50 ปี BMW M อัดรถ M ในสนามช้าง

BMW M เติบโตจากแผนกแข่งรถของ BMW Group รถยนต์ประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ ไล่ตั้งแต่ M135i ไปจนถึง M760 IL ล้วนแล้วแต่สืบเชื้อสายมาจากรถแข่ง 3.0 CSL ปี 1972 ซึ่งเป็นรถคูเป้สำหรับการแข่งขันที่มีวิงหลังขนาดใหญ่ การถ่ายทอด DNA ของรถแข่งลงไปสู่รถถนน เพื่อยกระดับการขับและพัฒนาเทคโนโลยีระบบส่งกำลังที่มีประสิทธิภาพ (สูง) ในฐานะแบรนด์ย่อย ปัจจุบัน BMW M มียอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มากถึง 163,542 คันทั่วโลกในปีที่แล้ว (2021) เพิ่มขึ้น 13 เปอร์เซ็นต์จากตัวเลขในปี 2020 

ความรู้สึกพิเศษเกิดขึ้นทันทีที่ผมเดินเข้ามาในงานเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ของแบรนด์ M ซึ่งปิดสนามแข่ง ช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต เพื่อการทดลองขับรถ M ของสื่อและลูกค้า เมื่อได้เห็นรถทดสอบที่อยากขับแต่ไม่เคยได้ขับอย่าง BMW M760Li / BMW X4 M Competition / BMW New M4 Competition ทั้งสามรุ่นเป็นรถ M ที่ผมยังไม่มีโอกาสแม้แต่จะเข้าไปนั่ง ส่วน M340i xDrive ในสเตชันยิมคาน่านั้นเป็นรถที่เคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขถึงสองอาทิตย์ เป็นเวลา 14 วันที่พิเศษสุดสำหรับแฟนคลับ M ที่ได้ลองขับยาวๆ กับ Series-3 รุ่น 6 สูบสุดแรง แม้บางคนจะเรียกมันว่า M ปลอมก็ตาม M340i xDrive อยู่ในใจของนักขับหลายคน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีผมรวมอยู่ด้วยเสมอ สำหรับงานวัน 50 ปี  M Power ช่วงบ่ายวันนี้ สถานีแรกที่ผมจะต้องเจอก็คือ แดรกเรซ กับการตะบันเรือธงราคาแพงอย่าง BMW M760Li xDrive วิ่ง 0-400 เมตร เพื่อการเอาชนะ ซึ่งเปรียบเสมือนกับสิ่งที่ BMW M ทำมาตลอด 50 ปี นั่นก็คือการแข่งขันรถยนต์ในกีฬามอเตอร์สปอร์ต 

ในรอบวอร์มอัพ ที่ความเร็ว 80 กม./ชม. เครื่องยนต์ V12 ของ BMW M760Li xDrive ปี 2022 แทบจะไม่ทำงานเลย มันคารอบเครื่องสำหรับการวิ่งแผ่วๆ วนดูแทร็กหนึ่งรอบ ที่ 1,100 รอบต่อนาที แต่ผมต้องไปให้ได้ถึง 5,900 รอบต่อนาที เพื่อไปให้ถึงเรดไลน์ อย่าลืมว่า นี่คือ BMW รุ่นเรือธง ซึ่งเน้นความโอ่โถงและสง่างามบนท้องถนนมากกว่าจะเอามาอัดแข่งแบบควอเตอร์ไมล์ เทพแห่งความสบายหรือสวรรค์ชั้นเจ็ดอย่าง 7 Series รหัส G12 รุ่นท็อปสุดคันนี้ นับเป็นเครื่องยนต์ V12 ตัวสุดท้ายของแบรนด์ที่มีเทคโนโลยี M Performance Twin Power Turbo เครื่องเบนซิน 12 กระบอกสูบ เทอร์โบคู่ ความจุ 6.6 ลิตร ให้กำลังมหาศาลถึง 600 แรงม้า และแรงบิดระดับนรกแตกที่ 800 นิวตันเมตร (590 ปอนด์/ฟุต) สร้างอัตราเร่งสำหรับรถซาลูนหรูไซส์ใหญ่ด้วยตัวเลข 0-100 กม./ชม. เพียง 3.7 วินาที แรงดึงหนักแน่น เต็มไปด้วยพลังของแรงบิดปั่นลงล้อทั้งสี่ เมื่อวิ่งเข้าเส้น 400 เมตร มันทำตัวเลขได้แค่ 11.3 วินาที นั่นถือว่าเร็วเอาเรื่องสำหรับรถผู้บริหารน้ำหนัก 2 ตัน 

