เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่ในทุกๆปี จะมีโอกาสได้ตื่นตากับเหล่ายนตรกรรมรุ่นใหม่ จากหลายค่ายรถยักษ์ใหญ่ ที่พากันทยอยเปิดตัวรถยนต์ที่มาพร้อมการดีไซน์แบบล้ำๆ นวัตกรรม แลละขั้นเทพ วันนี้ HELLO! ขอพามาอัพเดตกับ 8 ยนตรกรรมสุดไฮเทค ที่พาเหรดกันเปิดตัวในปี 2022 จะมีรุ่นอะไร จากแบรนด์ไหน และล้ำแค่ไหนมาดูกันค่ะ
Ferrari 296 GTB
เผยโฉมใหม่กับรถสปอร์ตของค่ายม้าลำพองอย่าง ‘Ferrari 296 GTB’ รถสปอร์ตตัวถัง 2ประตู คูเป้ พลังปลั๊ก-อิน ไฮบริด รุ่นใหม่ และมีการขับเคลื่อนล้อหลังรุ่นแรกของเฟอร์รารี่ และรุ่น ‘296 GTB’ นั้น มีความหมายที่ตรงตัว GTB คือ Gran Turismo Berlinetta หรือรถ GT หลังคาแข็ง ซึ่งนี่คือ Road Car รุ่นแรกภายใต้ตราสัญลักษณ์ม้าลำพอง ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ V6 ปลดปล่อยพลังรวมมหาศาลถึง 830 แรงม้า

ด้านพละกำลัง 296 GTB ใช้เครื่องยนต์เบนซิน V6 รุ่นใหม่ ทำมุมเอียง 120 องศา ความจุกระบอกสูบ 3.0 ลิตร อัดอากาศด้วยทวิน-เทอร์โบชาร์จ ที่ออกแบบจุดติดตั้งใหม่ โดยนับเป็นรถรุ่นแรกของเฟอร์รารี่ที่มีการติดตั้งเทอร์โบชาร์จเอาไว้ที่บริเวณเหนือเสื้อสูบ ปั๊มนํ้ามันเครื่องแบบแปรผันรุ่นใหม่ เฉพาะเครื่องยนต์กำลังสูงสุด 663 แรงม้า (PS) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวแบบ Axial Flux Motor เอาต์พุต 122 กิโลวัตต์ หรือเทียบเท่า 167 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ดูอัลคลัตช์ 8 จังหวะ และกำลังรวมทั้งระบบผลิตได้ 830 แรงม้า อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 2.9 วินาที 0 – 200 กม./ชม. ภายใน 7.3 วินาที ระยะเบรคจาก 200 – 0 กม./ชม. 107 เมตร ความเร็วสูงสุดมากกว่า 330 กม./ชม. Ferrari รุ่นนี้จะเปิดตัวในเมืองไทยในวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา
Rolls-Royce Black Badge Ghost
โรลส์-รอยซ์ ได้เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย กับรถรุ่นพิเศษที่มียนตรกรรมสุดลํ้า ในเวอร์ชั่น ‘Black Badge Ghost’ เวอร์ชั่นที่โดดเด่นนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งสุดยอดยานยนต์ซูเปอร์ลักซ์ชัวรีในรูปแบบใหม่ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมสินค้าหรูในวงที่กว้างขึ้น และยังยึดความเรียบง่ายของงานออกแบบตามปรัชญา Post Opulence และยังสร้างความน่าสนใจให้กับ Ghost ทำให้เป็นยนตรกรรมที่ทันสมัยที่สุด

เครื่องยนต์รุ่นนี้ V12 ขนาด 6.75 ลิตร เทอร์โบคู่ แต่ด้วยความที่เป็นรุ่น Black Badge แรงม้าจึงเพิ่มมาอีก 27 แรงม้า ให้กำลังรวม 600 แรงม้า และแรงบิดที่เพิ่มขึ้น 50 นิวตันเมตร ทำให้มีแรงบิดสูงสุด 900 นิวตันเมตร ที่ 1,700 รอบ / นาที มีชุดเกียร์ 8 สปีดของ ZF โดยที่ทางโรงงาน GoodWood ได้พัฒนาช่วงล่างให้มีความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งระบบเบรคอัพเกรดเพื่อรองรับสมรรถนะเครื่องยนต์ที่แรงขึ้น และท่อไอเสียที่ทางวิศวกรรมออกแบบให้มีเสียงที่ดุดันมากขึ้น
Lamborghini Huracán EVO
ได้ฤกษ์เปิดตัวกับค่ายกระทิงดุอย่าง ‘Lamborghini Huracán EVO’ (ลัมโบร์กินี ฮูราแคน อีโว) ซูเปอร์สปอร์ตคาร์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะที่สามารถเลือกสีที่แตกต่างไม่เหมือนใคร ทั้งการดีไซน์ การออกแบบใหม่ที่เพิ่มประสิทธิภาพของหลักอากาศศาสตร์ที่ดี และเป็นรถรุ่นแรกที่มาพร้อมกับระบบสมองอัจฉริยะที่ประมวลผลความต้องการของผู้ขับขี่ เพื่อควบคุมระบบต่างๆ ของตัวรถ ทั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบเลี้ยวล้อหลัง ส่งผลให้ตอบสนองรวดเร็วและง่ายต่อการขับขี่ อีกทั้งยังมีระบบ Infotainment ใหม่ที่มาพร้อมฟีเจอร์การเชื่อมต่อมากขึ้น อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีเพื่อความบันเทิงอย่างครบครัน



