โควิดเวิลด์วอร์ 2564 ท่องเที่ยวยับเยิน – ไทยรัฐ

สงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดเพราะ “อักษะ” กับ “พันธมิตร” แย่งความเป็นมหาอำนาจโลก ผลลัพธ์มีแต่ความพินาศ …ด้วยกันทั้งสองฝ่าย

แต่…สงครามไวรัสโคโรนา หรือ “โควิด-19” ทำโลกสะเทือนมาแต่ต้นปี 2563 มันหฤโหดต่อองคาพยพมนุษย์ 7,800 ล้านคน รุนแรงถึงขั้นสังเวยชีวิต 3.3 ล้านราย+ติดเชื้ออีก 160 ล้านคน+

…นี่ยังไม่นับรวมเศรษฐกิจโลกที่ทรุดหนักสาหัสกว่าครั้งใด

“เมืองไทย” อาจโชคดีช่วงเริ่มต้น…ที่เหมือนรับมือได้อยู่หมัด หลายประเทศถึงเผลอยกย่อง แต่…แค่ประเดี๋ยวประด๋าว ก็เกิดโป๊ะแตกถึงแหล่งระบาดเริ่มจากสนามมวย หนสองจากบ่อนภาคตะวันออก…หนสามโรงระบำจ้ำบ๊ะไฮโซทองหล่อเป็นไวรัสอังกฤษ กระจายถึงชุมชนคลองเตย

เหมือนไฟลามทุ่งติดกันเฉลี่ย 2,000 คน…บวก…ลบต่อวัน สะสมใกล้แสน ตายเป็นใบไม้ร่วงสูงขึ้นทุกวัน แล้วยังฉายภาพ…“คนป่วยรอเตียงกับความตาย ส่วนคนปกติก็รอวัคซีน”

อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด…เมื่อทุกชีวิตยังต้องเดินต่อไป ดีที่ได้อาศัยโครงการรัฐจัดเยียวยาให้สารพัด เช่น “เราชนะ” ถึง “ไทยชนะ” เฟส 1, 2, 3 ใกล้ถึงวัน “หายนะ” อยู่รอมร่อ?

อีกด้าน…รัฐเคยปั้นทัวร์ “กำลังใจ” กับ “เราเที่ยวด้วยกัน” แจกคนไปเที่ยว กิน ช็อป อ้างเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ…ผลลัพธ์กลับถูกธุรกิจโรงแรมบางโรง, บริษัทนำเที่ยวบางแห่ง…ประชาชนบางคน รวมหัวกันปล้นเงินรัฐ เพราะผู้บริหารโครงการขาดทักษะ และประสบการณ์ไล่ไม่ทันปัญหา

สะท้อนภาพรัฐนาวาพายวนอยู่แต่ในอ่าง หาทางออกเศรษฐกิจให้ประเทศ ที่เอะอะก็ต้องหันไปชู “ท่องเที่ยว” เป็นพระเอกม้าขาว โดยเข้าใจว่าเรียกเงินตราต่างประเทศได้ฉมังทุกทีไป

ทั้งที่ช่วงปีที่ผ่านมา…ท่องเที่ยวไทยป่วยหนัก นำเม็ดเงินเข้าประเทศได้แค่ 332,000 ล้านบาท จากเคยได้ 2 ล้านล้านบาทต่อปี แล้วรู้มั้ย…ปีเดียวกันนั้นภาคส่งออกปลูกเม็ดเงินได้ถึง 231,468 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 694,040 ล้านบาท…ขนาดตัวเลขติดลบ 6.01% นะนี่?

ถามว่า…สินค้าอะไรที่ล้ำหน้าท่องเที่ยวปีนั้น ตอบ…รถยนต์ส่วนประกอบรถยนต์ คอมพิวเตอร์ อัญมณี ผลิตภัณฑ์ยาง เม็ดพลาสติก แผงไฟฟ้า เครื่องประดับ เครื่องปรับอากาศ ผลิตผลภาคเกษตร

อนิจจา…รัฐได้แต่เมิน ไม่ใส่ใจเหมือนท่องเที่ยวที่ฟูมฟักยิ่งกว่าไข่ในหิน?