เครื่องยนต์ V12 บล็อกอะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปแบบพิเศษ ใช้โครงสร้างแบบปิด พร้อมกับสลักเกลียวที่ยึดฝาครอบ แผ่นพื้นของเพลาข้อเหวี่ยงพร้อมกับสลักเกลียวคู่บน ตลับลูกปืนหลักที่ปรับปรุงใหม่ และเพลาข้อเหวี่ยงกับก้านสูบแบบพิเศษตามสไตล์ของรถ M Car เกียร์อัตโนมัติ Steptronic Sport 8 สปีด เวอร์ชันปรับปรุงใหม่ ต่อเชื่อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive ทำให้ M760Li พุ่งตรงเป็นลูกธูนในขณะออกตัวจากจุดสตาร์ต แม้จะเป็นรถของท่านประธานบริหารระดับสูง รถของนายกรัฐมนตรี หรือแม้แต่ท่านทูตบางประเทศที่ยึดติดกับตราใบพัด แต่ระบบไอเสียของ Series-7 V12 ก็ไม่ได้ถูกมองข้ามหรือทำออกมาแบบง่อยๆ เนื่องจากความเป็นรถ M ท่อระบายตรงที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่สุด เพื่อลดแรงดันย้อนกลับ BMW จูนท่อให้เสียงกระหึ่มมากยิ่งขึ้นด้วยวาล์วปีกนกบนท่อเก็บเสียงด้านหลังที่ปรับแต่งเพื่อให้เสียงที่ BMW เรียกว่า “เอม ซาวด์แทร็ก” 

ตราประทับบนเสา B บ่งบอกว่า เฟรมของ G12 ทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งแสดงถึงการใช้วัสดุน้ำหนักเบาอย่างคาร์บอนไฟเบอร์ในบริเวณห้องผู้โดยสาร มันไม่เพียงเพิ่มความปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังช่วยลดจุดศูนย์ถ่วงและน้ำหนัก ซึ่งช่วยในการขับขี่และการควบคุมทิศทางของรถให้ดีขึ้น ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วแบบพิเศษเคลือบสีเทา Cerium Grey แบบด้าน ติดตั้งยาง Bridgestone Potenza ขนาด 245/40 R20 ที่ด้านหน้า ส่วนด้านหลังยัดยางขนาด 275/35 R20 วิธีการเซตรถที่พบได้ในยานยนต์ประสิทธิภาพสูง เช่นเดียวกับ Porsche Panamera Turbo แต่ในกรณีของ M760Li ยังเพิ่มความสบายขณะขับเคลื่อนด้วย Active Comfort Drive และ Road Preview ซึ่งเป็นระบบควบคุมช่วงล่างแบบแอ็กทีฟที่เชื่อมโยงการตั้งค่ากับระบบกันสะเทือนแบบถุงลม Adaptive Air Suspension ราคา 13,499,000 บาทของ M760Li xDrive ถูกกว่า Lexus LS500h executive pleat แต่แพงกว่า Mercedes-Benz New S-Class S580e Premium ถึง 6,309,000 บาท เลยทีเดียว (S580e Premium ราคา 7,190,000 บาท)