‘ฮูราแคน อีโว’ พัฒนาระบบแอโรไดนามิกและยังคงยึดมั่นในปรัชญาการออกแบบที่เป็นจุดเด่นของ Lamborghini กันชนหน้าใช้องค์ประกอบสไตล์ Lamborghini Y-shape ที่ไม่ผิดเพี้ยน ฝากระโปรงหน้าได้รับแรงบันดาลใจจาก Countach ช่องดักอากาศที่ชวนให้นึกถึง Murciélago และท่อไอเสียแบบติดตั้งบนส่วนกลางที่ระลึกถึงรุ่น Lamborghini ที่มีสมรรถนะสูงสุดในอดีตคุณลักษณะใหม่ ได้แก่ ขอบล้อ Aesir ขนาด 20 นิ้ว และสี Ad
Personam ใหม่สำหรับตัวถังรถ
กระทิงดุคันนี้มาพร้อมกับตัวเครื่องยนต์ V10 Naturally-aspirated ขนาด 5.2 ลิตร ด้วยพละกำลังสูงถึง 640 แรงม้า ที่ 8,000 รอบต่อนาที ด้วยนํ้าหนักตัวรถ 1,422 กิโลกรัม มีอัตราส่วนนํ้าหนักต่อกำลังที่ 2.22 กิโลกรัมต่อแรงม้า ช่วยให้อัตราเร่งจาก 0 – 100 กิโลกรัมต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 2.9 วินาที และจาก 0 – 200 กิโลกรัมต่อชั่วโมง ภายใน 9 วินาที พร้อมทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่าด้วย 325 กิโลกรัมต่อชั่วโมง รวมถึงการเพิ่มประสิทธิด้วยระบบ Torque Vectoring System ทำให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมความเร็วรถได้ในทุกสภาพถนน รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ของ
ลัมโบร์กินีอย่าง Lamborghini Dinamica Veicolo Integrata (LDVI) ระบบสมองกลอัจฉริยะที่ประมวลผลความต้องการล่วงหน้าของผู้ขับขี่จากการใช้งานตัวรถตามโหมดการขับขี่ ด้วยการสั่งการควบคุมประสิทธิภาพการทำงาน
BMW 430i Convertible M Sport
บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์4 ‘BMW 430i Convertible M Sport’ ใหม่ มาพร้อมกับดีไซน์สุดลํ้า กับรูปลักษณ์กระจังหน้าไตคู่แนวตั้งขนาดใหญ่ และคงความหรูหราอันเป็นเอกลักษณ์ ไม่ซํ้าใคร โดยครั้งนี้มาในรูปแบบการขับขี่แบบเปิดประทุนในรถยนต์ของซีรี่ส์นี้ ภายนอกส่วนหน้าสุดของรถสั้นปราดเปรียวยิ่งขึ้น โครงสร้างเสาได้รับการออกแบบให้เพรียวยิ่งขึ้นสอดรับกับความยาวของประตูและหน้าต่างไร้ขอบ รวมถึงแนวหลังคาที่ล้วนสะท้อนถึงความสง่างามของรถยนต์ซีรี่ส์ 4 คันนี้ ท้ายรถโฉบเฉี่ยวทรงพลังด้วยไฟท้าย LED ทรงเรียวยาวรูปตัว L พร้อมแต่งสีหม่นให้มีมาดสุขุม คาลิเปอร์เบรคดีไซน์ M Sport สีแดงเงา และชุดแต่ง M Aero-dynamics มาพร้อมกับระบบปลดล็อกประตูอัจฉริยะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายกว่าเคย หลังคาผ้าแบบอ่อนทำงานด้วยระบบไฟฟ้าเพื่อให้ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารได้เพลิดเพลินไปกับการขับขี่

การขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร 1,998 ซีซี พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo มอบสมรรถนะการขับขี่ได้เต็มพิกัด ส่งพละกำลังสูงสุด 190 กิโลวัตต์ / 258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ระหว่าง1,550 – 4,400 รอบ / นาที จึงเร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.2 วินาที ส่วนชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Sport Steptronic และช่วงล่าง M Sport มาพร้อมล้ออัลลอย M นํ้าหนักเบาขนาด 19 นิ้ว ลาย Double – Spoke แบบสลับสี และยังมาพร้อมเทคโนพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ลํ้าสมัยมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชั่น Stop & Go ระบบช่วยการขับขี่ ระบบเซ็นเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอด และเซ็นเซอร์ควบคุมความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน ช่วยป้องกันทั้งผู้ขับขี่และ
ผู้โดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู
BMW iX3 M Sport
อีกหนึ่งรุ่นที่ไม่ธรรมดาจากค่ายกังหันฟ้า-ขาว อย่าง ‘BMW iX3 M Sport’ (บีเอ็มดับเบิลยู ไอเอ็กซ์3 เอ็ม สปอร์ต) ถูกพัฒนาขึ้นบนโครงสร้างพื้นฐานเดียวกับ X3 รุ่นปกติ แต่ปรับเปลี่ยนไปใช้ขุมพลังขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่ออกแบบให้มีการรวมเอามอเตอร์ไฟฟ้า วงจรอิเล็กทรอนิกส์ และระบบเกียร์ไว้ภายใต้โครงสร้างเดียวกันแบบเดียวกับ iX มีดีไซน์ที่เรียบหรู พร้อมกับเทคโนโลยีที่ลํ้าสมัย ท้ายรถมาพร้อมการออกแบบเพื่อลดแรงต้านอากาศ ไฟหน้า Adaptive LED พร้อมระบบไฟสูงอัตโนมัติ High-beam Assistant เสริมฉนวนกันเสียงที่ประตูหน้า ล้อ M Aerodynamic ขนาด 20 นิ้ว แบบสลับสี

ส่วนของภายในห้องโดยสารใช้เบาะหนัง Vernasca ดีไซน์แบบสปอร์ตเฉพาะคู่หน้า พร้อมระบบจดจำตำแหน่งฝั่งผู้ขับ นอกจากนี้ยังหรูหราและมีพื้นที่กว้างขวางกว่า X3 รุ่นอื่นๆ ไฮไลต์ของคันนี้อยู่ที่เบาะหลังพับได้แบบ 40:20:40 ซึ่งช่วยเพิ่มปริมาตรการบรรจุสัมภาระจาก 510 – 1,560 ลิตร คอนโซลกลางติดตั้งหน้าจอ BMW Head-Up Display ระบบ BMW Live Cockpit Professional ระบบ BMW ConnectedDrive ระบบ BMW Gesture Control และระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย เสริมความเอ็กซ์คลูซีฟด้วยระบบเสียง BMW IconicSounds Electric ที่เป็นฟังก์ชั่นมาตรฐานในการสร้างทำนองเสียงไม่ซํ้าใครเมื่อสตาร์ท หรือดับเครื่องยนต์ จากผลงานของ Hans Zimmer ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า 286 แรงม้า มอเตอร์ไฟฟ้าแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร อัตรา 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 6.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะทางไกลสุดต่อการชาร์จเต็มเคลมไว้ที่ 360 กิโลเมตร
Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé Special EDITION
Mercedes-Benz ได้เปิดตัวรถสปอร์ตเวอร์ชั่นใหม่อย่าง ‘Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé
Special EDITION’ (เมอร์เซเอส-เอเอ็มจี ซี43) ที่แสดงถึงสัญลักษณ์แห่งความสมบูรณ์แบบที่พิเศษเหนือใครของรถยนต์สปอร์ตในแบบฉบับ Mercedes-AMG ได้ในทุกจังหวะการขับขี่ ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นตามหลักปรัชญา ‘Driving Performance – ขับเคลื่อนทุกสมรรถนะ’ ได้อย่างไร้ที่ติ พร้อมทั้งยังผสมผสานนวัตกรรมของรถสปอร์ตและรถแข่งไว้ได้อย่างดี และยังคงรูปลักษณ์ของความลักซ์ชัวรี ภายนอกโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์แบบสปอร์ตและขนาดตัวรถที่กว้างขึ้นในทุกมิติ จึงช่วยมอบความสะดวกสบายในการเดินทางมากยิ่งขึ้น ส่วนดีไซน์ภายในก้าวไปอีกขั้นกับการตกแต่งที่ถอดแบบมาจากรุ่น S-Class ทั้งหน้าจอ LCD ความละเอียดสูง การปรับรูปแบบการแสดงผลได้ 3 แบบ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้านหุ้มด้วยหนัง คอนโซลกลางแบบ LED จอสัมผัสแนวตั้งขนาดใหญ่ 11.9 นิ้วที่เบี่ยงเป็นมุมเฉียงมายังผู้ขับขี่เล็กน้อย ทั้งยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยและมาตรฐานของเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ได้รับการยกระดับขึ้นอีกขั้น


