาด่า แต่จะขอโทษคนอีสานทั้งประเทศที่กระทบกระเทือนจิตใจ พร้อมกล่าวว่า ตนประสบความสำเร็จที่ทำให้คนหัวร้อนได้ตามที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม พบว่ามีคลิปกลุ่มวัยรุ่น 4-5 คน รุมทำร้ายคนที่ระบุว่าเป็นโอดิน บริเวณลานจอดรถแห่งหนึ่ง หลังถูกขโมยรูปภาพไปสร้างเป็นโปรไฟล์เหยียดคนอีสาน ส่วน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนพฤติกรรมดังกล่าวสุ่มเสี่ยงกับการกระทำความผิดหลายประการ แต่เป็นความผิดส่วนตัว ผู้เสียหายต้องแจ้งความตำรวจเพื่อดำเนินคดี



อันดับ 6 : ใหญ่คับถนน เด็กแว้นทริปน้ำไม่อาบนับพัน บุกท้าลมหนาวภูทับเบิก ตำรวจตามจับได้อื้อ มากสุดส่วนควบไม่ครบ

เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์แต่งซิ่ง นัดหมายไปเที่ยวในโซเชียลฯ โดยใช้ชื่อ “ทริปน้ำไม่อาบภูทับเบิก” ไปยังภูทับเบิก แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังในจังหวัดเพชรบูรณ์ ทำเอาชาวบ้านเดือดร้อนรำคาญ เพราะแต่งท่อไอเสียให้เสียงดัง บางคนกล่าวว่าได้ยินเสียงแบบนี้มาตั้งแต่เวลา 03.00-04.00 น. และพบว่าผู้ขับขี่ส่วนหนึ่้งไม่สวมหมวกนิรภัย ขับขี่หวาดเสียว นอนหมอบมาก็มี ตำรวจ 5 โรงพักในจังหวัดเพชรบูรณ์ ร่วมกันตั้งด่านจับกุมกลุ่มรถจักรยานยนต์แต่งซิ่ง ขณะเดียวกันยังพบว่ามีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ไปเฉี่ยวชนรถเก๋งของชาวบ้านเสียหาย บาดเจ็บ 2 ราย และมีโพสต์ขู่ย้ายตำรวจทั้งโรงพักซ้ำจนคนวิจารณ์กันทั่ว

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางฯ ระบุว่า สามารถจับกุมทริปน้ำไม่อาบได้เกือบยกแก๊ง โดยว่ากล่าวตักเตือน 450 ราย และพบว่าอุปกรณ์ส่วนควบไม่ครบถ้วนมากที่สุด 369 ราย รองลงมาคือไม่มีใบอนุญาตขับขี่ 269 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 88 ราย ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 78 ราย และอื่นๆ นอกจากนี้ยังตรวจยึดรถจักรยานยนต์ 67 คัน และเสพยาเสพติด 6 ราย หากพบเบาะแส สามารถแจ้งมายัง สายด่วน ศปข.ตร. 1599 หรือ 191 หรือสามารถส่งคลิปวิดีโอหลักฐานมาทาง เพจเฟซบุ๊ก “ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร.” ได้ตลอด 24 ชั่วโมง



อันดับ 7 : จับหนุ่มใหญ่อ้างสายเปย์หลอกสาวทำศัลยกรรม ใช้อี-สลิปอ้างโอนเต็มจำนวน พบประวัติฉ้อโกง-ลักทรัพย์โชกโชน

เมื่อวันที่ 9 พ.ย. คลินิกศัลยกรรมความงามแห่งหนึ่ง เผยแพร่วีดีโอคลิปจากกล้องวงจรปิด ระบุพฤติกรรมว่ามีชายรายหนึ่งเข้ามาที่คลินิกเมื่อวันที่ 29 ต.ค. ระบุว่า ต้องการทำศัลยกรรม พร้อมโชว์อี-สลิปตั้งรายการล่วงหน้า อ้างว่าโอนเงินเต็มจำนวนแล้ว แต่ตรวจสอบยอดเงินกลับไม่พบ ต่อมาวันที่ 3 พ.ย. คนไข้หญิงมาปรึกษาจะทำศัลยกรรม แต่ทางคลีนิกยืนยันยังไม่มียอดโอนเข้ามา กระทั่งวันที่ 4 พ.ย. คนไข้หญิงกำลังตรวจร่างกายเพื่อทำศัลยกรรม แต่ก็ไม่มียอดโอนเข้ามา ชายคนดังกล่าวออกอุบายว่าจะขอออกไปกดเงิน แล้วหายไป ทิ้งไว้แต่คนไข้หญิงต้องเปลี่ยนชุดเตรียมผ่าตัดออกมาแล้วออกไปจากคลินิกอย่างรีบร้อน

ตรวจสอบพบชายคนดังกล่าวมีประวัติฉ้อโกง มีหมายจับของศาลจังหวัดกระบี่ ขณะที่คนไข้หญิงกล่าวว่า ตนก็ถูกหลอกเช่นกัน คบหาฝ่ายชายได้ 2 เดือน อ้างว่าจะพาไปทำศัลยกรรมจมูก หนำซ้ำเคยส่งสลิปปลอมให้พ่อแม่อีกด้วย ต่อมาวันที่ 9 พ.ย. ตำรวจรถไฟ ประสานกองปราบฯ จับกุม นายวงศ์ระพี แซ่หลี หรือบอย อายุ 38 ปี ที่โรงแรมใน อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช สารภาพสร้างเรื่องเป็นเศรษฐี มีเงินเก็บกว่า 57 ล้านบาท ก่อนจะหลอกผู้หญิงให้มางานศพที่กรุงเทพฯ และพาไปทำศัลยกรรม นำส่ง สภ.เมืองกระบี่ดำเนินคดี พบเคยถูกดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อปี 2561 ก่อนพ้นโทษออกมา