สถานีต่อไปเป็นการอัด X4M Competitionและ M4 Competition แค่ครึ่งรอบสนาม เนื่องจากสถานีสุดท้ายซึ่งใช้ส่วนรันออฟด้านขวาของโค้งสี่มาจัดเป็นสนามยิมคาน่า และเปิดบริการซิ่งวนรอบกรวย ด้วยรถ BMW M340i xDrive ผมและเพื่อนๆ สื่อมวลชนเลยได้ลองกันแค่ช่วงสั้นๆ เท่านั้น ซึ่งน่าเสียดายมากเพราะมาถึงสนามช้างแล้วก็ควรจะได้อัดรถ M แบบเต็มเหนี่ยวครบรอบสนาม เมื่อเดินมาถึงตัวโหดทั้งสองคัน ผมเลือก X4 M คันหลังสุด เพราะไม่อยากถูกขับจี้ท้ายด้วยเอสยูวีคันโตถ้าไปขับ M4 แล้วคันหลังมีฝีมือเหนือกว่าก็จะโดนกดดัน การอยู่รั้งท้ายทำให้รู้สึกสบายใจมากกว่าการขับไล่กันแล้วมีคันหลังมาดันท้าย ระบบส่งกำลังที่มหึมาของ X4 M ยกเอาเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ ทวินเทอร์โบของ M4 มายัดเอาไว้ทั้งตัว ระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์ทวินสคูล และเทคโนโลยีห้องโดยสารที่ยอดเยี่ยมของ BMW – แต่ประสบการณ์การขับนั้นสูญเสียความเป็น M Car ไปจากการประนีประนอมอย่างมากในด้านความสะดวกสบาย และความจุของห้องโดยสาร การนำประสิทธิภาพระดับ M และความสวยงามแบบสปอร์ตคูเป้ไปจนถึงแชสซีส์ SUV ทรงสูง ทำให้ X4 M เป็น Sport SUV แบบครึ่งๆ กลางๆ 

เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร M TwinPower Turbo แบบหกสูบเรียงของ BMW คือหัวใจที่สูบฉีดอย่างรุนแรงของ X4 M เครื่องยนต์ให้กำลัง 503 แรงม้า ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive พร้อมช่วงล่าง M Sport ที่เน้นสมรรถนะ เฟืองล็อกดิฟเฟอเรนเชียลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเทแรงบิด แพ็กเกจ Competition ทำให้ม้าเพิ่มมาอีก 30 ตัว แรงบิดสูงสุดยังปีนขึ้นไปที่ 650 นิวตันเมตร หรือ 479 lb-อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 4.0 วินาที เป็นตัวเลขอัตราเร่งโดยประมาณมาจากโรงงาน เสียงเครื่องยนต์ดังมากขึ้นด้วยวาล์วพิเศษ M Power จัดท่อไอเสียแบบสปอร์ตที่เปิดกลไกวาล์วภายในอออกจนหมดเมื่อเลือกใช้โหมดสปอร์ต X4 M มีเบรกประสิทธิภาพสูง เบรก BMW M ซึ่งสามารถเลือกสีคาลิปเปอร์ สีดำ แดง หรือน้ำเงิน คาลิปเปอร์ด้านหน้าแบบสี่ลูกสูบและด้านหลังแบบลูกสูบเดี่ยว

X4 M ใช้ระบบกันสะเทือน Adaptive M Suspension ซึ่งช่วยให้ผู้ขับปรับความกระชับในการขับขี่ด้วยการกดปุ่มเพียงแค่ปุ่มเดียว ในทางปฏิบัติเมื่อขับจริงในสนามแข่ง การตั้งค่าระบบกันสะเทือนแบบแข็งจำเป็นสำหรับการควบคุมรถ SUV คันโตที่มีน้ำหนักมาก มันแตกต่างไปจากรถสปอร์ตของ M ในด้านการควบคุม หมายความว่าการขับขี่นั้นมั่นคงพอใช้ได้เมื่ออัดเร็วๆ ในสนามช้าง ช่วงล่างแข็งเกินไปนิด แต่ระบบควบคุมการยึดเกาะ และเฟืองท้าย M ทำงานได้ดี พอที่จะทำให้ X4 M ไล่ตาม M4 ได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าใดนัก ขีดจำกัดของการควบคุมรถ SUV ที่มีแรงม้าท่วมๆ แบบนี้ก็คือเบรกให้ลึกก่อนโค้ง รักษารอบเครื่องยนต์ในโค้งและพุ่งออกทันทีที่หัวรถกำลังจะพ้นส่วนปลายของโค้ง