ตัวเครื่องเป็นเครื่องยนต์เบนซินแบบ V6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 390 แรงม้า ที่ 6,100 รอบ / นาที แรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตร ที่ 2,500 – 5,000 รอบ / นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อน
4 ล้อ 4MATIC ถือว่าจัดเต็มเลยทีเดียว สามารถขับ 0 – 100 ประมาณ 4.75วินาที และ 80 – 120 ประมาณ 3.9 วินาที เป็นการเปิดประสบการณ์สปอร์ตเหนือจินตนาการให้กับคุณ ผ่านการรวบรวมความสปอร์ตเหนือระดับมาให้คุณได้สัมผัสจิตวิญญาณของนักแข่งในที่เดียว
Aston Martin Vantage
แอสตัน มาร์ติน ‘แวนเทจ’ รถสปอร์ตคูเป้สัญชาติอังกฤษ พร้อมรูปลักษณ์อันโฉบเฉี่ยว กับการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ Overhang หน้า-หลังสั้นและโป่งล้อกว้าง แสดงถึงความคล่องตัวและการตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพ ไฟหน้าแบบใหม่ พร้อมไฟท้ายบางเฉียบ กว้างเต็มพื้นที่ของฝาท้ายที่เชิดขึ้น และมาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์ V8 สูบ การดีไซน์อย่างลงตัวของภายนอก ที่มาพร้อมกับระยะ Overhang ที่สั้นทั้งหน้า-หลัง ผสานเข้ากับไฟหน้าและไฟท้ายที่มี Design Language อันเป็นเอกลักษณ์แนวทางใหม่ ส่วนเรื่องการออกแบบอากาศพลศาสตร์ก็มีการทำชายกันชนหน้าให้รับหน้าที่ รีดลมลงใต้ท้อง พร้อมส่งลมเย็นเข้าห้องเครื่อง ด้านข้างยังมาพร้อมกับครีบรีดลมทรงใหม่ ส่วนด้านหลังมีดิฟฟิวเซอร์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ

สมรรถนะของคันนี้ได้รับการปรับแต่งจากวิศวกร ให้มีการขับขี่ที่สนุก ด้วยการปรับปรุงการกระจายนํ้าหนักของตัวรถให้สมดุล รวมไปถึงเครื่องยนต์ V8 สูบ ขนาด 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ ที่ให้กำลังม้าสูงสุดที่ 503 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 685 นิวตันเมตร ที่ได้รับการจัดระเบียบทางเดินอากาศภายในเครื่องเป็นอย่างดี พร้อมเสียงเครื่องยนต์ V8 อันเป็นเอกลักษณ์ ที่เชื่อมต่อกับเกียร์อัตโนมัต 8 จังหวะ ที่ได้รับการปรับแต่งให้สอดรับกับเครื่องยนต์ มีความกระชับและสมดุล ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับตัวรถได้เป็นอย่างดี
Lexus LM
เลกซัส แอล เอ็ม หรือ ‘Lexus LM 300h’ ได้ยกระดับมาตรฐานการใช้รถอเนกประสงค์ที่มีการออกแบบเป็นเอกลักษณ์ กับดีไซน์ภายนอกที่สะดุดตา ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบ Spindle Grille สอดรับได้อย่างดีกับไฟหน้า LED แบบ 3-eye และไฟท้าย LED รูปทรงตัว L ที่ลากยาวตลอดความกว้างของรถ ทำให้ตัวรถดูกว้างขวางใหญ่โต และด้านมิติตัวถังที่มีความยาว 5,040 มม. กว้าง 1,850 มม. และสูง 1,945 มม. ระยะฐานล้อ 3,000 มม. ก็ถือว่ามีความใหญ่โตพอสมควร

ในส่วนของเครื่องยนต์ Lexus LM ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.5 ลิตร ส่งกำลังสูงสุด 152 แรงม้า ที่ 5,700 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 206 นิวตันเมตร ที่ 4,400 – 4,800 รอบต่อนาที ทำงานผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว และมีมอเตอร์หน้าที่ส่งกำลังสูงสุด 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร มอเตอร์หลังกำลังสูงสุด 68 แรงม้า
แรงบิดสูงสุด 139 นิวตันเมตร ให้กำลังรวมทั้งระบบ 197 แรงม้า จับคู่กับเกียร์ E-CVT ขับเคลื่อน 4 ล้อ E-Four และในด้านอุปกรณ์ความปลอดภัย ก็ให้มาแบบมาตรฐานพรีเมียม ตั้งแต่ระบบไฟหน้าปรับสูง-ตํ่าอัจฉริยะ ระบบป้องกันก่อนการชน ลดความรุนแรงจากการปะทะ ระบบติดตามช่องทางวิ่ง ระบบจัดการรวมไดนามิกของตัวรถ