โมเมนต์นี้…นักเศรษฐศาสตร์สายท่องเที่ยวมากประสบการณ์ สะท้อนมุมมองว่า ถ้ารัฐหาแหล่งเงินซอฟต์โลน หรือพักชำระหนี้ ตลอดจนผ่อนปรนภาษีให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยว และลดค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ก็ดูจะเหมาะสมกับสถานการณ์…ซึ่งไม่ขัดวินัยการเงินการคลังบริหารงบประมาณแผ่นดิน

“แต่กรณีขนเงินภาษีมาอุดหนุนธุรกิจเอกชน ซึ่งมีผลกำไรตอบแทน มันย้อนแย้งระเบียบการคลัง ที่ว่า…รัฐจะนำงบฯมาให้เอกชนลงทุนมิได้ ยกเว้นโครงการที่รัฐมีส่วนร่วมเท่านั้น”

นี่ไง…จึงเป็นที่มาของ “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟส 1-3 กับโครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย” จากเศษเงินกู้ 5,000 ล้านบาท ซึ่งเปิดช่องให้ผ่านมติ ครม.ได้เมื่อ 23 มีนาคม ตั้งใจให้คนไทยเริ่มแย่งสิทธิกัน 27 พฤษภาคม ที่กำลังจะมาถึงนี้…ให้เที่ยวท้าทายโควิดไปจนถึงสิงหาคมปีนี้

งานนี้ กระทรวงการคลัง กับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รับเป็นแม่งานด้วยเงื่อนไขเดิมๆ ก่อนแจกเงินเที่ยววันธรรมดาอาทิตย์ถึงพฤหัสฯ ทำวัวหายล้อมคอกด้วยการสแกนใบหน้ายืนยันตัวตนผู้ใช้สิทธิ ป้องกันปัญหาทัวร์โจรแหกตารัฐซ้ำรอยเมื่อครั้งวันวานเช่นที่ผ่านมา

หลายคนอาจไม่รู้…“ทัวร์เที่ยวไทย” มาจาก “เที่ยวไทยวัยเก๋า” ที่เอกชนออกแบบรอขายผู้สูงอายุ เสนอ ททท.พิจารณารายการทัวร์ 3 วัน 2 คืน ราคา 12,500 บาท ลูกทัวร์จ่าย 60% ส่วนต่าง 40% ไม่เกิน 5,000 บาท รัฐอุ้มจ่ายจากเงินกู้ที่เหลือ นักเศรษฐศาสตร์ขมวดท้าย รัฐเชื่อว่าเงินจะสะพัด 12,500 ล้านบาท หมุนเวียนทางอ้อมอีก 3,000 ล้านบาท…เจ๋งเหลือกำลังจริงๆ

โครงการนี้ถึง ครม.จะผ่านฉลุย แต่ขอจี้ชายโครง ททท.ที่ลืมเมื่อปี 2562 เคยเปิดตัว “ท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล (Tourism For All)” ส่งเสริมตลาดคนพิการกับผู้สูงวัยวีลแชร์ ให้ได้ทัวร์เหมือนคนปกติ เพื่อลดช่องว่างความเป็นมนุษย์…ทว่า กิจกรรมนี้เขียนด้วยมือลบด้วยเท้า

ด้วยท่องเที่ยวถูกปลุกให้เดินไปข้างหน้า แต่ ททท.กลับทิ้งเขาเหล่านี้ไว้ข้างหลัง

แต่ไม่ทัน 2 โครงการนี้ขยับเดินหน้า…ก็ถูกโควิดกลายพันธุ์อังกฤษระบาดทั่วฟ้าเมืองไทยเสียก่อน แล้วยังได้สายพันธุ์อินเดียมาแจม ร่ำๆพันธุ์แอฟริกาในมาเลเซียก็จ่อจมูกบ้านเรา กับสายพันธุ์บราซิลเป็นคิวถัดไปอาจมากับทัวร์ต่างชาติ…เมื่อเราเปิดบ้าน?