เช่นเดียวกับรถ M รุ่นปัจจุบันทั่วไป X4 M มีโหมดการขับเคลื่อนหลายแบบที่ปรับเปลี่ยนประสิทธิภาพและการตอบสนองของระบบกันสะเทือน ลิ้นปีกผีเสื้อ พารามิเตอร์ เช่น ROAD, SPORT และ TRACK สำหรับการขับขี่ในสนามแข่ง ระบบขับเคลื่อนทุกล้อ xDrive และเกียร์ ZF 8 สปีดที่พ่วงเพลาหน้าด้วยชุดส่งกำลัง transfer case และเช่นเดียวกับพี่น้อง M Car มันมีโหมดซ้อนทับกันมากเกินไปให้เลือก ซึ่งนำไปสู่ความสับสนเมื่อพยายามตั้งค่าที่ผมต้องการในระยะเวลาสั้นจู๋ โชคดีที่ X4 M ยังมีแป้นควบคุมโหมด M1 และ M2 บนพวงมาลัย ผมใช้ปุ่มทางลัดนี้ กดเพื่อปรับแต่งการตอบสนอง (ขณะจอดรถ) ล้อ M ลายสวยของ X4 M เป็นล้อ M Double-spoke ขนาด 21 นิ้วที่มีขนาดใหญ่ขึ้น (เมื่อเทียบกับล้อของ X4 รุ่นมาตรฐาน) ยาง Continental รุ่น Sport contact 6 หน้าไซล์ 225/40ZR21 ส่วนด้านหลังยัดยางกว้างกว่าในไซล์ 265/40ZR21s ขอบล้อที่ใหญ่ขึ้นและแก้มยางที่เตี้ยลงจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวของรถ SUV ในด้านคุณภาพการยึดเกาะ

X4 M กับระบบเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 สปีดที่ใช้งานง่าย เปลี่ยนเกียร์เร็วราวกับเกียร์คลัตช์คู่ และมีความฉลาดหลักแหลมของซอฟต์แวร์สั่งงาน มากพอที่จะลดเกียร์ให้ถึงสองตำแหน่งเมื่อใช้เบรกหนักๆ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ตอบสนองฉับไว ซึ่งสมควรได้รับเครดิตสำหรับตัวเลขอัตราเร่งและการยึดเกาะที่ดี แม้จะใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่มีน้ำหนักมากเอาการ แต่สปอร์ตเอสยูวีหลังคาค่อมก็อัดแน่นด้วยพลังงานมากพอที่จะหมุนปั่นล้อจนทำให้ยางเกิดควันจากการเสียดสีในระหว่างการปล่อยคันเร่งเต็มที่

การปรับโฉมในปี 2022 ของ BMW X4 M Competition รวมถึงการอัปเกรดกันชนหน้า การปรับแต่งที่ด้านหลังอย่างละเอียด สีและล้อใหม่ โดยทั่วไป รุ่น LCI จะให้ความรู้สึกเหมือนการเปลี่ยนโฉมเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน X4 ก่อนการปรับโฉมมีแผงด้านหน้าที่สะอาดตากว่าและกระจังหน้าไตคู่ที่เล็กกว่าเล็กน้อย ทำให้ดูน่าดึงดูดยิ่งขึ้น เปรียบเทียบกับป้ายหน้ายิ้มของรุ่นนี้และกระจังหน้าแบบขยาย ซึ่งตอนนี้เชื่อมต่ออยู่ตรงกลาง และด้านหน้าของรุ่น LCI ทำให้รถดูโหดน้อยลง ไฟหน้าในเวอร์ชันใหม่นี้ ออกแบบให้เพรียวบาง และคมเข้มขึ้น ซึ่งทำให้ M SUV รุ่นนี้ดูดุดัน รายละเอียดด้านหลังยังคงรูปแบบไฟท้ายทรงเดิม ดิฟฟิวเซอร์สีดำเงาและปลายท่อไอเสียทรงกลมแบบลูกซองแฝดรมดำ แทนที่ปลายท่อทรงสี่เหลี่ยมคางหมูในรุ่นก่อนปรับโฉม

หากคุณชอบเอสยูวีสไตล์คูเป้ X4 M Competition คือรถอเนกประสงค์บ้าพลังที่หล่อเหลาเอาเรื่อง ห้องโดยสารและเทคโนโลยีความปลอดภัยของ BMW ก็น่าจะดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา นอกจากนี้ ยังน่าประทับใจที่ BMW ได้ปรับจูน SUV อ้วนๆ คันนี้ด้วยจิตวิญญาณและความคล่องตัวของรถ M ที่เหมาะสม มีหลายสิ่งที่แสดงออกถึงควาสมสำเร็จในอดีตของการแข่งขัน และ BMW X4 M Competition ปี 2022 ก็คือความสมดุลของจักรกล M Car แม้จะไม่สุดเท่า M4 Competition แต่ความแตกต่างด้านอารมณ์นั้นยังคงเป็นสิ่งที่ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการ ราคา 8,599,000 บาท วางตัวอยู่ตรงกลางในกลุ่มยานยนต์สมรรถนะสูงที่ลูกค้าสาย M พอจะเอื้อมถึง 