รัฐบาลถึงเลิกดื้อ…รีบเลื่อนเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 กับทัวร์เที่ยวไทยออกไปไม่มีกำหนด

ว่าก็ว่า…เมื่อตลาดท่องเที่ยวไทยเหมือนรถติดหล่ม ถ้ารัฐใส่ใจให้ความสำคัญแผนชวนคนไทยทัวร์ไทย แทนทัวร์ต่างชาติที่หายไปนานเกินปี ตัวเลขไทยเที่ยวไทยก็น่าจะเพิ่ม…เหมือนปีที่แล้วได้กล้อมแกล้ม 90.77 ล้านคน…ประเมินสถานการณ์ปีนี้ ชัวร์ 76-99 ล้านคน

ตี๊ต่างว่าเป็นไปได้…เนื่องจากโปรดักส์ธรรมชาติ ได้ผ่านการพักฟื้นให้มีสีสันหลังถูกรุมสกรัมยับเยินมานาน…ย้ำอีกทีธรรมชาติฟื้นตัวมันเอง ไม่ใช่เกิดปาฏิหาริย์จากน้ำมือนักพัฒนาอาชีพขยี้ตาลุกขึ้นมาขับเคลื่อน…เพราะเรื่องแบบนี้ไม่เคยปรากฏในยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวไทย

มาถึงบทสรุป…เมื่อรัฐเน้นท่องเที่ยวแก้วิกฤติ ก็ต้องรู้จักเพิ่มพลังไดนามิก วางแผนเดินเกมรุกรับสถานการณ์ ไม่ดราม่าปั้นตัวเลขเสกมนต์ “สังโฆ ธัมโม เราเที่ยวด้วยกัน” ทุกครั้งไป

อีกอย่าง…สถานะท่องเที่ยววันนี้ ไม่ต่างอะไรกับนกปีกหักเพราะถูกโควิดถล่มยับ ก็ยิ่งต้องเร่งมือสร้างความเชื่อมั่นกับคนไทย สวมหัวใจพลิก “วิกฤติ” ให้เป็น “โอกาส” ออกเดินทางท่องเที่ยวแผ่นดินตัวเอง ในยามไร้คนต่างแดนมากระจุกตัว พันแข้งพันขายั้วเยี้ยเต็มไปหมด

ต้องเข้าใจ…พฤติกรรมคนไทยไม่ทิ้งลักษณะนิสัยชอบท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนกับแสวงหาประสบการณ์ใหม่ มาใช้กับชีวิตประจำวัน …โดยรัฐไม่ต้องกู้เงินมาหว่านจ้างคนเที่ยว เพียงสร้างสรรค์ครัวเรือนให้อิ่มสุข มีเงินออมมากพอให้เจียดมาท่องเที่ยวได้

สัจธรรมข้อนี้ต่างหากที่คนไทยต้องการ…อันจะนำไปสู่เป้าหมายคนไทยเที่ยวในประเทศปีนี้ตามเป้า

กูรูท่องเที่ยวมองจุดนี้ก่อนให้ความเห็น ตอกย้ำแบบชัดๆไว้ว่า “ถ้าตลาดท่องเที่ยวไทยมั่นคง ให้ผู้ประกอบการมั่นใจ เท่ากับการต่อลมหายใจให้ได้ระดับหนึ่ง โดยไม่ต้องรีบร้อนรับต่างชาติ ให้เสี่ยงเกิดคลัสเตอร์ใหม่จากทัวร์อินบาวด์ ที่ไม่ต้องกักตัวเมื่อฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม เพราะแพทย์ยืนยันชัดเจน…การแพร่และรับเชื้อยังเกิดขึ้นได้เสมอ…รอให้ทุกอย่างเสถียรแล้วค่อยๆคิดเปิดบ้านจะดีกว่า”

แต่ปัญหาสำคัญมีว่า “มันช้า…ไม่ทัน” ถ้า ททท.จะโชว์พาวแจกตั๋วเรือบินแสนใบ ให้เอเย่นต์ต่างชาติไปขนลูกทัวร์มาเริงระบำบ้านเราแข่งกับทองหล่อ…อะไรจะเกิดขึ้นบ้างให้คิดกันเอาเอง?