สถานีที่สาม เป็นการขับยิมคาน่าในรถคันโปรดอย่าง BMW M340i xDrive การขับสลาลมเพื่อจับเวลาหาผู้ที่ทำเวลาได้เร็วที่สุดของวันนี้ M340i นั้นมีเครื่องยนต์ B58B30 แบบเดียวกับใน M140i/M240i Z4 M40i และ 440i/ ซึ่งเป็นเครื่อง 3.0 ลิตร Twinscroll Turbo ซึ่งประจำการอยู่ใน Z4 M40i  จากที่เคยมีกำลัง 340 แรงม้า (bhp) ในปี 2019 พอมาถึงปี 2021 เรี่ยวแรงถูกอัปขึ้นเป็น 387 แรงม้า ส่วนใน Series-3 M340i ตอนลืมตาดูโลกและโผล่ออกมาจากโรงงานประกอบ BMW ที่ระยอง ก็มีกำลังท่วมท้นมากถึง 387 แรงม้า เช่นเดียวกัน เทอร์โบมีเวสต์เกตควบคุมด้วยไฟฟ้าที่ช่วยให้รถตอบสนองคันเร่งได้เร็ว เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียง วางตามยาว ขับเคลื่อนทุกล้อ ถูกปรับแต่งระบบเกียร์ ช่วงล่างและชุดบังคับเลี้ยว ให้สามารถตอบสนองต่อเท้าที่หนักอึ้งของคนขับ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDRIVE ให้ความเสถียรขณะปลดปล่อยแรงบิด ตอนที่ BMW พัฒนาเครื่องตัวนี้ พวกช่างและวิศวกรตราใบพัดก็เอาเครื่องยนต์ 6 สูบ กับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของแบรนด์อื่น มาเทียบวัดมาตรฐานด้วย โดยเฉพาะเครื่องยนต์ 6 สูบเทอร์โบพร้อม Mild Hybrid 48V ที่อยู่ใน AMG 53 หลากหลายรุ่น

กุญแจในการสร้างสมรรถนะที่น่าประทับใจของ M340i xDRIVE อยู่ที่การจูนอัพชุดบังคับเลี้ยว พวงมาลัย BMW servotronic steering ช่วงล่าง Adaptive Suspension M specific elastokinematics, hydraulically damped torque strut bearings และเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป M differential ให้ทำงานด้วยกันได้อย่างลงตัว แค่หักพวงมาลัย โช้คอัพหน้าก็จะปรับน้ำหนักเตรียมรับแรงเหวี่ยงแล้ว นอกจากนี้ยังมีการปรับบาลานซ์ระหว่างโช้คอัพหน้ากับหลังตลอดเวลาที่ขับอีกด้วย และเมื่อเจอเข้ากับผิวถนนที่ไม่เรียบ ช่วงล่างของ M340i ก็ไม่ได้มีอาการกระด้างกระเดื่องจนนั่งไม่สบาย คุณสามารถขับมันได้ทั้งวันแล้วยังลงมาเดินเหินได้อย่างสะดวกโดยไม่มีอาการปวดหลังเมื่อยบั้นเอว โปรแกรม active sound design สร้างเสียงเร้าใจในโหมดสปอร์ตและสปอร์ตพลัส โดยใช้การสังเคราะห์เสียงผ่านลำโพง รวมถึงวาล์วบายพาสในท่อที่เปิดออกจนสุด จุดนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีอีกเช่นกัน

M340i xDRIVE มี Driving mode ให้เลือกหลายแบบเช่นเดียวกับ BMW รุ่นอื่นๆ ซึ่งเมื่อเลือกโหมดไป ก็จะมีการปรับตั้งค่าสำหรับพวงมาลัย โช้คอัพ เกียร์ และการตอบสนองของเครื่องยนต์ มีทั้งโหมด ECO-PRO Comfort, Sport Sport + Adaptive อย่างไรก็ตามในแต่ละโหมด วิศวกรปรับให้มีความแตกต่างในการทำงานชัดเจนขึ้นกว่ารุ่นอื่นๆ ในโหมด Sport กับ Sport + เมื่อก่อน Series-3 เครื่อง 3 ลิตร ขับหลัง จะเป็นรถที่ท้ายออกง่ายพอสมควร แต่เมื่อมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อทำให้อาการดังกล่าวหายไปพร้อมกับการยึดเกาะของส่วนท้ายในโค้งดีขึ้นมาก พวงมาลัยตึงไม้ตึงมือและมีแรงดีดกลับที่เหมาะสม ลองกดคันเร่งตอนพวงมาลัยหมุนสุดดู จะพบว่ามีแรงดีดพยายามสู้มือชัดเจน มีอาการโอเวอร์สเตียร์เบาๆ ถ้ากดคันเร่งไม่มากไป การที่รถเหวี่ยงออกในลักษณะนี้ เป็นผลมาจากการใช้ฐานล้อสั้นลง แต่ไม่ใช่ว่ามันจะพยศจนหาความปลอดภัยไม่ได้ แค่มีนิสัยดีดดิ้นมากกว่าที่คุณคิดหน่อยแค่นั้นเอง บุคลิกอย่างนี้ทำให้ M340i xDRIVE สามารถเรียกตัวเองว่ารถสปอร์ตซีดานได้อย่างเต็มปากเต็มคำ คือมันจะมีการตอบสนองที่ดีในทุกองคาพยพ เรียกว่ากดเป็นพุ่งและนิ่งมากในย่านความเร็วสูง รวมถึงการเข้าโค้งอย่างเฉียบคม ซึ่งรถซีดานสี่ประตู น้อยคันจะทำได้แบบนี้ สิ่งที่แย่ก็คือ ยางที่โดนกระทำชำเรามาตั้งแต่เช้าก็เริ่มหมดสภาพในช่วงเย็น กริ้บที่เหลือน้อยเต็มที กับการเติมคันเร่งแค่นิดเดียวเมื่อพยายามจะกดให้เวลาออกมาดีก็ทำให้ส่วนท้ายของรถเริ่มออกอาการ สื่อหลายคนพุ่งเลยจุดเบรกทั้งในรอบทดสอบและรอบจับเวลาจริง การชนไพล่อนที่จุดเบรกหมายถึงเวลาที่ทำมาทั้งหมดนั้นสูญเปล่า รวมถึงตัวผมเองที่พยายามเข่นในจุดยูเทิรน์วงกลมจนทำให้เวลาออกมาไม่ดีเท่าที่ควร ผู้ชนะที่ทำเวลาได้เร็วที่สุดของวันก็คือ อู๋ Spin-9 

สถานีสุดท้ายของวันเป็นการขับ BMW M340i xDrive เต็มรอบสนาม ฝนที่ตั้งเค้ามาตั้งแต่บ่ายแก่ๆก็กระหน่ำลงมาอย่างหนักจนทำให้การขับในสถานีสุดท้ายต้องถูกยกเลิกไปโดยปริยาย ภาพรวมของงาน M 50 ปี ในสนามช้างก็คือ เครื่องยนต์และช่วงล่าง ยังคงเป็นหัวใจของ M Car สำหรับขุมกำลังนั้น ถูกพัฒนาจนเดินมาถึงทางแยกที่กำลังจะกลายเป็นจุดสิ้นสุด ทุกวันนี้  BMW M ไม่ได้มีเฉพาะรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังอีกต่อไป แน่นอนว่าบางรุ่นยังคงรักษาเส้นทางเดิมๆ เอาไว้ นั่นก็คือการขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หลังพร้อมระบบเกียร์แมนนวลหรือเกียร์ธรรมดา ใช้เครื่องยนต์ติดตั้งระบบอัดอากาศที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิมมาก พร้อมระบบรักษาเสถียรภาพที่ทำงานเป็นขั้นเป็นตอน แต่ลักษณะของการแสดงออกก็ยังเหมือนกับ M Car คันแรกเมื่อ 50 ปีก่อน นั่นก็คือ การยึดโยงกับมอเตอร์สปอร์ตและชัยชนะในสนามแข่งนั่นเอง.